เมื่อความต่ำมาเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นคำว่าตกต่ำก็ดี หรือว่าต่ำช้าก็ได้ บางทีเราก็ไม่ชอบคำอะไรที่มันดูทำให้เรารู้สึกแย่ กระนั้น ความเป็นจริงของคำนั้นไม่ได้เกิดจากการเขียนโดยส่วนเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเสียมากกว่า ว่าเรามีการกระทำแบบไหนที่จะสื่อไปในจุดที่ทำให้ชีวิตเราตกต่ำอย่างแท้จริง ซึ่งความต่ำก็มีได้หลายนัยทั้งสิ่งที่อยู่ด้านล่างบ้าง หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นไปได้เช่นกัน ทั้งนี้ การจะใช้คำก็จะต้องขึ้นอยู่กับบริบทนั้น ๆ ว่าเหมาะสมกับแบบใดมากที่สุด.
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ศูนย์
หากใครกำลังสงสัยใคร่รู้ในเรื่องของความสำเร็จ ก็ต้องบอกก่อนเลยว่าการที่เราจะเข้าใจความสำเร็จที่แท้จริงได้นั้น บุคคลนั้น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความลุ่มลึกทางด้านการสังเกต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของบุคคลนั้น เราทุกคนจำเป็นจะต้องเรียนรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมาให้จงได้ เพราะการเรียนรู้เริ่มต้นจากการที่เราเข้าใจว่าสิ่งใดเกิดขึ้น และสิ่งใดดับไป นั่นจะเป็นสาเหตุให้เราตระหนักรู้กิจวัตรประจำวันได้อย่างแท้จริง แล้วก็แน่นอนว่ามีหลายคนที่แสร้งทำเป็นเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการลงรูปถ่ายในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ พยายามสร้างภาพว่าเรานั้น คือคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดแล้ว อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันที่เราได้ความสำเร็จมาครอบครองก็แล้วกัน.
สิ่งแรกที่ต้องมีของคนที่ประสบความสำเร็จ คือ อุปนิสัยของความสังเกตการณ์ ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า อะไรเป็นสิ่งที่แตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จ กับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จนั่นก็คือ ‘ระยะเวลา’
หากเราพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วน เราจะพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริงนั้น เขาจะมีความหลงใหลในสิ่งที่ทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กิน อยู่ หลับ นอน เขาจะมีความสุขกับมันอย่างเอ่อล้น แตกต่างกับคนที่พยายามดูรวย หรือว่าของมันต้องมีก็พอแล้ว การจะไปประดับประดาด้วยของแบรนด์เนม ก็ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ยากอะไรมากในยุคสมัยนี้ อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ศูนย์ ไม่มีใครเกิดมาแล้วรวยเลย ถึงแม้เขาจะมีมรดกมากมาย แต่หน้าที่ของเขาเหล่านั้นก็คือบริหารและต่อยอดมันให้ได้.
สิ่งที่ไม่ดีเป็นตัวชี้วัดที่ดีได้
จากความสำเร็จมาสู่ประตูของความดี ก็จะเป็นตัวชี้วัดของความสุขได้เช่นกัน หากเราสังเกตผู้คนมากมายในสังคม เราก็จะพบว่า สิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดของคนดีและคนไม่ดีได้ ก็คือการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาสู่สาธารณชน หากแต่เพียงการปิดบังที่มากจนเกินไป มันก็จะขาดความเป็นธรรมชาติ
ซึ่งการที่เราจะวัดใจคนได้นั้น ก็จำเป็นจะต้องมีสถานการณ์กดดันอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วน หรือคนในครอบครัวที่เป็นหัวหน้าครอบครัวได้เสียชีวิตกะทันหันในอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ฯลฯ ทั้งนี้ การจะไปบอกว่าให้ชีวิตมีแต่สิ่งดี ๆ ก็คงไม่ใช่ฐานะที่พึงจะทำได้ การจะเห็นธาตุแท้ของมนุษย์ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอยู่ในห้วงเวลาอันตกต่ำ เช่น เวลาไม่มีอันจะกิน หรือว่าต้องปากกัดตีนถีบ ดิ้นรนต่อสู้กับชีวิต.
มีคำพูดหนึ่งที่ผู้คนในสังคมชอบพูดกันนั่นก็คือคำว่า “ลองมาเป็นแบบฉันบ้างไหมล่ะ” หรือว่า “เธอมันโชคดีกว่าฉัน เธอมันจะไปรู้อะไร” แล้วสิ่งที่กำลังเป็นตัวชี้วัดของชีวิต คงไม่ใช่ผลลัพธ์ของชีวิตเองหรอก แต่กลับกันมันมีโอกาสสูงมากที่การแก้ไขที่เหตุนั้น จะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี หากเราลองมาคิดกันเล่น ๆ ว่า สมการของความตกต่ำนั้นคืออะไร แล้ววงจรอุบาทว์ที่กำลังกัดกินชีวิตเราไปในแต่ละวันคือสิ่งใดกันแน่ จากคำถามไปสู่คำตอบที่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิดนั่นก็คือ การคิดว่าตัวเราเองไม่มีทางดีขึ้นกว่านี้ได้นั่นเอง เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราขาดความเชื่อที่ถูกต้อง เราคิดว่ามันคือโชคชะตาที่กำหนดให้เราเป็นแบบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย.
