เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ผู้ชายจีนในคลังแสงPATNAKAN
:: GRAB my hand :: Ziyi x Yueyue [2]
  • :: GRAB my hand::


    Title : GRAB my hand

    Pairing : Ziyi (Nine percent/BBT) x Yueyue (ONER)

    Genre : Short fic (?),yaoi,fanfiction

    Note : หายไปนาน เพราะ..ขี้เกียจค่ะ ไม่แก้ตัว ช่วงนี้เต๊าะคุณจอมทัพบ่อย มา เอาวะ ซะหน่อย เขียนซะหน่อย

    อันนี้ตอนที่ 1 นะคะ :: GRAB my hand:: [1]


    -------------------------------------------

    ฝนหยุดตกแล้ว


    ตั้งแต่เมื่อลงจากแกร็บคาร์คันนั้น


    ตอบตกลงจะไปดูหนังกับคนแปลกหน้าได้ไงกันวะหมิง..

    แต่เออ เขาก็ดูน่าเชื่อถือ คงไม่ได้อุ้มเราไปฆ่าหรอก ...


    เขาเขี่ยรองเท้าไว้ที่ประตูอย่างลวกๆ ปลดเนคไท ปลดชายเสื้อให้หลุดลุ่ย พอกันทีสำหรับเครื่องแบบซาลารี่แมนในวันนี้

    ขายาวก้าวไปที่ห้องนั่งเล่น เขาทิ้งตัวเองตามแรงโน้มถ่วงลงไปที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง 


    "เหนื่อยเป็นบ้า"


    เขาพ่นลมหายใจยาวด้วยความเหนื่อยล้า และค่อยๆหลับตาลง ชั่วครู่ก็มีมวลน้ำหนักมหาศาลค่อยๆเหยียบย่ำไปบนร่างกายของเขา 

    เจ้าก้อนขนที่น่ารัก แมวตัวกลมสีเทาแวะมาทักทาย

    อุ้งเท้าเล็กๆปลุกเขาให้ลืมตาขึ้น


    "หิวเหรอเจ้าเหมียว"


    ถามไปอย่างนั้นแหละ แมวที่ไหนจะไปตอบได้ 

    เขาหยัดตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาและเดินไปที่ห้องครัว เอื้อมมือไปหยิบอาหารแมวบนตู้เหนือศีรษะที่ไม่ได้เกินความสามารถชายหนุ่มสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสาม 


    "แกน่ะ กินอาหารแพงกว่าฉันอีกนะ ฉันได้กินแต่มาม่าเนี่ย เมื่อไหร่จะมีคนมาทำกับข้าวให้กินบ้าง ขี้เกียจหาข้าวกินเองแล้วนะ"


    "...."


    "ชาติหน้าฉันเกิดเป็นแมวแบบแกดีมั้ย วันๆนั่งอยู่เฉยๆ ก็มีแต่คนมารุมเอ็นดู มีแต่คนมารุมเป็นทาสแกเนี่ย"


    "เมี้ยว"


    เจ้ามนุษย์ย่อตัวลงเพื่อมองดูเจ้านาย(แมว)ทานอาหารเย็นของมัน (ซึ่งดูแพงและมีกิจลักษณะกว่าเศษซากอารยธรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กองจนจะล้นออกมาในถังขยะ) มือนั้นค่อยๆลูบหัวเจ้าแมวเบาๆด้วยความเอ็นดู


    "แต่แกก็น่ารักจริงๆแหละนะ เจ้าเหมียว"


    หลังจากงีบไม่ถึงสองนาทีและโดนก่อกวนด้วยแมว ให้อาหารแมว ทิ้งขยะ เขาก็อาบน้ำและกำลังจะเข้านอน เวลาก็แทบจะปาเข้าไปเสียเที่ยงคืน แต่ก็ต้องเช็คข่าวสารบ้านเมืองเหมือนทุกครั้ง 

    เขาไถหน้าจอไปเบื่อๆ และโทรศัพท์ก็มีแจ้งเตือนเข้ามา


    "ฝันดีนะครับคุณหมิง เราไปดูหนังวันอาทิตย์กันดีไหมครับ"

    SMS ...เชยสะบัด 


    'โอเคครับ คราวหลังทักไลน์ผมมาก็ได้นะ ยังไงคุณก็มีเบอร์ผมแล้วนี่ ฝันดีเหมือนกันครับ คุณจอมทัพ'

