เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เดินทางไกลสู่โลกของการทำงานSasikan Jontapa
วันนิทานในป่าใหญ่
  • กิจกรรมที่สำคัญที่สุดในการฝึกงานครั้งนี้ดำเนินมาถึง

    การจัดงาน Reading Club ครั้งแรกของสำนักพิมพ์ SandClock Books

    และครั้งแรกของเด็กฝึกงานตัวน้อย ๆ คนนี้

    (ถึงแม้ว่าจะมาเล่าย้อนหลังนานไปสักเล็กน้อยแต่ถือว่าดีกว่าเก็บเงียบคนเดียวไม่เล่าให้ใครฟัง)




              การฝึกงานกับที่สำนักพิมพ์เล็ก ๆ แห่งนี้เน้นทำงานที่บ้านเป็นหลัก จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าหากว่าเราตื่นเต้นกับการออกไปเจอผู้คนโดยเฉพาะเด็ก ๆ ในงานนี้เป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนชอบเก็บตัวก็ตาม



              งาน SandClock Reading Club คือการจัดงานเล่านิทานและดึงโลกในนิทานมาเป็นกิจกรรมที่สามารถจับต้องได้จริงให้เด็ก ๆ ได้ฟังนิทานและร่วมสนุกไปกับการลงมือประดิษฐ์ของเล่น งานนี้พี่ทรายมอบหมายให้เด็กฝึกงานทั้ง 4  คนช่วยกันคิดธีม รูปแบบลักษณะงานอย่างที่เคยเล่าไปแล้ว และงานได้จัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา



              ด้วยความที่เป็นครั้งแรกของสำนักพิมพ์ และครั้งแรกของเด็กฝึกงานด้วยจึงมีหลายอย่างที่ตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีแฟรี่ นักศึกษาฝึกงานอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวเอกในการทำแบบฟอร์มลงทะเบียนเข้างาน และต้องตกใจกับจำนวนผู้กรอกแบบฟอร์มทั้งที่ยังโพสต์ในเพจเพียงไม่กี่นาทีจนต้องถอยกลับไปปรับปรุงใหม่ แล้วโพสต์ให้ลงทะเบียนอีกครั้ง



              ความขัดข้องเล็ก ๆ ในช่วงต้นได้รับการแก้ไขอย่างดีโดยมีแฟรี่เป็นตัวเอกในการสร้างแบบฟอร์มเช่นเดิม จากนั้นก็จะเป็นการเตรียมงาน เตรียมโต๊ะเก้าอี้สำหรับให้เด็ก ๆ นั่ง เตรียมของกระจุกกระจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก ๆ ได้ใช้สำหรับการประดิษฐ์ คือการตัดกระดาษสี ๆ เป็นรูปทรงต่าง ๆ เตรียมสีไม้ สีเทียน สีเมจิก เชือก ไหมพรม กระดาษสี กระดาษลูกฟูก กรรไกร เทปกาว เป็นส่วนประกอบในการสร้างกระเป๋าเหมือนกับคุณฮาริฮาริในเรื่องร้านกระเป๋าในป่าใหญ่ หรือจะสร้างโรงแรมของตัวเองเหมือนครอบครัวแร็กคูนจากเรื่องโรงแรมในป่าใหญ่ก็ได้



              ตัวเอกของงานนี้ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้คือพี่กิ๊บและคูมิซังจากมูลนิธิเมล็ดฝันที่รับหน้าที่เล่านิทานในงาน มีทั้งนิทานชุดในป่าใหญ่ และนิทานญี่ปุ่นหลายเล่มที่ทางมูลนิธิยกมาจัดเป็นนิทรรศการขนาดเล็กให้พ่อแม่และลูก ๆ ได้เปิดอ่านกลางร้านหนังสือ Kinokuniya สาขา CentralWorld



