เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017fdfeefa
Day 20 - รถของเล่น
  • Day 20 รถของเล่น


                   “แล้วที่คุณมาที่นี่มาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังคุณอยากให้ผมช่วยอะไรครับ?”

     

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณจอห์นว่าจะทำอะไรหรือผมต้องการอะไรจากคุณผมแค่คิดว่าเขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ผมไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับคุณเดฟเลยผมเลยไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร”

     

    “คุณคิดจริงๆเหรอว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเดฟต้องการที่จะทรมาณแฟนของคุณ?พวกเขาไม่น่าจะรู้จักกัน”

     

    “ครับพวกเราไม่น่าจะรู้จักกันแต่มันก็ไม่เหลือทางเหลืออื่นให้ผมคิด”

     

    “คุณเลยอยากให้ผมเล่าเรื่องของเดฟให้คุณฟังเผื่อว่าคุณจะเจอจุดเชื่อมโยง?”

     

    “ถ้าคุณโอเค ผมจะยินดีมากครับ”

     

    “เดฟคือแฟนของผมครับ”

                  

    ในที่สุดความพยายามของเขาก็เป็นผลเมื่อคุณจอห์นยอมเปิดปากเล่าเรื่องของคุณเดฟให้เขาฟังหลังจากที่เขาเล่าเรื่องต่างๆออกไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันหรือสิ่งที่เขาเห็นรวมไปถึงเหตุการณ์ที่คุณเดฟกับคุณจอห์นทะเลาะกันในบ้านหลังนั้น

     

    ก่อนที่คุณจอห์นจะยอมเล่าเรื่องราวต่างๆคุณจอห์นได้เดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบเอากล่องเก็บของที่ถูกล็อคกุญแจอย่างแน่นหนาติดมือออกมาด้วยกล่องใบนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของหลายสิ่งแต่สิ่งแรกที่คุณจอห์นหยิบออกมาจากกล่องใบนั้นก็คือรูปใบนึงที่คุณจอห์นถ่ายได้คู่กับผู้ชายคนนึงผู้ชายคนนั้นที่แม้จะมีหางตาตกดูเหมือนเป็นคนอมทุกข์แต่ประกายในดวงตาและรอยยิ้มที่ยกขึ้นจนเห็นฟันนั้นมันทำให้คนๆนี้ดูสดใสขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    “นี่คือคุณเดฟเหรอครับ?”

     

    “ใช่ครับ”

     

    อาจจะเพราะเขาเคยได้ยินเสียงของเจ้าตัวมาก่อนเลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นแถมยังรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยเวลาที่ได้เห็นหน้าของเจ้าของเสียงนั้นเขานั่งมองดูรูปอยู่นานกว่าที่จะละสายตากลับมาที่คุณจอห์นได้อีกครั้ง

     

    “ผมรู้จักกับเดฟครั้งแรกตอนที่ผมอยู่มหาวิทยาลัยปี2 ครับตอนนั้นเขามาเป็นพนักงานชั่วคราวที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย คุณเชื่อไหมว่าครั้งแรกที่ผมเห็นเขาผมก็รู้สึกชอบเขาเลยบอกกับตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าจะจีบคนนี้ฮึไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมาดลใจให้ผมชอบคนที่ใบหน้าแทบจะไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เลย”

     

    “ผมพุ่งเข้าจีบเขาโดยที่ไม่ต้องมาคิดไตร่ตรองถึงหลักเหตุและผลอะไรเลยแต่เชื่อไหมเห็นเป็นคนเงียบๆ แบบนั้นผมใช้เวลาตั้งหลายเดือนแนะคุณทอมกว่าที่เขาจะยอมเปิดใจคุยกับผม”

     

    “ก่อนวันที่เราจะตกลงเป็นแฟนกันเขาขอเวลาผมในเย็นวันนึงให้มาเจอกับเขาหลังเลิกงานพอเราเจอหน้ากันเขาก็บอกกับผมว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิดเขาไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ของตัวเองเขาเล่าเรื่องความลำบากในวัยเด็กของตัวเองให้ผมฟังหลังจากเล่าเสร็จเขาก็ถามผมว่าผมแน่ใจแล้วนะว่าผมยังอยากเป็นแฟนกับเขาอยู่”

     

    “ตอนนั้นผมแย่มากครับไม่ได้ใส่ใจอะไรที่เขาพูดเลยสักนิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผ่านมาในอดีตหรือนิสัยของเขาเดฟนะเป็นคนที่อ่านภาษากายได้ง่ายมากที่จริงแค่เขานัดผมออกมาเจอหลังจากที่เขาเลิกงานที่ห้องสมุดผมก็รู้แล้วว่าเขากำลังจะตอบตกลงผมจึงรอฟังแค่คำถามนั้นพอเขาถามว่ารับได้ไหมผมก็รีบพยักหน้ารับกับเงื่อนไขทุกอย่างของเดฟ”