    'ผมไม่แน่ใจว่าควรจะทักไลน์ หรือโทร เลยเลือก SMS คุณจะได้ไม่ตกใจมาก'

    'เราจะชวนกันไปดูหนังขนาดนี้แล้ว ผมว่าทักไลน์ก็ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะครับ'

    '5555 โอเคครับ ฝันดี'


    ตกลงจอมทัพเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    เช้าวันเสาร์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะกว่าเขาจะตื่นก็เกือบเที่ยง เพราะความเหนื่อยสะสมจากการทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์ 

    ใจคอก็อยากจะนอนบนเตียงแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเย็นย่ำแล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน แต่ฟังดูไม่มีสาระเอาเสียเลย เขาจึงลุกขึ้นมาทำตัวเป็นพ่อบ้าน ด้วยการรดน้ำต้นไม้ เคลียร์วิญญาณอาหารที่ค้างในตู้เย็น และที่ยากที่สุด พยายามอาบน้ำให้แมว ... และง่ายที่สุด เล่นกับแมว...

    เขาอุ้มเจ้าแมวเหมียวมานอนไว้บนอกในขณะที่เอนหลังลงไปบนโซฟาตัวโปรด สายตาก็พลันไปเห็นโทรศัพท์แสงบนหน้าจอสว่างวาบขึ้นมาและมีแจ้งเตือนหนึ่งขึ้นมาว่า


    "? added you by phone number"

    อีโมจิมงกุฏเหรอ .. แต่ก็จริง หล่อรวยขนาดนั้นน่ะ


    'สวัสดีครับ คุณหมิง พรุ่งนี้เราไปดูหนังเรื่องอะไรดีครับ'

    'ไม่เห็นต้องทางการขนาดนั้น หมิงเฉยๆก็ได้นะครับ'

    '5555 โอเคครับหมิง'

    'จริงๆแล้วมีหนังเรื่องนึงที่อยากดู แต่โรงมันเล็กและอาจจะไม่สบายหน่อยอ่ะครับ'

    'ผมดูได้หมดครับ แค่บอกที่มา แกร็บคาร์คันนี้จะพาไปได้หมด'

    'หนังสารคดีด้วยนะ จอมทัพจะไม่เบื่อเหรอ'

    'เรื่องอะไรก็ได้หมดครับ แค่ผมได้ไปดูกับหมิงก็พอ'


    บู้ม.........................พันช์ไลน์ 

    ถ้าอาบน้ำให้เหมียวเหมียวอยู่ ไอ้หมิงทำแมวหล่นลงน้ำไปแล้ว 


    สรุปว่าได้ข้อตกลงที่หนังสารคดีเกี่ยวกับคนไร้บ้านในฝรั่งเศส และในตอนบ่ายแก่ๆของวันอาทิตย์ ก็มีรถหรูคันเดิมที่ตัวเขาเคยไปนอนน้ำลายไหลย้อยไว้ก็มาจอดที่หน้าบ้านเหมือนวันนั้นเป๊ะ ผิดแค่ว่า วันนี้ฝนไม่ตกแล้วมีแดดอ่อนๆมาแทน (มีความผิดวิสัยประเทศกรุงเทพมาก) 


    พวกเขาทักทายและส่งยิ้มให้กัน รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ แต่บทสนทนาบนรถนั้นไม่มีเหมือนอย่างวันก่อน ไม่นานนักรถก็ค่อยๆเข้าสู่ย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

    โรงหนังเล็กๆตั้งอยู่ในโกดังรีโนเวท ถัดไปมีร้านคาเฟ่และงานคราฟต์มากมาย 

    เมื่อก่อนหมิงชอบมาที่นี่บ่อยๆคนเดียว แต่ก็มีคนมากมายที่มาคนเดียวแล้วดูหนังที่โรงนี้ แต่อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์บ่ายคนจึงเลือกที่จะอยู่บ้านพักผ่อนและ(ไม่ได้ตั้งใจ)รอวันจันทร์ 


    กลายเป็นว่าวันนี้มีเพียงเขาและมนุษย์แกร็บคาร์ที่รู้จักกันเพียงไม่กี่วันมาดูหนังด้วยกันแค่สองคน


    ก่อนเวลาที่หนังจะเริ่ม พนักงานสาวที่ประจำอยู่โต๊ะขายตั๋วเมื่อสักครู่เดินเอาสเปรย์กันยุงมาให้ เธอบอกว่าอีกสักหน่อยค่ำๆยุงจะเริ่มมา หมิงก้มหัวขอบคุณเธอและรับมันมา


