เมื่อความง่ายในตอนต้นนั้น เป็นความยากในบั้นปลาย ไฉนเล่าชีวิตจึงมีความน่าฉงนสนเท่ห์มากถึงเพียงนี้ ทำไมทางที่ยากในตอนต้น มักจะเป็นคำตอบของช่วงชีวิตในท้ายที่สุด ดังนั้นชีวิตจึงไม่ใช่การใช้มาตรวัดโดยสังคมมวลรวม แต่เป็นการพินิจพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนไปเลยว่า อะไรจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตนั้นง่ายอย่างแท้จริง แล้วคำตอบที่พบเจออาจจะไม่มีคำว่า ‘ง่าย’ ก็เป็นได้เช่นกัน เพราะเมื่อความง่ายในการใช้ชีวิตก็มักจะเป็นความง่ายที่เราจะมีความสุข แล้วเมื่อนั้นความสุขก็ย่อมผ่านพ้นไปง่ายฉะนั้น.
ความสุขที่ได้มาโดยง่าย
โลกนี้ถูกหล่อหลอมไปด้วยความเชื่อมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อที่ว่า รวยแล้วดี สวยหล่อแล้วดี หรือว่ามีชื่อเสียงแล้วดี อะไรที่เป็นทางง่าย ๆ นั้น โดยรวมคือดีไว้ก่อน ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยกับสิ่งเหล่านั้นเลย ก็เพียงเพราะผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเชื่อตาม ๆ กันไป เพราะไม่อยากมีความคิดเห็นที่ผิดแผกหรือแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชิงความคิด หรือค่านิยมทางสังคมก็ตามแต่ แม้กระนั้นชีวิตของทุกคนก็ไม่ได้พบเจอความสุขที่ได้มาโดยง่ายกันทุกคน บางคนต้องเจอความยากมาก่อนจึงจะเจอความง่ายตามมา แต่ปัญหาที่แท้จริงอาจจะไม่ได้อยู่ที่ง่ายหรือยาก แต่อยู่ที่ความปรารถนาที่แท้จริงของปัจเจกชนเสียมากกว่า ว่าต้องการความง่ายไปเพื่ออะไรกันแน่.
บางทีความง่ายในการใช้ชีวิตที่เอ่อล้นจนเกินพอดี ก็ทำให้เกิดปัญหาที่ยากที่จะแก้ไขได้ตามมา เช่น ความมักง่าย ทำอะไรแบบส่งเดช หรือขอไปที ไม่ได้ตรวจตราอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำอะไรก็มักจะผิดพลาดล้มเหลวอยู่เป็นประจำ ความสุขก็จึงหลุดจากมือเราไปได้ง่ายดาย ก็เพราะเราไม่เคยคิดที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราเลย รวมถึงตัวของเราเองด้วย
การตั้งคำถามที่ดีคือ “การที่ชีวิตเราไม่มีภาระโดยไม่ได้ฝึกปรือตนเองมาก่อน มันเป็นฐานะที่เป็นไปได้จริง ๆ เหรอ” หากคำตอบนั้นอยู่ไม่ไกลตัว ก็มีโอกาสพบเจอแล้วก็ทำความเข้าใจได้ว่า คงไม่มีหรอกนะที่ชีวิตจะไม่มีภาระ ก็เพราะภาระอันแรกที่เราเกิดมาก็คือ ตัวของเราเอง.
อย่าเป็นภาระของสังคม
เมื่อไรก็ตามที่เราชอบอะไรง่าย ๆ ชีวิตก็มอบอะไรง่าย ๆ ตอบแทนกลับมาเช่นกัน หากใครที่กำลังทำตัวเองเป็นภาระทางชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความขี้เกียจ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แถมยังนอนตื่นสายจนต้องเอ่ยปากว่านอนกินบ้านกินเมืองไปหมดแล้ว กระนั้น ชีวิตเราจะมักจะเต็มเปี่ยมไปด้วยคำพูดที่ถากถาง มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา บางทีก็โดนคำพูดประชดประชันบ้าง
แล้วถ้าเรามีสติเพียงพอ เราก็จะพบว่า เราควรเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการมองความสุขแบบง่าย ๆ ที่เราพยายามหามันทุกวัน กลายมาเป็นลองหาความสุขที่ยั่งยืนดีกว่าไหม จากอดีตที่เราเริ่มปล่อยปละละเลยชีวิต กลายมาเป็นหันมารับผิดชอบตนเอง หลังจากนั้นพอเชี่ยวชาญการรับผิดชอบตนเองได้แล้ว ก็จะรับผิดชอบต่อสังคมได้สืบไป.
ทุกจุดเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ตัวเราเองทั้งหมด การที่เราจะไม่เป็นภาระทางสังคมได้นั้น เราก็จะต้องรู้ว่าอะไรบ้างที่เป็นภาระในวันนี้ หากเราเป็นนักเรียน จงรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ของนักเรียนที่ดี และหากเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก็ย่อมมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น จงรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ดี การเรียนรู้ของชีวิต ไม่ใช่หยุด ณ ตอนที่เราเรียนจบมหาวิทยาลัย หรือมีเงินทองมากมาย แต่เป็นการเรียนรู้ที่เราต้องรู้จักการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลในสังคมที่ดี ความง่ายของชีวิตนั้นไม่มีอยู่จริง หากมีอยู่จริงความยากนั้นจะจำเป็นได้อย่างไรกัน มีคำพูดที่ว่า “ยิ่งโตไปภาระความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้น” แล้วประโยคดังกล่าวก็เป็นความจริงอย่างนั้น จงเป็นคนที่จัดการภาระของตนเองอยู่เสมอ แล้วเราจะเป็นคนที่มีความสุขแบบยั่งยืน.
