เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
9Satra fanfic : Short Fic & One shotkizu_amakusa
[9Satra fanfic] One Shot : [อ๊อดxพรานทมิฬ] ModernDay AU : คืนปีใหม่

  • Chapter 1 

    : คืนนั้น




    มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ ที่จนตอนนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจ



    ผมรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก พวกเราทุกคนกินดื่มฉลองกันในคืนวันปีใหม่ ผมนอนตะแคงมองเห็นน้ำจากโต๊ะที่หยดลงพื้นคงเป็นเพราะมีใครทำหกไว้โดยไม่รู้ตัว

    ช่วยไม่ได้ที่ผมจะตั้งสมาธิไปที่เสียน้ำหยดนั่น มันฟังดูเหมือนเข็มวินาทีที่กำลังเดินช้าๆ


    ถึงฟ้าจะมืดแล้วแต่ด้วยความที่ห้องพักเราอยู่ในเมือง แสงไฟจึงสว่างกว่าพระจันทร์

    ไฟจากด้านนอกส่องกระทบมาจนเงายาวๆพาดผ่านทั่วทั้งห้อง มันพาดทับซ้อนกันไปมาอย่างไม่รู้จบ จนผมเริ่มรู้สึกตัวว่าขาของผมก็โดนขาของใครบางคนทับอยู่เหมือนกัน

    ผมหันหน้าไปมองก็เห็นเจ้าของขาที่ทับผมอยู่ พี่บากนอนหันหลังให้ผมอยู่ไม่ไกล

    ทุกคนนอนกระจัดกระจายกันไปตามมุมต่างๆ ได้ยินเสียงพี่ทากรน ท่าทางคงอยู่บนโซฟากับมารตาหรือวิชชุ ผมนอนอยู่กลางห้องบนพื้นพรม แล้วตอนนี้เหน็บก็เริ่มจะกินขาผมแล้ว ผมว่าผมคงต้องพยายามขยับตัวซักหน่อย แต่ก็ไม่อยากทำพี่บากเขาตื่นเลย


    ในที่สุดผมก็ดึงขาผมออกจนได้ แรงดึงอย่างเงียบๆทำให้ผมพลิกมานอนหงายมองแสงไฟที่ขยับไปมาบนเพดาน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย นึกถึงตอนที่เราเพิ่งเริ่มกินกัน จนเสียงดังโหวกเหวก นึกย้อนไปถึงตอนต้นปีที่ผมยังไม่ค่อยรู้จักใครที่นี่ ได้พี่บาก มารตา เสี่ยวหลานมาช่วยสอนงาน  เวลามันผ่านไปช้าแต่พอเป็นตอนนึกย้อนกลับไป ทุกอย่างกลับเร็วซะอย่างนั้น

    มันผ่านไปเร็วจนไม่ทันคิดอะไร เร็วจนผมไม่ทันสังเกตว่าพี่บากพลิกตัวมาทางผมแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มือพี่เขามาโดนตรงมือข้างซ้ายของผม


    ผมคิดว่าตอนผมขยับขาออกมาคงทำพี่เขาตื่น แต่เปล่า ผมลองมองไป พี่เขาก็ยังหลับดีอยู่ พี่เขานอนตะแคงดูคุดคู้นิดๆ เสื้อยืดสีขาวตัวบางๆของเขาขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ

    ผมละสายตาไปทางหยดน้ำนั่นอีกที ตอนนี้มันหยุดหยดแล้วแต่มานองอยู่ที่พื้นแทน

    เพิ่งจะเห็นว่าเสี่ยวหลานนอนเป็นก้อนผ้าห่มอยู่ตรงปลายเท้าผมกับพี่บากนี่เอง ดีที่ผมนอนไม่ดิ้นไม่งั้นขาคงไปฟาดปากเสี่…..





    นิ้วพี่บากขยับมาที่มือผม







    ผมหยุดความคิดทุกอย่างลง ….เหมือนผมเงี่ยหูฟังสัมผัสจากพี่เขา

    ไม่รู้ทำไม แต่เหมือนผมจะกลั้นหายใจไปด้วย


    มันไม่ได้บังเอิญ เพราะนิ้วเขาไล้มาที่นิ้วผมช้าๆ

    อยู่ๆก็เหมือนเวลาหยุด ผมไม่ได้ยินเสียงอะไร ทั้งๆที่ลืมตาอยู่ผมก็ไม่รู้สึกว่ามองอะไร

    ในหัวผมมีแต่สัมผัสจากปลายนิ้วที่เราแตะกันเท่านั้นที่มันเด่นชัด


    ผมหันหน้าไปมองพี่บาก พี่เขายังนอนหลับ หายใจสม่ำเสมอ

    ผมเงยหน้าไปมองคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ ทุกคนนอนนิ่ง หลับสนิท (อาจจะเพราะเมา)



    พี่บากเหมือนช้อนมือผมขึ้นมานิดๆ แล้วใช้นิ้วโป้งไล้มันช้าๆ

    อยู่ๆผมก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ผมขยับมือเป็นเชิงตอบและค่อยๆสอดนิ้วมือของเราเข้าด้วยกัน


    นิ้วเราเข้าหากันอย่างช้าๆจนสุดท้ายมือของเราก็กุมกันจนแนบสนิท

    ผมตัดสินใจพลิกตัวหันหน้าไปทางพี่บาก พี่ยังคงหลับตาเหมือนไม่มีอะไร แต่มือเราก็ยังกุมกันอยู่ ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ขึ้น ใกล้จนเห็นขนตาและคิ้วสีขาวจางๆของพี่ ริมฝีปากของเราที่เริ่มใกล้ชิดจนจะกลายเป็นแนบสนิทในไม่ช้า




    ตื๊ดดดดดด ตื้ดดดดดดดด!






