ผู้เขียน : สาธิต บวรสันติสุทธิ์
สำนักพิมพ์ : Smart Life
จำนวนหน้า : 272 หน้า
ราคา : 195 บาท
สวัสดีค่ะ
ก่อนเข้าเรื่อง ขออนุญาตแจ้งก่อนเลยว่า เดือนหน้า(พฤษภาคม) ทั้งเดือน เป็นเดือนซึ่งเราได้รับมอบหมายงานที่โหด หิน และกินระยะเวลานานมาก(ทั้งเดือน!) เพราะฉะนั้น ในเดือนหน้า ถ้าเราอาการปางตายอยู่ที่ทำงานจนไม่สามารถเขียนบทความลงบล็อคได้, ลงช้ากว่าที่เคย, เล่าอะไรด้วยอารมณ์หดหู่หม่นหมอง หรือเขียนได้หย่อนประสิทธิภาพไปบ้าง ก็ขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้นะคะ แต่จะพยายามกระเสือกกระสนมาเขียนให้ได้ค่ะ สำหรับคุณผู้อ่านที่ติดตามเป็นประจำก็แวะมาชมตามเวลาเดิมที่ลงบทความได้นะคะ ขอบพระคุณค่ะ
ถึงได้งานยากอย่างไรก็สู้ค่ะ สู้อย่างสุดความสามารถ ให้มันรู้กันไปว่าจะเป็นยังไง
เข้าเรื่องดีกว่า
เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วได้เขียนบทความเกี่ยวกับการวางแผนภาษี ในวันนี้เลยมาแนะนำหนังสือเกี่ยวกับการเงินเล่มหนึ่งที่ได้อ่านจบไป ชื่อว่า "ความจริง ความคิด"
มีใครรู้สึกเหมือนเราไหมว่า วิชาความรู้ที่เรียนกันในโรงเรียนกว่าครึ่ง ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน มีใครต้องใช้สูตรแคลคูลัสตอนซื้อกาแฟหน้าปากซอยบ้าง หรือ เคยมั้ย ต้องคำนวณหาแรงโน้มถ่วงของโลกเวลาขับรถ อะไรงี้ ไม่มี!!
ในทางกลับกัน ความรู้ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่าง กลับไม่มีสอนในโรงเรียน เช่น การวางแผนภาษี การเตรียมตัวสำหรับสมัครงาน หรือแม้แต่ทักษะการเข้าสังคม
และหนึ่งในวิชาที่โรงเรียนไม่เคยสอน(หรืออย่างน้อยเราก็ไม่เคยเรียน) แต่จำเป็นมากในชีวิตจริง คือ การบริหารเงิน
และนี่คือสาระสำคัญใน "ความจริง ความคิด"
"ความจริง ความคิด" เล่มนี้จะอธิบายถึงวิชาการเงิน วิชาชีวิตที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับเราทุกคน โอเค เรารู้ว่า เมื่อเราเรียนจบเราก็ต้องทำงาน ถ้าเราเป็นพนักงานให้หน่วยงานหรือภาคธุรกิจของคนอื่น เราก็จะได้เงินเดือน แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการเอง เวลาที่มีลูกค้าซื้อสินค้าและบริการเรา เงินที่เข้ามาคือรายได้ของเรา
ได้เงินมาแล้ว แล้วยังไงต่อ?