    ภาพภายในงาน SandClock Reading Club โดย พี่นิดนก



              ภาพด้านบน คือบรรยากาศของงานขณะเพิ่งจัดงานเสร็จ ที่ชั้นหนังสือมีทั้งหนังสือนิทานของสำนักพิมพ์ SandClock Books และหนังสือสำหรับเด็กหลากหลายรูปแบบของต่างประเทศจากมูลนิธิเมล็ดฝันให้ผู้มาเยือนได้เปิดอ่านและเล่าให้เด็ก ๆ ฟังระหว่างช่วงพักเบรกการเล่านิทานในแต่ละรอบ ภายในงานจะมีบริการนักเล่านิทานด้วยนะ (เราเอง) แต่น่าเสียดายที่มุมประดิษฐ์งานยุ่งมาก ๆ จนไม่ได้ไปแสดงตัวให้เหล่าพ่อแม่เห็นและเรียกใช้บริการ เราจึงไม่ได้เล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟังในงานนี้



              เชื่อหรือไม่ว่าในภาพบรรยากาศงานที่จัดกลางร้านหนังสือ ปูเสื่อ วางเก้าอี้ถุงถั่วลงบนพื้นปราศจากผู้คนด้านบนที่เราแนบเอาไว้ หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็มีคนแวะเวียนเข้ามานั่งจนเต็มหลายครอบครัว และแทบทุกครอบครัวกางหนังสือเล่านิทานให้ลูกฟัง เป็นภาพที่เรามองเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นมากทีเดียว



              ความอบอุ่นต่อไปที่เราได้เห็น คือขณะที่พี่กิ๊บและคูมิซังจากมูลนิธิเมล็ดฝันกำลังผลัดกันเล่านิทาน  ในแต่ละรอบจะใช้เวลาเล่านิทานรวมประดิษฐ์ของเล่นกับมูลนิธิเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และภายในงานมีเด็ก ๆ หลากหลายวัย จึงเป็นเรื่องน่าทึ่งที่เราได้เห็นเด็ก ๆ นั่งลงบนเสื่อ หรือบนตักผู้ปกครอง แล้วฟังนิทานอย่างตั้งใจ และยังมีส่วนร่วมกับนิทานด้วย เช่นตอนนี้คูมิซังบอกให้ทุกคนสามารถกระโดดไปพร้อมกับหนังสือได้ เด็ก ๆ ก็กระโดดตามด้วยรอยยิ้มดูสนุกสนาน



              อย่างที่เราเชื่อว่าการเล่านิทานนั้นมีพลังวิเศษที่สามารถสะกดให้เด็กซุกซนจากต่างถิ่นต่างวัยรวมตัวกันในความสงบเรียบร้อย ส่วนนักเล่านิทาน คือผู้วิเศษ



              ภายในงานนี้เราได้รับหน้าที่ให้ประจำมุม Arts & Crafts ด้วย คือพื้นที่ที่ให้เด็ก ๆ เข้ามานั่งเล่นได้ตลอดเวลาและไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า โต๊ะสีน้ำเงินทั้งสามตัวในมุมนี้จึงคึกคักมาก ๆ ตั้งแต่เวลาห้างเปิด



              อย่างที่เล่าไปแล้วข้างต้นว่างานนี้เราจะให้เด็ก ๆ ทำกระเป๋ากับโรงแรมเหมือนกับในนิทาน เรากับเพื่อน ๆ ทีมฝึกงานคิดกันว่าจะให้เป็นกระเป๋าแบบนำกระดาษมาพับเป็นถุง เจาะรู และร้อยเชือกเป็นหูกระเป๋า ส่วนโรงแรมจะใช้กระดาษลูกฟูกเป็นฐาน และสามารถสร้างตึกขึ้นมาได้อย่างอิสระ โดยได้ไอเดียมาจากโรงแรมครีมที่พี่นิดนกเป็นคนหยิบยกขึ้นมา



              เราจินตนาการภาพภายในงานเอาไว้ว่าคงไม่มีอะไรหนักหนาเกินกำลัง คิดว่าคงสบาย ๆ เน้นความสนุกสนาน เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่ที่พาลูกมาเที่ยวห้างที่คนเยอะคงจะคอยนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกและช่วยลูกประดิษฐ์สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ด้วย แต่ผิดคาด พ่อแม่หลายคนนั่งอยู่ข้างลูก และช่วยเหลือทุกขั้นตอนก็จริง แต่มีพ่อแม่ที่ให้ลูกเล่นอย่างอิสระและคอยมองอยู่ห่าง ๆ เช่นกัน