     

    แววตาที่คุณจอห์นใช้เวลาที่เล่าเรื่องของคุณเดฟในช่วงที่เขาได้เจอได้เริ่มจีบนั้นมันเป็นแววตาของคนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขความมุ่งมั่นซึ่งเป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนคุณจอห์นเล่าด้วยแววตานั้นจนมาถึงตอนนี้ตอนที่เขาไม่ได้ฟังอะไรจากคุณเดฟเลยนั้นแหละแววตาที่เคยมีความสุขนั้นก็เริ่มหม่นแสงลง

     

    “เพราะผมไม่ได้ตั้งใจฟังผมเลยไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วเดฟเขาขออะไรเอาไว้หรือเคยเล่าอะไรให้ผมได้ฟัง ผมมันแย่มากเลยใช่ไหมครับ?”

     

    “...”

     

    “ตลอดเวลาที่คบกันผมไม่เคยทำในสิ่งที่เขาเคยขอเอาไว้ได้เลยเพราะผมไม่เคยรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผม...ผมนี่มันเลวจริงๆ”

     

    “ตอนนั้นคุณคงแค่อยากให้เขามาเป็นคนรักผมเชื่อว่าต่อให้คุณฟังครบทุกเงื่อนไขหรือฟังมันทุกเรื่องราวคุณก็ยังคงพยักหน้าตอบรับกับเงื่อนไขนั้นอยู่ดี”

     

    “มันไม่จบเพียงแค่นั้นสิครับหลังๆ เข้าไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมเลิกสนใจเขาผมถึงขนาดยกเลิกนัดกระทันหันหรือในบางวันผมก็ทิ้งเขาไว้คนเดียวแล้วผมก็ไปสนุกกับเพื่อนทั้งๆที่เรานัดกันเอาไว้ แบบนี้มันจะต่างอะไรกับที่มีผมและไม่มี”

     

    “....”

     

    “แต่เดฟก็ให้โอกาสผมเรื่อยมาไม่ว่าเราจะทะเลาะกันหนักแค่ไหนผมเลยเคยชินกับการได้โอกาสจากเขาพอเขาไม่ยอมผมก็รู้สึกไม่ชินและโมโหใส่เขาผมทำกับเขาแบบนั้นทั้งๆ ที่เขาย้ำกับผมหนักหนาว่าเขาเป็นเด็กกำพร้านะแต่ผมก็ยังไม่สนใจแถมยังเบื่อด้วยและนึกรำคาญด้วยซ้ำที่เขาเอาแต่ย้ำคำนี้ผมรำคาญที่เขาเอาแต่เรียกร้องความสนใจ”

     

    “เป็นธรรมดาครับคุณจอห์นเด็กกำพร้านะเขา...”

     

    “เขาอะไรครับคุณทอม?”

     

    “เดี๋ยวนะครับเรื่องเด็กกำพร้านะครับคุณบอกว่าคุณเดฟเป็นเด็กกำพร้า”

     

    “ใช่ครับ”

     

    “แฟรงค์เองเขาก็เสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เหมือนกันต่างกันแค่ว่าแฟรงค์มาเสียพวกท่านไปตอนที่แฟรงค์โตแล้วไม่เหมือนกับคุณเดฟที่ไม่เคยเจอหน้าพวกท่านเลย”

     

    “คุณว่ามันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหรอครับ?”

     

    “ผมก็ไม่แน่ใจครับก็แค่พูดในสิ่งที่เขาสองคนมีคล้ายกันถ้ายังไงคุณลองเล่าเรื่องส่วนตัวของคุณเดฟให้ผมอีกสักนิดได้ไหมครับ?เช่นเขาเคยไปที่ไหนมาบ้าง”

     

    คุณจอห์นยอมตกลงเล่าเรื่องส่วนตัวทั้งหมดของคุณเดฟให้เขาฟังไม่จะเป็นสิ่งที่ชอบสิ่งที่ไม่ชอบที่ๆ เคยไปเที่ยวด้วยกันและมีความทรงจำที่ดีร่วมกันแต่นอกจากเรื่องเด็กกำพร้าแล้วเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องระหว่างคุณเดฟกับแฟรงค์อีกเลย

     

    “ผมขอโทษด้วยคงช่วยคุณได้เท่านี้”

     

    “แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วครับ”

     

    เขามองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเขาทิ้งพ่อให้ดูแฟรงค์มานานมากแล้วเขาจึงขอตัวกลับแต่ก่อนที่เขาจะลุกยืนขึ้นเขาก็เอื้มมือลงไปในกล่องเพื่อเก็บรูปของทั้งสองและในช่วงจังหวะนั้นเองที่มือของเขาได้ไปสัมผัสเข้ากับโลหะชิ้นนึงเข้าเขาเลยหยิบมันขึ้นมาดู

     

    “คุณชอบมันเหรอครับ?”