    มือถือของใครซักคนกำลังสั่น มันสั่นเสียงดังอยู่บนโต๊ะไม่ไกล พี่บากขยับก้มหน้าลงเล็กน้อย ผมได้ยินเสียงพี่ทาลุกขึ้นมาปิดโทรศัพท์อย่างหัวเสียแล้วลงไปนอนต่อ  เสียงเสี่ยวหลานที่อยู่ตรงปลายเท้าผมขยับผ้าห่มให้กระชับขึ้นอีก


    ผมรีบเขยิบตัวห่างออกจากพี่บากอย่างเงียบๆ เพราะตอนนี้เรานอนใกล้ชิดกันมาก ถ้าเกิดว่าใครมาเห็น…

    ผมเงยหน้าขึ้น กะว่าจะเหลือบมองพี่ทาที่นอนโซฟาด้านบนว่าเขาหลับต่อรึยัง

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เห็นพี่ทาว่าเป็นยังไง


    ก็มีมือผอมแต่แรงเยอะข้างนึงมาขยำคอเสื้อผมแล้วดึงเข้าไปหา ทั้งๆที่มันควรจะกระแทกแต่ริมฝีปากพวกเราก็แตะกันเบาๆ ผมไม่ได้ตกใจ และไม่ได้กระดาก เพราะมันเป็นธรรมชาติจนผมแปลกใจมากกว่า

    พี่บากยังคงหลับตา แล้วผมก็จูบตรงริมฝีปากเขาไปอีกทีนึง

    มันคงไม่ถนัด พี่เขาเลยยกหัวขึ้นนิดนึง แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง

    เราเปิดปากจูบกันอย่างแผ่วเบาเหมือนเพิ่งรู้จักมัน ผมเอียงคอนิดนึงเพื่อที่จะรับลิ้นเขาได้ถนัด และเขาก็ทำเช่นกันเพื่อที่จะให้ผมใช้ลิ้นสัมผัสได้ เราหลับตาแล้วทำความรู้จักกันอย่างเงียบๆ จนเวลาผ่านไป พี่เขาค่อยๆผละริมฝีปากออก

    เขานอนหลับตาเหมือนเดิมและยิ้มอย่างพึงใจ เขายิ้มแล้วเลียริมฝีปากที่เลอะอยู่ ผมมองแล้วก็ยิ้มตามเพราะมันเป็นรอยยิ้มที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเห็น มือเรายังกุมกันเหมือนที่ตัวเรายังใกล้ชิดกัน


    แสงสีส้มจางๆของแดดตอนเช้าลอดเข้ามาเล็กๆแทนแสงไฟกลางคืน มันยังไม่ถึงกับสว่างมาก แต่แสงของมันก็ตัดกับกลางคืนอย่างเห็นได้ชัด พี่บากลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงนั้น ยามผมเห็นขนตาสีอ่อนของเขาต้องกับแสงแดด ผมรู้สึกขึ้นมาว่ามีบางอย่างที่มันกำลังผลิบานในใจผ----


    พี่เขาปล่อยมืออกจากการกุมกันของเราแบะลุกขึ้นนั่ง จัดแจงผมเผ้าที่ยุ่งจากการนอน ขยับเสื้อให้เข้าที่ และลุกเดินไป



    โดยที่ไม่ได้สบตากับผมเลยซักครั้ง




    ผมยังนอนอยู่ที่เดิม

    มือผมที่โดยปล่อย ก็ยังคงอยู่ที่เดิม


    อยู่กับความอุ่นบนพื้นพรมที่พี่เขาเพิ่งลุกไป


    ผมได้ยินเสียงเปิดประตู  



    และปิดลง







    นั่นคือทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสิ้นปี


    ที่ตอนนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจ

    แต่มันคือช่วงเวลาพิเศษที่จะนึกถึงในเวลาได้ยินคนเรียกชื่อ “พี่บาก” ให้ผมได้ยิน



  • Chapter 2 

    : วันถัดมา



    เช้าวันใหม่ เรายังเจอกันที่ออฟฟิศ ผมมองพี่เขาแต่เขาก็แค่หันมาทักทายทั่วไป

    ไม่มีทีท่าอะไรที่เปลี่ยนไป

    ผมเจอเขาที่เครื่องถ่ายเอกสายตรงริมกระจก แดดมันส่องจ้าเข้ามาจากด้านนอก เห็นวิวสูงเพราะออฟฟิสเราอยู่ชั้น32

    พี่บากก้มหน้าก้มตาซีร๊อก ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะทักยังไงดีพี่เขาก็เงยหน้ามาเห็นผมก่อน


    “ว่าไงอ๊อด”


    เป็นคำทักทายที่ปกติ มันปกติที่สุดเท่าที่มันจะเป็นได้ แล้วผมว่ามันปกติเกินไป

    ผมยังยืนนิ่ง นึกว่าเขาจะดูมีปฏิกิริยาอะไรกับผมมากกว่านี้

    หรือพูดเรื่องคืนนั้น พูดเรื่องที่เรา….