มุมมองสำคัญกว่าการศึกษา
จบเรียนสูงใช่ว่าจะมีจิตใจที่สูง ประโยคนี้กำลังสื่อถึงความจริงของยุคสมัยนี้ มีหลายคนมากที่กำลังคิดว่าการจบเรียนสูงนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต หากแต่เพียงการจบเรียนสูงย่อมทำให้อัตตาตัวตนสูงตามไปด้วย นั่นจะเรียกว่าจิตใจสูงได้อย่างไร ซึ่งหากเราเรียนมาน้อย และอัตตาตัวตนต่ำเป็นทุนเดิม นี่จะเป็นตัวชี้วัดที่ดีมากกว่ารึเปล่า ซึ่งการจะบอกว่าจบเรียนสูงหรือต่ำ มิใช่เป็นคำตอบของชีวิตทั้งหมด แต่เป็นการค่อย ๆ คิดพิจารณาไปทีละขั้นตอนว่า หากการเรียนนั้นเปรียบเสมือนหัวโขนที่เราพยายามป่าวประกาศให้ผู้คนในสังคมได้รับรู้เพียงเท่านั้น นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่สลักสำคัญแก่โลกใบนี้เลย กลับกันให้ลองเปลี่ยนเป็นใช้ความรู้ที่มีลดการดูถูกผู้อื่น แล้วก็ช่วยเหลือเขาเหล่านั้นดูบ้าง.
ปัจจุบันนี้ที่มีผู้คนมากมายกำลังเรียนรู้ และศึกษากันอยู่ทั่วทุกมุมโลก บางสิ่งกำลังดีขึ้น และบางสิ่งกำลังแย่ลง ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไป ความรู้ที่ถูกต้องย่อมสร้างสรรค์ให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาล
มุมมองต่อสิ่ง ๆ หนึ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าการศึกษาที่ใบปริญญา หากเราเรียนรู้ที่ตัวนามธรรม ไม่เพิกเฉยต่อธรรมชาติและสัจธรรม สิ่งเหล่านี้ย่อมนำมาปรับใช้กับชีวิตได้คล้ายคลึง หรือเทียบเท่ากับดินฟ้าอากาศที่ไม่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับสิ่งใด แต่กระนั้นก็ย่อมมอบความสดใส และความร่มเย็นให้แก่ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้เสมอ การปรับตัวจึงจำเป็นอย่างยิ่งในทุกยุคสมัย ขอเพียงแต่เรารู้ว่า วันนี้เราศึกษาสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นตัวช่วยเหลือให้แก่ชีวิตของเราสืบไป.
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
วลีที่ว่าด้วยเรื่อง “ความตกต่ำเป็นเพียงแค่สถานการณ์ แต่จิตใจที่ต่ำนั้นเป็นอนันต์” การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น หากเราปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลง ชีวิตจะดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าเราไม่สามารถสร้างชีวิตให้ดีขึ้นได้
พลังบวก พลังลบ และพลังกลาง ย่อมเป็นพลังที่หมุนเวียนอยู่บนโลกใบนี้ รวมถึงภายในตัวของเราเอง มันอยู่ที่เราเลือกใช้มัน ไม่ใช่ทุกสิ่งกำลังเลือกใช้เรา ถ้าหากวันนี้เราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ทั้งใบ เราจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงที่อะไร ความตกต่ำไม่ใช่เพียงแค่สถานการณ์ที่บีบคั้นให้ตัวเราต้องเปลี่ยน แต่เป็นเหตุการณ์ที่ไว้ชี้วัดกับเราว่า เราทำสิ่งใดไว้ในอดีต แล้วผลลัพธ์ก็แค่ส่งผลมาเท่านั้น แล้วถ้าหากเราไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ จงเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตนเองได้ตั้งแต่วันนี้เลย.
มูลค่าของชีวิตจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราสามารถทนอยู่กับมันได้ ปลาไม่เคยอยู่ร่วมกับนกได้ฉันใด คนที่ไม่ดีก็ย่อมไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนดีได้ฉันนั้น การมองอะไรตามหลักความเป็นจริงจะช่วยให้เราปรับทัศนคติได้สมดุล หากเราต้องการเป็นนก จงทำตัวอย่างนก และหากเราต้องการเป็นปลา ก็จงทำตัวอย่างปลา ชีวิตง่ายดายมากหากเรารู้จักเลือกที่จะกระทำอย่างถูกต้อง วันนี้เป็นวันที่สำคัญในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ลองเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ถ้าหากว่าคุณคนเก่านั้น มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง จงเรียนรู้กับมันไป ไม่ต้องไปกดดันตัวเองว่าให้สูงขึ้น การตกต่ำนั้นเป็นเพียงค่าเริ่มต้นเท่านั้น แล้วคุณเองก็สามารถทำได้ ถ้าคุณเชื่อและกระทำในสิ่งที่สูงขึ้นกว่านี้.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in