"รีไวล์ เอ็งทำน้ำหกอีกละนะ ฮ่วย!"
นั่นคือเสียงของสาวผมสั้นไฮไลท์ทอง ๆ ใส่แว่นหนา ๆ ในสภาพชุดนอนที่ตอนนั้นกำลังเช็ดน้ำที่หกเต็มพื้นบ้าน ด้วยฝีมือของบักรีไวล์ แมวเปอร์เซียเสี้ยวเมนคูนขนฟูฟ่อง หนึ่งในแก๊งวัยรุ่นส้มที่ได้ลงมือเอาขาหน้าของมันปัดเอาแก้วที่มีน้ำนั้นตกลงมาจากโต๊ะ
และใช่ ไอ้ทาสผมสั้นนั่นคือฉันเอง
ระหว่างที่กำลังเช็ดน้ำอยู่ ผู้ก่อวีรกรรมตัวอ้วนก็ได้ยืนมองทาสของมันกำลังเก็บกวาดผลงานที่ตัวเองทำไว้ด้วยสายตาที่ฉันรู้สึกได้ว่า มันกำลังภูมิใจในวีรกรรมครั้งนี้เยี่ยงวีรบุรุษ
'เหอะ เช็ดไปเถอะไอ้ทาส แกล้งกูทุกวัน สมหน้ามุง ฮิ ๆ พี่น้องแมวทั้งหลาย ข้ากอบกู้ชาติพันธุ์แมวได้แล้วเด้อ พวกเราจะไม่ตกอยู่ภายใต้การจกพุงของไอ้ทาสอีกต่อปัยยยย'
มันอาจจะไม่ได้คิดแบบที่ฉันคิดก็ได้ แต่ด้วยความที่รีไวล์ชอบทำหน้าตาภาคภูมิใจเวลาก่อวีรกรรมวีรเวร มันทำให้ฉันนึกถึงหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันสงสัยในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว
...
เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยได้ยินได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงว่า 'แมวมันอ่านใจคนได้' ซึ่งก็ทำให้ฉันนึกย้อนไปในช่วงที่ฉันยังไม่หายจากภาวะซึมเศร้า ภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันกำลังเรียนปริญญาตรีคณะหนึ่ง คณะที่ฉันไม่ค่อยแฮปปี้กับมันเท่าไหร่ บวกกับความสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ทำให้ฉันได้เพื่อนเป็นภาวะ ๆ นี้มาเป็นเพื่อน ถึงตอนนี้จะเริ่ม ๆ ลาขาดจากเพื่อนคนนี้ไปแล้วก็ตาม
จำได้ว่า ตอนนั้นฉันจบปริญญาตรีมาได้ตามกำหนด 4 ปี และเป็นช่วงที่ฉันกำลังคิดว่า จะเรียนต่อดี หรือจะมี Gap year ก่อนทำงานดี หรือจะทำงานเลยดี แต่ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร เพราะถ้าทำงานตรงสายมันก็ดันไม่มีความสุข แต่ถ้าทำอย่างอื่นก็ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เพราะความรู้ก็มีอยู่แค่ช่วงเรียนป.ตรีเท่านั้น
พอคิดไปคิดมา น้ำตาก็ไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และช่วงเวลาที่น้ำตาไหลนั้น ไอ้วัยรุ่นส้มที่ชอบทำหน้ากวนตีนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่เหมือนเดิม
ใบหน้าที่เคยมีคำว่า กวนตีนชิบหายเลย กลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่ฉันรู้สึกว่า มันกำลังเป็นห่วง
'ทาส อย่าร้องเลย มาเล่นกันดีกว่า'
บักรีไวล์เอาขาหน้าป้อม ๆ ของมันมาสะกิด ๆ แต่ฉันก็ทำแค่หันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ ว่ามันต้องการอะไร ก่อนที่มันจะเดินไปคาบเอาเชือกของไม้ตกแมว ของเล่นยอดฮิตที่ฉันตั้งชื่อมันขึ้นมาเองมาวางไว้ตรงหน้า แล้วก็เอาขาหน้ามาสะกิดเหมือนเดิมก่อนที่จะยืนอยู่แบบนั้นเหมือนรอฉันมาเล่นกับมัน
"อะไรอะไอ้ไวล์ อยากให้เล่นด้วยเหรอ ร้องไห้อยู่อ่ะพวก แต่จะเล่นด้วยก็ได้"
หลังจากนั้นฉันก็เล่นกับแมวส้มที่มีท่าทีโอเวอร์แอคติ้งจากแต่ก่อน ... ฉันหมายถึงว่า มันดูเล่นสนุกกว่าทุกครั้ง เหมือนมันจงใจที่จะทำหน้าที่เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ให้ทาสเจ้าน้ำตาอย่างฉัน
"รู้ว่าเศร้าสินะ ขอบคุณมากนะไอ้อ้วน"
ฉันจับมันมากอดแล้วลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนที่จะผละออกพลางมองหน้ามัน สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ ไม่ใช่สีหน้ากวนตีนแบบที่เคยเป็น ไม่ใช่สีหน้าที่แสดงเหมือนเป็นห่วงแบบเมื่อครู่ แต่เป็นสีหน้าเหมือนมีความสุขและพึงพอใจที่ทำให้ทาสอย่างฉันมีความสุขได้
และเป็นครั้งแรกที่ฉันมีข้อกังขากับแมวส้มของตัวเอง
"รีไวล์ เอ็งเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวแมวอย่างที่เขาว่ากันสินะ ถ้าเป็นมนุษย์ต่างดาว ลองพูดสวัสดีครับดิ๊ สวัสดีครับ พี่ทาสน่ารักจังครับ พูดออกมา"
และหลังจากนั้น สีหน้าอ่อนโยนของแมวส้มที่โดนฉันจับเขย่า ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้ากวนส้นตีนอันเป็นซิกเนเจอร์ของมันเหมือนเช่นเคย ... สีหน้าที่สื่อออกมาได้ว่า
'ตูนี่น่าจะมีมะนุดเมื่อพร้อมจริง ๆ เลย เหนื่อยใจ เมี๊ยวววว :3'
...
ฝากไอจีแมวส้มของเราหน่อย : @mrlevisaymeow
PS.นี่เป็นสตอรี่แรก หลังจากที่เมื่อเช้านั้น เหตุการณ์น้ำหกได้เกิดขึ้นจริง 55555555 ขอบคุณที่พักพิงหลังใหม่ของคนที่ชอบพิมพ์เล่าเรื่องชีวิตตัวเองแบบข้าพเจ้า หลังจากที่เว็บ _ _ _ _ _ log นั้นเข้าไม่ได้ มุแง้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in