     

    “น่ารักดีครับผมไม่เคยเห็น ‘รถเด็กเล่น’ ที่ทำจากเหล็กแบบนี้เลย”

     

    “มันเป็นของเก่าแล้วครับต้องใช้วิธีไขลานมันถึงจะวิ่งได้แต่ตอนนี้เป็นสนิมหมดแล้วละครับต่อให้ไขก็คงไม่วิ่งแล้วจะว่าไปรถเด็กเล่นคันนั้นเป็นคันที่เดฟเขาหวงมากเลยครับใครแตะของเขาไม่ได้เลยละตาจะคอยจ้องตามไม่วางตาเลย”

     

    เหมือนปฎิกริยาอัตโนมัตแม้ว่าคุณเดฟจะไม่อยู่ตรงนี้แต่เขากลับวางของสิ่งนั้นลงกับโต๊ะที่ตั้งวางกั้นระหว่างเขากับคุณจอห์นอย่างเบามือเหมือนกับว่ามีสายตาของเจ้าของมองตามเขาอยู่ตามที่คุณจอห์นว่าแต่จะว่าไปเหล็กนี่มันเก็บความเย็นดีจริงๆนะขนาดในห้องที่มีอุณหภูมิสูงขนาดนี้เจ้ารถนี้ยังเย็นอยู่ได้

     

    “เขาเคยบอกว่าที่เขาหวงมากเพราะมันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาจากคนที่รักเขานั่นก็คือผมเขาบอกว่าก่อนหน้านี้ของเล่นที่เขามีไม่เคยมีชิ้นไหนเป็นของเขาเลยสักชิ้นเพราะกฎหลักของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคือทุกคนต้องแบ่งปันกันเล่น”

     

    “คุณเดฟช่วงนั้นเขาคงจะลำบากน่าดูนะครับ”

     

    “ก็คงงั้นและครับเขาจึงติดนิสัยขี้หวงมาแต่ไหนแต่ไรถ้าอะไรที่เป็นของเขาละก็ไม่มีวันเสียหรอกที่เขาจะทิ้งขว้างแล้วเขาก็จะไม่ยอมเสียมันไปง่ายๆด้วย ขนาดรถคันนี้มันวิ่งไม่ได้แล้วเขายังไม่ยอมโยนมันทิ้งเลย”

     

    “งั้นผมว่าผมเก็บมันให้เข้าที่ดีกว่าครับ”

     

    เขาเอื้อมมือเตรียมไปจับรถเด็กเล่นไขลานคันนั้นเข้าไปในกล่องแต่แล้วทั้งเขาและคุณจอห์นต่างหยุดนิ่งในสิ่งที่กำลังทำแล้วต่างมองตามเจ้ารถเด็กเล่นคันนั้นวิ่งช้าๆจากตรงที่เขาวางเอาไว้ตรงไปที่ทางฝั่งตรงข้ามและหยุดลงที่ฝั่งสุดขอบโต๊ะที่คุณจอห์นนั่งอยู่

     

    “คุณก็เห็นว่าผมไม่ได้...”

     

    เขาหยุดการเอ่ยปากแก้ตัวของตัวเองเอาไว้เมื่อเขามองเห็นคุณจอห์นโน้มตัวลงมาหยิบเจ้ารถเด็กเล่นไขลานคันนั้นขึ้นไปแนบเอาไว้กับที่อกของตัวเองแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาจากตาทั้งสองข้างเงียบๆเขาคิดว่าเขาเข้าใจว่าทำไมคุณจอห์นถึงเป็นแบบนี้เพราะถ้าเป็นเขาที่ต้องมาเห็นสิ่งที่คนรักของเราจากไปแล้วรักเคลื่อนย้ายได้ตัวเองเขาก็คงมีความรู้สึกแบบนี้เช่นกันความรู้สึกที่มีทั้งนึกถึงคิดถึง และมีแต่ความไม่เข้าใจจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตาเขาจึงปล่อยให้เวลาผ่านไปและรอจนคุณจอห์นดีขึ้น

     

    “ผมอยากเจอคุณแฟรงค์”

     

    “ทำไมจู่ๆ?”

     

    “ผมไม่รู้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เมื่อกี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคุณไม่ได้แม้กระทั่งจะแตะต้องมันและต่อให้คุณทำเจ้ารถคันนี้มันก็วิ่งไม่ได้อยู่ดีเพราะฉะนั้นผมอยากเจอเขา”

     

    “ได้ครับคุณจอห์นไปครับเราไปเจอแฟรงค์กับครับ ขอบคุณ”

     

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in