ทางลัดไม่มีอยู่จริง
มีผู้คนมากมายที่กำลังตามหาทางลัดของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความร่ำรวย ความสุข หรือสิ่งที่เรียกว่าความสวยความงามก็ตามแต่ ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องพินิจพิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนกันมากถึงมากที่สุด หากขาดการพิจารณาเพียงสักเรื่องเดียว ก็อาจจะมีภัยพิบัติของชีวิตตามมาได้โดยง่าย ให้ลองสังเกตดูว่า การใช้ชีวิตที่มุ่งหวังเพียงแต่ผลลัพธ์โดยขาดการคิดตามเหตุผลที่ควรจะเป็น จะมีผลลัพธ์เป็นเช่นไรบ้าง ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันอยู่มากในสังคม หากเราสดับตรับฟัง และอ่านตามข่าวก็จะพบเจอว่าผู้คนก็มักจะทำตาม ๆ กันไปโดยขาดสติปัญญาเชิงคิดวิเคราะห์กันทั้งนั้น หากเรามีหน้าตาที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ชอบไปทำศัลยกรรม ผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะดีขึ้นมากกว่านี้ได้ เพราะความสวยก็ต้องขึ้นอยู่กับความพอดี มิใช่ยิ่งทำยิ่งสวย.
การใช้ทางลัดจึงต้องมีความชำนิชำนาญในการเดินทางของชีวิตมาก หากเปรียบเทียบกับคนเดินป่าก็จำเป็นจะต้องผ่านประสบการณ์ในการเดินทางมามากมายนับไม่ถ้วน จึงจะบอกได้ว่านี่คือทางลัดอย่างแท้จริง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากว่ามีประสบการณ์ในชีวิตมากเพียงพอ ก็จะรู้ว่าทางลัดที่สุดในชีวิตก็คือทางตรง ๆ นี่แหละ ไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน เพียงแต่ต้องหมั่นกระทำในทุกวัน ไม่ผัดวันประกันพรุ่งก็เพียงพอแล้ว
เปรียบเสมือนน้ำหยดลงใส่ตุ่มทุกวันย่อมเต็มฉันใด บุญหรือบาปที่ได้สร้างมาก็ย่อมเต็มได้ฉันนั้น หากเรามัวแต่หาทางลัด วันใดเล่าจะถึงที่หมายได้ ถึงแม้จะถึงช้าก็ดีกว่าเดินทางผิด เพราะทิศทางย่อมสำคัญกว่าความเร็วเสมอ.
ความง่ายนั้นเป็นเพียงแค่มายา
มีใครเคยตั้งคำถามกันไหมว่า “เหตุไฉนผู้คนจึงมีความสุขแบบยั่งยืน” หรือว่า “เป็นไปได้ไหมว่า จะมีคนที่ไม่เคยทำอะไรให้คนอื่นเลย แต่ก็มักจะมีคนอื่นทำอะไรให้ตนเองอยู่เสมอ” คำถามเหล่านี้เป็นคำถามเกี่ยวกับความง่ายทั้งหมดเลย
หากเรามีความสุขแบบยั่งยืนได้ เราก็ต้องสร้างความสุขนั้นขึ้นมาเท่านั้น แล้วความสุขที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ก็มิอาจหลีกเลี่ยงการตามหาว่าสิ่งใดเล่าจะเป็นความสุขแบบยั่งยืน ไม่ใช่เชื่อกันตามผู้คนในสังคมไป แต่เราก็ต้องแสวงหาด้วยตัวของเราเองเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเราจะตอบตัวเองได้อย่างไรว่า อะไรกันแน่ที่เป็นความยั่งยืน ทว่า ผู้คนที่ไม่เคยทำอะไรให้คนอื่น ก็มักจะจมอยู่กับความทุกข์ที่ตัวเองได้กอดมันเอาไว้ เพราะความสุขไม่สามารถเกิดจากความเห็นแก่ตัวได้เลย.
ชีวิตจึงเป็นการตั้งคำถามที่ถูกต้อง แน่นอนว่าความง่ายของการตั้งคำถามก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ง่ายดายนัก การใช้ชีวิตโดยการขาดวิจารณญาณก็จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่มิอาจจะหลีกเว้นไปได้ สิ่งที่เตือนสติได้ดีคือความรู้และปัญญา ความง่ายนั้นเป็นเพียงแค่มายา ที่หลอกล่อให้เราติดกับดักของพื้นที่สบาย แล้วก็ให้เราฝันเฟื่องเอาเองว่า “ถ้าหากเราเชื่อว่าการที่เราจะรอคอยให้พบเจอคนรักที่มาอุ้มชูเรานั้น ก็ย่อมเป็นไปได้สินะ” แต่การกระทำที่ระหว่างรอคอยนั้นไม่ได้ยกระดับจิตใจขึ้นมาได้เลย กระนั้น ชีวิตก็ย่อมมาบอกกับเราว่า การนั่งฝันโดยที่ไม่ลงมือกระทำ เปรียบเสมือนกับการทำสิ่งที่ง่ายให้เป็นสิ่งที่ยาก การเปลี่ยนแปลงตัวเองที่จะลงมือกระทำ จะแปรเปลี่ยนสิ่งที่ยากนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายไปโดยปริยาย.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in