    "โรงหนังก็มีแอร์ มียุงด้วยเหรอครับ" จอมทัพเอ่ยถาม

    "ทีแรกผมก็คิดแบบนั้น แต่มันมีด้วยล่ะ แปลกมาก"

    "หมิงมาบ่อยเหรอครับ"

    "อืม เมื่อก่อนตอนที่ว่างกว่านี้น่ะครับ ชอบมาดูหนังสารคดีที่นี่"

    "...ไว้ว่างอีก เรามากันอีกดีมั้ยครับ"


    หมอนี่...ยังไม่ทันได้ดูรอบแรกเลย คิดจะดูรอบสองแล้ว 


    "มากันอีกก็ได้..."

    แล้วก็ไม่ปฏิเสธ


    โรงหนังเป็นโซฟาและมีเก้าอี้ให้เลือกนั่งตามใจชอบ พนักงานคนเดิมเดินมาเลื่อนปิดผ้าม่านที่ล้อมรอบเก้าอี้ไว้ ไฟค่อยๆดับลง ภาพยนตร์ปรากฏขึ้นบนจอพร้อมกับซับไตเติลสองภาษา


    ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวไปมากมาย ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นระหว่างคนสองนที่กำลังอยู่หน้าจอหนัง จอมทัพก็ตั้งใจดูไม่ต่างจากเขา หมิงแอบมองก็เห็นว่าเขาหาวเป็นระยะ แต่หมิงก็เข้าใจว่ามันคงจะน่าเบื่อ เขาเองก็ยังแอบง่วง เพราะเนื้อหาหนังไม่มีอะไร นอกจากดูคนไร้บ้านในฝรั่งเศสเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของพวกเขาท่ามกลางความหนาวเหน็บในยามค่ำคืนของกรุงปารีส


    คำถามหนึ่งออกมาจากเสียงหลังกล้อง 'คุณอยากมีความรักบ้างไหม'

    'ผมเองก็เคยคิดอยากจะมีครอบครัว มีภรรยา แต่งงาน มีลูกนะ แต่คุณก็รู้ใช่ไหมว่า เด็กคนนึงโตมามันใช้เงินไม่น้อย และเด็กทารกก็ไม่สามารถจะมาอยู่ในที่แบบนี้กับเราได้'


    คนไร้บ้านบางคนก็ตอบว่า

    'ฉันมีชีวิตอยู่ก็เพื่อลูกของฉันนะ รู้ไหม...ฉันเคยคิดอยากตาย แต่ฉันก็อยากเจอลูกอีก นี่เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันยังอยู่ ลูกน่ะ คือความรักของฉัน'

    "ผมมีแมวหนึ่งตัว กับอาหารในทุกๆวันก็เพียงพอแล้ว"


    ความรู้สึกมากมายของคนไร้บ้านถูกเล่าออกมาผ่านบทสนทนาระหว่างตัวผู้กำกับและคนเหล่านั้น 


    โลกภายในใจของคนเราต่างขับเคลื่อนต่อไปได้เพราะความรัก บางคนก็มีชีวิตอยู่เพื่อความรัก บางคนก็อยากมีแต่มีไม่ได้ แต่ทุกคนต่างมีความรักในแบบของตัวเองซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่กับบุคคลใกล้ตัว กับครอบครัว อาจจะเป็นอะไรก็ได้ 

    เพียงแค่พวกเขารู้สึกต้องการที่จะรักก็เท่านั้น และพวกเขายังอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเพียงเพราะอยากมีมันอยู่ในชีวิต


    เขาไม่ใช่คนลึกซึ้งอะไร แต่เขาคิดว่าชีวิตคนเรามันก็คงมีแค่นี้ 


    และตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ข้างๆคนที่กำลังอาจจะจีบเขาอยู่ หรืออาจจะเลิกจีบหลังจากที่เดทแรกเป็นการดูหนังที่โคตรจะเรียลแบบนี้ก็ได้


    กลิ่นหอมของส้มทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดเพ้อเจ้อเมื่อสักครู่

    มันเป็นกลิ่นสเปรย์กันยุงที่ได้มาเมื่อตอนหนังเริ่ม


    "ผมเห็นว่ายุงเริ่มมาใกล้คุณแล้ว ผมเลยฉีดให้" จอมทัพหันมาบอกกับเขา

    "..เอ่อ..ขอบคุณนะ"


