เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : มหัศจรรย์แห่งรัก เล่ม 1
  • ผู้เขียน : ว.วชิรเมธี
    สำนักพิมพ์ : บริษัท เทน้ำเทท่า จำกัด (ชื่อบริษัทเท่ห์เหลือเกิน หุหุ)
    จำนวนหน้า : 264 หน้า
    ราคา : 195 บาท


         สวัสดีค่ะ

         อะแฮ่ม เนื่องจากว่า ตอนนี้ยัยคนเขียนกำลังหลงรักตัวเองในเกม(ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า avatar) อย่างหัวปักหัวปำมาก เวลาเล่นเกมมันช่างเพลินพิศเสียนี่กระไร ทรามวัยช่างน่ารักน่าเอ็นดู 
         เพราะฉะนั้น วันนี้ เลยจะมาเล่าถึงหนังสือเกี่ยวกับความรักและธรรมะ(เอ๊ะ?) ให้ได้อ่านกันค่ะ 

         หนังสือเล่มนี้คือ "มหัศจรรย์แห่งรัก เล่ม 1" ผู้เขียนคือ ท่าน ว.วชิระเมธี 


         เมื่อพูดถึง ว.วชิรเมธี หลายคนอาจรู้จักท่านในฐานะพระนักเทศน์ ผู้เคยได้รับแต่งตั้งเป็นทูตสันติภาพโลก ประจำปี ๒๕๔๘ โดยสภาศาสนาเพื่อสันติภาพโลก

         แต่ใครจะคาดคิด ว่าวันหนึ่ง ท่านจะได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับความรัก ที่ชื่อ "มหัศจรรย์แห่งรัก เล่ม 1" เล่มนี้ขึ้นมา
         ว่าแล้วก็มาอ่านกันดีกว่า ว่ามีสาระหลักธรรมใดๆให้ทัศนาบ้าง


         แน่นอน หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง "ความรัก" ซึ่งความรักนั้นมีหลายมิติด้วยกัน หากจะมองรักเป็นกิเลส กิเลสตัวที่ใกล้เคียงความรักที่สุด ก็คือ ราคะ แต่หากจะมองรักให้เป็นหลักธรรม หลักธรรมที่สื่อถึงรักได้นั้นคือ พรหมวิหารสี่ อันประกอบไปด้วย เมตตา(อยากให้ผู้อื่นเป็นสุข) กรุณา(อยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์) มุทิตา(ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี) และอุเบกขา(ความวางเฉย)
      
         นอกจากสองมุมมองนี้ รักก็ยังมีมุมมองอื่นๆให้พูดถึงได้อีกหลายหลาก

         หนังสือเล่มนี้จะเกริ่นนำให้ผู้อ่านคุ้นเคยกับความรักเสียก่อน จากนั้นจึงต่อด้วยเนื้อหาที่แบ่งเป็นสองภาค ภาคแรกจะกล่าวถึงความจริงของความรัก ส่วนภาคที่สองจะกล่าวถึง ความรักในมิติต่างๆทั้ง 14 มิติ อย่างไรก็ดี ด้วยความจำกัดแห่งรูปเล่ม หนังสือ "มหัศจรรย์แห่งรัก" เล่มแรกนี้ จะกล่าวถึงเพียงมิติที่ 1 ถึง 7 เท่านั้น ส่วนมิติที่ 8 ถึง 14 จะอยู่ใน "มหัศจรรย์แห่งรัก 2"
         แต่ข้าพเจ้ามีเล่มแรกเพียงเล่มเดียว...


