หากไม่นับบทนำ หนังสือเล่มนี้มีสามส่วนด้วยกัน ส่วนแรกจะอธิบายถึงภาพรวมของการเป็นคนเงียบๆ ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า โลกส่วนตัวสูง (ล ลิงนะ ไม่ใช่ โรค) หรือกลุ่มคนที่ภาษาอังกฤษให้คำจำกัดความว่า introvert นั้น มีลักษณะนิสัยอย่างไร ต่อด้วยส่วนที่สอง ที่แนะนำการใช้ชีวิตของคนเงียบๆว่า ต้องทำตัวอย่างไรให้สามารถอยู่ได้อย่างเป็นสุขและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และส่วนสุดท้าย จะเป็นคำแนะนำว่าคนเงียบๆควรปฏิบัติตัวอย่างไร ให้สังคมช่างจ้อ หยุดจ้อและหันมาฟังและยอมรับในตัวเรา

     ในแต่ละบท นอกจากเนื้อเรื่องเนื้อหาแล้ว ก็จะสอดแทรกสิ่งละอันพันละน้อยเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบทดสอบสั้นๆ ว่าคนอ่านคิดว่าตัวเองเป็นคนเงียบๆหรือที่ในหนังสือจะใช้คำว่า "คนเก็บตัว" หรือไม่ มีตารางนำชี้ประเด็นสำคัญที่ต้องการนำเสนอ มีการแนะนำเว็บไซต์ให้เข้าไปทำแบบทดสอบความเป็นคนเก็บตัว มีตารางเปรียบเทียบ และหลายบทก็จะมีกล่องสรุปเล็กๆให้ด้วย

     อ่านแล้วชอบนะ ชอบที่ในที่สุดก็มีใครสักคนสามารถจำแนกความเป็นเรา ความเป็นคนเงียบๆและเก็บตัว ออกมาให้โลกได้รับรู้และยอมรับ อย่างที่เกริ่นว่าตัวผู้เขียนเอง เธอก็เป็นคนเก็บตัว แต่ในขณะเดียวกัน เมื่ออยู่ในสังคม เธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอยู่รอดให้ได้ จนกลายมาเป็นคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้ในที่สุด

     ส่วนที่ชอบที่สุดส่วนหนึ่งของหนังสือ คือการตีแผ่จุดแข็งและจุดอ่อนของคนชอบเก็บตัว ซึ่งอ่านแล้วอดพยักหน้าตามไม่ได้ เพราะมันจริงแทบทุกข้อ(อย่างน้อยก็ในความคิดของเรา) ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งด้าน ความมีสาระ(วันๆก็อยู่แต่กับสาระอยู่แล้ว) การรับฟัง(เราไม่ค่อยพูด คอยฟังคนอื่น) ความสงบนิ่ง(ก็ไม่ค่อยพูดไง) และการเขียน(เขียนสนุกหรือไม่เชิญคุณผู้อ่านให้คะแนนค่ะ หุหุ) เป็นต้น อีกมุมหนึ่ง เราก็มีจุดอ่อนเรื่องความกลัว(กลัวการเข้าสังคม ><) การใช้สมองมากเกินไป(แถวบ้านเรียก วิตกจริต) การเลี่ยงการสื่อสาร(ไม่เอา ไม่โทรศัพท์!!) และการหนี(ใช่ ไม่มั่นใจถอยไว้ก่อน) เป็นต้น

     หนังสือเล่มนี้ แน่นอน เหมาะสำหรับคนชอบเก็บตัว/คนเงียบๆ/คนที่ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเป็น Introvert ซื้อเถอะ อุดหนุนคนเงียบๆเหมือนกัน แถมยังเป็นการซื้อมาอ่านเพื่อเข้าใจตัวเองในมุมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และร่ำเรียนเคล็ดลับที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดในโลกที่มีแต่คนคุยเก่งแบบทุกวันนี้

     และสำหรับคนคุยเก่ง/คนชอบเข้าสังคม/พวก Extrovert ทั้งหลาย หากคุณต้องการจะเข้าใจคนที่เหมือนอยู่อีกฝั่งของคุณ ว่าทำไมคะยั้นคะยอแทบตาย เขาก็พูดออกมาแค่ประโยคเดียว ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเพื่อมองคนในครอบครัวอย่างเข้าใจมากขึ้น หรืออาจกำลังหมายตาจะจีบคนเงียบๆอยู่ หรืออยากจะรู้จักตัวตนของเจ้านาย/ลูกน้อง ที่เงียบกว่าเรามากๆ ฯลฯ ก็แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้เช่นกัน