    ดูแลทุกคนดีแบบนี้ไปหมดเลยรึเปล่านะ

    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ภาพยนตร์ฉายไปจนใกล้ถึงเวลาจบ ระยะห่างระหว่างเขาสองคนหายไปตั้งแต่เมื่อไหรก็ไม่รู้ หลังจากที่ทีแรกนั่งกันอยู่คนละมุมของโซฟา แต่จริงๆมันก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น แต่ตอนนี้มันใกล้เสียจนมือของทั้งคู่อยู่แทบจะติดกันอยู่แล้ว


    แอร์ก็ไม่ได้หนาวมากเสียจนทนไม่ได้ แต่ทำไมถึงรู้สึกหนาวแล้วเขาก็รู้สึกประหม่าแบบนี้ก็ไม่รู้


    'ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยวะ หนังจะจบอยู่แล้ว นั่งข้างกันมาตั้งนาน' หมิงคิดในใจ


    อีกฝ่ายก็ดูจะประหม่าไม่ต่างกันจากเขา ทั้งๆที่ไม่ใช่เดทแรกของทั้งคู่ แต่โคตรจะแปลกประหลาดเลยที่รู้สึกแบบนี้

    ตั้งแต่ไม่คุยกันบนรถแล้วมาเริ่มบทสนทนาโง่ๆจากยากันยุง.......

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    เครดิตค่อยๆขึ้นบนหน้าจอ เป็นสัญญาณว่าภาพยนตร์จบลงแล้ว


    เขาและจอมทัพไม่ได้จับมือกันหรอกนะ


    "จอมทัพ คุณว่าหนังมันน่าเบื่อไหม"เขาเป็นคนเริ่มพูดอีกครั้ง

    "ที่จริงมันไม่น่าเบื่อนะครับ พวกเขามีเรื่องเล่าของเขา ผมว่าก็น่าสนใจดี แต่เมื่อคืนผมตรวจงานดึกไปหน่อย เลยหาวบ่อย"

    "ปารีสก็ไม่ได้หรูหราอย่างที่คิดเนอะ"

    "ผมเคยเหยียบขี้หมาตอนไปเที่ยวที่นั่นด้วยแหละ แย่มากเลย ฮ่าๆ"

    "ฮ่าๆๆ คุณเคยไปด้วยเหรอ" เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำว่าขี้หมาจากคนที่ดูโคตรจะสุขุมขนาดนี้

    "นานมากแล้วครับ แต่โฮมเลสที่นั่นเยอะมากจริงๆ แต่ผมไม่รู้จะช่วยพวกเขายังไงนะ ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกผิดอยู่ ไว้คราวหน้าถ้าผมไปอีก ผมจะช่วยพวกเขา"


    "คุณทำดีที่สุดแล้วล่ะ" รอยยิ้มบางๆนั่นทำให้จอมทัพหัวใจเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง


    "กลับกันเลยไหม เดี๋ยวรถจะติดมากกว่านี้นะคุณแกร็บคาร์"

    "ก็ได้ครั- นั่นตู้คีบตุ๊กตา!"


    จอมทัพจับข้อมือของอีกฝ่ายแล้วเดินไปที่ตู้ที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาเหล่านั้นด้วยกัน


    'ตกลงกี่ขวบกันแน่จอมทัพ'


    สายตาของจองทัพเป็นประกายราวกับว่าเด็กน้อยอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ เขามองเข้าไปในตู้ที่มีแต่ตุ๊กตายูนิคอร์นเต็มไปหมด 

    หมิงไม่ได้เห็นสายตาแบบนี้มานานมาก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาไม่ได้ออกมาใช้เวลาแบบนี้ 

    ไม่ได้ออกมาเที่ยวนานมาก จนลืมไปแล้วว่าช่วงเวลาที่เขาได้ออกมาดูหนังหรือคีบตุ๊กตามันผ่านไปนานมากแค่ไหน

    แต่เป็นเพราะจอมทัพทำให้เขาได้ออกมาทำอะไรแบบนี้อีกครั้ง


    "เอ่อ...คุณหมิงมีเหรียญสิบมั้ยครับ ผมไม่มีเงินเหรียญเลย"

    "เอ้านี่ครับ" 

    เขาส่งเหรียญสิบจากกระเป๋ากางเกงให้อีกฝ่าย


    ความพยายามครั้งที่หนึ่ง : ไม่สำเร็จ

    "มีอีกเหรียญไหมครับ..."