         "ความรัก" ในมุมมองของท่านว.วชิรเมธี นั้น มีหลายหลายแง่มุมทีเดียว เพียงในภาคแรกนั้น ท่านก็ได้จำแนกความรักไว้ 4 ประเภท ด้วยกัน ได้แก่ รักตัวกลัวตาย รักใคร่ปรารถนา รักเมตตาปรานี และ รักที่มีแต่ให้ ซึ่งแน่นอนว่า ความรักประเภทที่บริสุทธิ์ที่สุดในมุมมองของท่านก็คือ รักที่มีแต่ให้ นั่นเอง
      ส่วนในภาคที่สอง ท่านยังได้จำแนกความรักที่คนเราจะมีนั้นเป็นประเภทต่างๆ โดยเท่าที่อ่านดู ประเภทที่แยกกันนั้น เป็นไปตามวัตถุหรือบุคคลที่เราจะรัก ไม่ว่าจะเป็น รักประสาพ่อแม่ลูก คู่รัก คู่ชีวิต (เอ้อ อ่านหัวข้อแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ สองอันนี้ต้องแยกกันด้วยรึ?) มีแม้กระทั่งความรักระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ หลายมิติดีจริงๆ

         ส่วนที่เราคาใจระหว่างคู่รัก กับ คู่ชีวิตนั้น เมื่ออ่านแล้วพบว่า จะมีหลักธรรมเบื้องหลังที่แตกต่างกันอยู่ โดยในบท คู่รัก นั้น จะเน้นถึงการเลือกคู่ ว่าต้องดูอย่างไรว่าคนๆนี้เหมาะกับเราหรือไม่ด้วยหลักนี้ๆๆ ส่วนคู่ชีวิตนั้นจะกล่าวถึงหลักการว่า เมื่อเลือกมาอยู่ร่วมกันแล้ว ควรปฏิบัติตัวอย่างไร จึงจะครองคู่ได้อย่างมีความสุข
         อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...


         ก็ เป็นมุมมองที่น่าสนใจดีนะ ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ว่า "ความรัก" คำเดียว นี้ ท่านว.วชิรเมธีจะสามารถสาธยายหลักธรรมควบคู่ไปกับความรักได้ในหลายบริบทขนาดนี้
      
         และการจัดวางเนื้อหาในรูปเล่มก็อ่านไม่ยากค่ะ มีภาพ มีลายเส้นสวยๆ มีตัวอักษรหลายสี (ดำ แดง ชมพู อะไรงี้) มีรูปภาพบ้าง มีกรอบคำคม มีหลักธรรมคำสอนที่อ่านแล้วอดยิ้มเย็นตามไม่ได้ (ต้องยิ้มเย็น เพราะอ่านแล้วได้คิด แต่ถ้ายิ้มเหยียด คือสมเพช)
         แล้วก็ มีหลักจากธรรมะ 38 ประการ และมีพุทธประวัติและประวัติพุทธสาวกด้วยนะ เหมือนได้เรียนพระพุทธศาสนากลายๆ


         แม้เรื่อง มัทนพาธา จะบอกเราว่า ความรัก เหมือนโรคา บันดาลตา ให้มืดมน ก็ตาม แต่ถ้าเราเรียนรู้ที่จะรักอย่างมีสติ เราอาจไม่มัวเมาจนมืดบอดไปกับความรักก็ได้นะ 

         และเราเชื่อ ว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม และหากเราเรียนรู้วิธีที่จะรักได้อย่างมีความสุข และก่อเกิดประโยชน์ต่อชีวิตได้ ความรักคงรังสรรค์ความมหัศจรรย์แก่ชีวิตให้เพิ่มพูนได้อย่างแน่นอน
         บางที การเรียนรู้ที่จะรักไปพร้อมๆกับการเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา อาจจะเสริมกันให้เราสามารถรักอย่างเต็มที่และมีความสุข ก็ได้นะ   


         สงสัยต้องไปหาซื้อ "มหัศจรรย์แห่งรัก เล่ม 2"  มาอ่านซะแล้วล่ะ


      ถ้าสนใจธรรมะและความรัก ทั้งยังสงสัยว่า ธรรมะ กับ ความรัก มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรบ้างแล้วล่ะก็ 

         ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูมั้ยคะ?


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่   
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ  

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in