มันก็ต้องเอามาจัดสรรและบริหารสิค้า
หนังสือเล่มนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเงินในหลายบริบทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับภาษี การลงทุน ทรัพย์สิน/หนี้สิน การซื้อบ้าน ฯลฯ ตลอดจนเคล็ดลับการบริหารเงินอย่างไรให้แก่อย่างมีความสุข
จริงๆแล้วเนี่ย ตอนที่ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ เราคิดเอาเองว่ามันคงเกี่ยวกับจิตวิทยา ประมาณว่า ในความคิดเรามีหลักอะไรบ้าง (คือไม่ได้อ่านหน้าปกไง เพราะกดซื้อออนไลน์ //บื้อแท้ หน้าปกเขาก็ใบ้ให้แล้วว่าเกี่ยวกะอะไร) พอเปิดอ่านก็ เอ๊ะ มันไม่ใช่อย่างที่คิดนี่นา แต่ด้วยความที่เนื้อหามันมีสาระอันพอเข้าใจได้อยู่บ้าง จึงสามารถถูไถอ่านไปจนจบได้
เนื้อหาส่วนหนึ่งที่ชอบ คือตอนที่ผู้เขียนเล่าถึงการให้คำแนะนำลูกว่าจะเรียนวิชาอะไรดี ด้วยการให้ลูกนำคณะที่มีในใจมาวาง จากนั้นทำตารางเปรียบเทียบปัจจัยแต่ละอย่างที่มีผลต่อการเลือกคณะ เช่น หางานง่าย เงินเดือนดี แต่ปัจจัยเดียวที่ไม่ให้ลูกใส่เข้าไปคือ "เพราะเพื่อนเลือก" อ่านแล้วก็ เออ ดีว่ะ จริงๆเราว่าการทำตารางเปรียบเทียบแบบนี้เป็นวิธีที่เข้าท่ามากเลยนะ เพราะตอนอยู่ปีสามก่อนเลือกสายเฉพาะทางอ่ะ เราก็ทำตารางเปรียบเทียบวิชาแต่ละสายแบบนี้เหมือนกัน และเพราะการทำตารางเปรียบเทียบแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เราตัดสินใจได้ว่า เราอยากเรียนสายไหนมากที่สุด (เราจะไม่พูดถึงเกรด โอเค้? เอาแค่ได้เรียนวิชาที่สนใจ)
แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว เราว่าคณะที่สามารถสมัครเข้าไปได้หลายองค์กรคือ บัญชี/บริหาร, เศรษฐศาสตร์, รัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์...
คำเตือนอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจหนังสือเล่มนี้ก็คือ มันมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเลข บัญชี และเศรษฐศาสตร์อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ถนัดเรื่องนี้ หรือเจอตัวเลขเยอะเป็นพืดทีไรเวียนหัวทุกทีล่ะก็ ก่อนซื้อคุณคงต้องทดลองอ่านให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นลมไปเสียก่อนจะอ่านจบ
หรือถ้าอยากอ่านมากจริงๆ อย่าลืมพกยาดมติดตัวขณะอ่านด้วยละกัน
แม้ว่าจะมีศัพท์เฉพาะทางและเนื้อหาน่าง่วง เราก็ยังว่าหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์ เพราะเราเชื่อว่า ทุกคนควรมีหลักที่จะบริหารเงินให้เป็นเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้โดยไม่อดตาย และไม่รู้ทำไม เท่าที่สังเกต เราว่าคนประเทศเราหลายคน บริหารเงินไม่เป็น ได้เงินเดือนมาบางทีก็เอาไปซื้อโน่นลงนี่หมดไม่เหลือเก็บ ราวกับใช้ไม่เผื่อวันข้างหน้า ซึ่งเราว่า มันไม่โอเค เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น อย่างที่เห็นๆกันอยู่นี่ก็คือ พอเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 นี่ เห็นหลายรายร้องแรกแหกกระเชอว่าเงินไม่มีโน่นนี่ ทั้งที่พอถามไปถามมา ก่อนเกินวิกฤตินี่ก็มีงานมีเงิน แถมรายได้ดีเสียด้วย
...อยากจะถามว่าเอาเงินไปทำอะไรหมดก็กลัวจะถูกประทุษร้าย...
บางที ถ้าเรารู้เคล็ดลับที่จะจัดการกับเงินได้อย่างเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและฐานะ เราอาจสามารถมีเงินก้อนหนึ่งไว้ใช้อยู่เสมอได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ใครสนใจหนังสือเล่มนี้ก็ลองเปิดอ่านดูที่ร้านหนังสือแถวบ้านนะคะ
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in