              ส่วนที่ทำให้เราแปลกใจมากคือ



              "แม่อย่าพูด" เด็กคนหนึ่งบอกกับแม่ของเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนแม่ของเธอที่พยายามช่วยสอนลูกพับกระเป๋าเพราะเรากำลังงานยุ่งกับเด็กหลายคนก็หัวเราะ



              เด็กคนนี้มองเราตาใสอย่างน่าเอ็นดู พร้อมจะฟังสิ่งที่เราสอนด้วยความตั้งใจ โดยบอกให้แม่ที่พยายามช่วยให้นั่งรอที่อื่นได้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ปกครองคอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ ก็ตาม บางครั้งเด็กก็อยากได้การสอนจากคนอื่น เราจึงเริ่มเข้าใจเวลาว่าเด็กบางคนไม่เชื่อแม่ แต่เชื่อคุณครูที่โรงเรียน



              "ฝากหน่อยนะคะ ขอไปเข้าห้องน้ำ" คุณแม่อีกคนหนึ่งบอกกับเรา แล้วลุกออกไปหลังจากเห็นว่าลูกสาวนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ เราและตั้งอกตั้งใจสร้างโรงแรมของตัวเองเป็นอย่างมาก



              เมื่อเห็นท่าทางและความตั้งใจของน้อง เราก็ไม่แปลกใจอีกที่คุณแม่ฝากลูกไว้กับคนแปลกหน้าแบบเราที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เพราะน้องนั่งนิ่ง จดจ่อกับงานประดิษฐ์มาก และไม่มีทางลุกไปเดินเล่นที่อื่นจนหลงได้ง่าย ๆ



              นี่คือสองเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายของเรามาก เราจึงรับรู้แบบที่เห็นได้จริง ๆ ว่าเด็กแต่ละคนมีนิสัยแตกต่างกันมากทีเดียว เราไม่สามารถคาดคะเนแบบเหมารวมทั้งหมดได้เลย



              นอกจากนิสัยที่แตกต่างกัน คือช่วงวัยและพัฒนาการที่แตกต่างกันด้วย เด็กบางคนใช้กรรไกรคล่องจนเราอยากชม น้องตอบกลับอย่างน่าเอ็นดูว่า "ต้องคล่องสิ เจ็ดขวบแล้วนะ" แล้วตัดกระดาษด้วยกรรไกรต่อไปโดยไม่ต้องให้เราช่วยเหลือ



              เด็กบางคนยังเล็กมาก



              "น้องอายุเท่าไหร่คะ" เราถามคุณแม่ของน้องที่คอยนั่งประกบลูกไม่ห่าง



              "ขวบเจ็ดเดือนค่ะ" เรากับคุณแม่หัวเราะออกมาพร้อมกัน เพราะคิดว่าการสอนพับกระเป๋ากระดาษคงไม่เหมาะสำหรับเด็กวัยนี้ เราจึงรีบเร่งพับกระเป๋าให้น้องด้วยตัวเอง แล้วให้น้องเป็นคนวาดรูปตกแต่งด้วยสีที่เตรียมเอาไว้อยู่บนโต๊ะ แต่น้องกลับไม่วาดเลย



              "ชอบหมีไหม เดี๋ยวพี่วาดหมีให้" เราเห็นน้องใส่เสื้อลายหมีจึงพูดขึ้นมา แล้วเอาสีเทียนมาขีด ๆ เป็นรูปหมีอย่างที่เคยเล่นกับน้องสาวที่บ้านตอนอายุประมาณหนึ่งขวบเจ็ดเดือน ต้องขอบคุณประสบการณ์การเล่นกับเด็กที่มี เพราะมันค่อนข้างได้ผล ถึงน้องจะไม่ได้หยิบสีมาขีดเขียนด้วยตัวเองแต่เราเห็นว่าน้องดูสนุกเวลาเราวาดรูปให้ดู



              การคาดเดาอีกอย่างหนึ่งที่ผิดพลาด คือทางทีมงานคิดว่าเด็กคนหนึ่งคงนั่งที่มุมนี้แค่ไม่นาน เพราะการประดิษฐ์สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไม่ต้องใช้เวลามากนัก และเราก็ตั้งใจทำให้เป็นการประดิษฐ์ง่าย ๆ รวดเร็ว แต่ได้ของที่ระลึกกลับบ้านด้วย



              การคาดเดาถูกเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น มีเด็ก ๆ ที่นั่งประดิษฐ์เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ เดี๋ยวเดียวก็ลุกออกไปจริง แต่ส่วนใหญ่จริงจังกับการประดิษฐ์นี้มาก ขณะที่เรากำลังสอนเด็ก ๆ สองสามคนให้พับกระเป๋าอย่างช้า ๆ ทีละขั้นตอน เมื่อเราเงยหน้าขึ้นมาอีกที ที่โต๊ะตัวถัดไปเราได้เห็นเด็กสร้างตึกของโรงแรมที่แต่ละด้านขนาดเกือบหนึ่งไม้บรรทัด และสูงขึ้นมาอีกหนึ่งไม้บรรทัด เราได้เห็นเด็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามนำกระดาษลูกฟูกต่อเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีหลังคาทรงสามเหลี่ยมอย่างสวยงามดูแข็งแรงจนเราต้องขอเคล็ดลับว่าทำได้อย่างไร



              "ต้องเอาติดข้างในอย่างนี้ อย่างนี้" น้องกระตือรือร้นที่จะบอกเคล็ดลับกับเรามาก นิ้วเล็ก ๆ ชี้ที่ด้านในของโครงบ้านตรงที่น้องใช้เทปกาวติดเชื่อมหลังคากับตัวบ้านเอาไว้ เราชอบช่วงเวลาแบบนี้ของเด็ก ๆ มากที่สุด ตอนที่เด็ก ๆ เป็นฝ่ายได้สอนคนอื่น ๆ บ้าง หลังจากมีคุณครู พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่คอยสอนมาตลอด



              ต้องชอบคุณน้องคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเราได้นำเคล็ดลับข้อนี้ไปสอนเด็ก ๆ คนอื่นต่ออีกหลายคน ให้ได้วิธีการทำหลังคาทรงสามเหลี่ยมในการสร้างโรงแรมของตัวเองบ้าง



    มุม Arts & Crafts ในงาน SandClock Reading Club โดย พี่นิดนก



              ภาพข้างบนที่ทุกคนเห็นอาจจะดูน่ากลัวสักเล็กน้อยในยุคโควิด-19 แต่เราขอออกตัวก่อนเลยว่านี่คือการสุมหัวรวมพลังก็จริง แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดในมุมภาพนี้ และเราได้ตรวจ ATK ก่อนเข้างานแล้วพบว่าผลเป็นลบ หลังจากงานก็ยังคงผลเป็นลบเช่นกัน



              หลังจากออกตัวเรียบร้อยแล้วก็ขอเข้าเรื่องน่ารักกันเลย ในภาพคือสองพี่น้องพ.พานที่นั่งอยู่กับเรานานมาก ๆ เพราะคนพี่ที่สวมเสื้อแขนยาวตั้งอกตั้งใจวาดโรงแรมของตัวเองเป็นพิเศษ โดยมีเราช่วยออกไอเดียบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภาพเป็นขณะที่พี่สาวพ.พานกำลังนำเสนอโรงแรมของตัวเองให้เราดู โดยมีน้องสาวพ.พานรับบทเป็นแขกของโรงแรม



    โรงแรมสุขใจหนึ่งร้อยปี (เพราะใช้เวลาทำหนึ่งร้อยปี)
    สร้างโดย พี่สาวพ.พาน



    ด้านในโรงแรมสุขใจหนึ่งร้อยปี



              ผลงานของพี่น้องพ.พานน่ารักจนเราขอถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนที่น้องจะเก็บโรงแรมกลับบ้านไป โดยได้รับการอนุญาตจากน้อง ๆ และคุณแม่ของน้องเรียบร้อย เราชื่นชมในรายละเอียด ความตั้งใจและสมาธิที่ดีของน้องแม้ว่าจะมีสิ่งเร้ามากมายรอบข้างจริง ๆ



              หวังว่าจะได้สุมหัวรวมพลัง (แบบห่าง ๆ) กันอีกนะ!

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in