    ความพยายามครั้งที่สอง : เกือบสำเร็จ


    สายตาออดอ้อนของจอมทัพหันมามองเขาอีกครั้งหนึ่ง


    "จะเอาให้ได้ใช่มั้ยครับคุณจอมทัพ" 


    เอ็ดไปก็เท่านั้น มือของนายหมิงก็ยื่นให้อีกเหรียญอยู่ดี


    ความพยายามครั้งที่สาม : 


    "เยส!!!" 


    ตุ๊กตายูนิคอร์นหล่นลงไปในช่อง เขาหยิบมันออกมาด้วยใบหน้าที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต แถมยังถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์เสียตั้งหลายรูปด้วย


    "คุณหมิง รู้ไหมว่าผมเป็นเซียนตู้คีบตุ๊กตา ผมมีเยอะแยะเลยนะ"

    "ลงทุนไปตั้งสามสิบบาทอ่ะนะครับ?"

    "คนเราก็ฝีมือตกกันได้ครับ"

    "น้องจอมทัพอายุเท่าไหร่ครับ ถึงตื่นเต้นกับตุ๊กตาแบบนี้" หมิงลองพูดหยอกล้อเล่นๆ

    "25 คับพี่หมิง พี่หมิงล่ะ อายุเท่าไหร่" เขาทำเสียงแบบเด็กน้อยตอบ

    "สามสิบ"


    หมอนี่เด็กกว่าเขาตั้งห้าปีเลยเหรอ....


    "ว้าว พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาปริบๆ" 

    "เดี๋ยวมะเหงกเลย แก่แดด จอมทัพ" 

    "อย่างนี้ต้องเรียกพี่หมิงแล้วว่าไหมครับ.."

    "ตามใจนาย"

    "ห้าปีไม่แก่หรอก อายุกำลังพอดี แต่งงานกันได้"

    "มะเหงกนี่ ได้ทีละเอาใหญ่ รู้จักกันไม่ถึงสี่ซ่าห้าวัน"


    จอมทัพหยุดชะงักไป จนเขาตกใจว่าเขาล้อเล่นแรงไปหรือเปล่า


    ".......เฮ้ย..ขอโทษ.."


    แต่ว่ามือนั้นยื่นตุ๊กตายูนิคอร์นมาให้เขา


    "เอาหมั้นไว้ก่อนครับ ส่วนสามสิบบาท เดี๋ยวมาคืนพี่คราวหน้า เพราะผมยังอยากไปเดทกับพี่อีก"

    "อยากได้สามสิบบาทคืน พี่หมิงต้องมาเจอผมอีกนะครับ โอเคมั้ย"




    To be continued


    ถามจิ๊งงงงงงงงงง จะจบตอนไหน 5555555555555 ไม่มีอะไรค่ะ ที่ได้มาต่อเรื่องนี้เพราะเห็นมีคนบนทล.บอกว่าจื่ออี้ไปจับตุ๊กตาตัวนี้มา+ช่วงนี้ได้ขึ้นแกร็บบ่อยอีกแล้ว+ คนในทวิตบอกว่าได้ขึ้นแกร็บที่เป็น bmw เลยรู้สึกว่า เอะ นี่มันเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างว่าเราต้องมาต่อ 555 รอมคอมไร้สาระนี่ถนัด (นี่ถนัดละเหรอ) 

    ที่ได้ยืมเหรียญสิบของพี่หมิงคืออะไรคะ เพราะคุณชายเราพกแต่แบงค์พันค่าาา รวยๆไปเรย 5555555

    ปอลิง หนังสารคดีฝรั่งเศสในเรื่องคือ On the edge of the world นะคะ ไปดูมาที่โรงหนังในโกดังแห่งหนึ่งย่านบางรัก เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมโนว่าคู่ชิปมาดูหนังด้วยกันเสียจริง *ทำหน้าอีโมจิพระจันทร์* แต่แถวนั้นไม่มีตู้คีบตุ๊กตานะคะ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ค่ะ

    พอดีว่าฟังประโยคเรื่องความรักละมันสะกิดใจ เนื้อความประมาณนี้แหละค่ะ ถ้าจำไม่ผิด

    หวังว่าทุกคนจะชอบนะ ;_; ช่วงนี้พายเรือจื่ออี้เยว่เยว่บ่อยมากจิง

    มาคุยกันได้เสมอที่แอค @OnlyYouYueyue ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in