    เหมือนผมคาดหวังเลย..


    ใช่ ผมคาดหวังว่าพี่เขาจะ….

    จะอะไรล่ะ..


    “เอ๊ะ จะใช้เครื่องต่อรึเปล่า จะเสร็จแล้วล่ะ”


    “อ๊ะ ไม่ครับของผมนิดเดียว”

    พี่เขารีบเก็บของแล้วก็เดินกลับแผนกไป



    จบแล้วเหรอ?



    การเจอกันครั้งแรกของเรา หลังจากวันนั้น?

    หรือผมเข้าใจอะไรผิดไป…



  • Chapter 3 

    : วันนี้



    แล้วเราก็เจอกันอีกหลายครั้ง แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม พวกเราไม่มีใครเริ่มพูดเรื่องในคืนนั้น

    และผมเริ่มน้อยใจในตอนที่มันผ่านมาสองเดือนแล้ว


    อา..ใช่..

    มันฟังดูน่าสมเพช แต่ผมก็คิดว่าผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

    พี่เขาอาจเห็นผมเป็นรุ่นน้องที่น่าแกล้งรึเปล่า

    ผมเริ่มคิดมากที่ตัวเองดันคิดมากกับเรื่องที่มันไม่มีอะไรให้คิดมาก


    “อู้งานนอนฝันถึงแฟนเหรอยะอ๊อดดด”


    “เฮ้ยยยย เสี่ยวหลาน!แกอย่ามาเป่าลมใส่หูแบบนี้ซิ แล้วแฟนที่ไหน”


    “อ้าว ก็พี่บากไง”



    “!!………”

    เอ๊ะ….เสี่ยวมันเอาที่ไหนมาพูด



    “วันนั้นชั้นเห็นนะ ตอนเช้ามืดน่ะ หุๆ”



    “..............”

    มีคนเห็น….

    แต่…

    มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงรึเปล่า..



    “อะไร เขินเหรอ เงียบทำไม”



    “........ด้เป็นแฟ….”



    “ห๊ะ อะไรนะ”



    “……ไม่ได้เป็นแฟน”



    “ห๊ะ ทำไม!”


    หลังจากสาธยายไป ก็โดนเสี่ยวหลานบิดหูด่ากลับมา บอกว่าผมไม่แมนเลย

    ทำไมไม่เป็นฝ่ายเริ่มอะไรซักอย่าง

    คงจะจริงของเสี่ยว… ที่มัวแต่คิดว่าทำไมพี่บากไม่พูดอะไรกับผม แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับพี่เค้าเหมือนกัน ถ้ามันจะต้องจบลงทั้งแบบนี้ อย่าว่าแต่แฟนหรืออะไรเลย ความเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่เคยมี ทุกอย่างที่ผ่านมาทั้งหมดก็คงโดนผมทำลายไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่พี่บากไม่ใช่บรรยากาศกระอักกระอ่วน หรือเวลาไม่เป็นใจ แต่มันคือผมเอง..





  • Chapter 4

    : ตอนนี้



    ถึงจะรู้แล้ว...ตัดสินใจได้แล้วแต่….แต่มันต้องทำยังไงดีล่ะครับ


    หรือผมควรร้องไห้ให้พี่เขาเห็นใจ ว่าผมคิดมากมาหลายเดือน ว่าผมรู้สึกดีๆกับพี่แต่ผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง พี่ช่วยเริ่ม—-ไม่ๆๆๆ อ๊อด! แกจะต้องเป็นคนเริ่ม เป็นผู้นำ เป็…




    พี่เขาเดินมานั่นแล้ว!!



    อ๊ะ เขาขึ้นลิฟต์ไปแล้ว  เดี๋ยวๆๆครับ พี่บากกกก


    รีบวิ่งมาเข้าลิฟต์ตัวเดียวกันจนได้ แต่ยังไงดี...พี่เขาดูยังไม่ตื่นดีเท่าไหร่เลย

    ดูงัวเงีย เบลอๆ เหมือนจะเคยบอกว่าความดันต่ำตอนเช้ารึเปล่านะ นี่ขนาดยืนติดขนาดนี้พี่บากยังไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นผม  พี่บากครับ อ๊อดเองนะะะะ


    ผมพยายามดันตัวเองตอนคนทยอยออก มายืนอยู่ข้างพี่บากได้สำเร็จ

    เหมือนพี่เขาจะรู้ตัวแล้วว่าผมมายืนข้างๆ เขาหันมามองแล้วยิ้มให้ผมนิดนึงแบบเจื่อนๆ


    ระยะเวลาสองเดือนกว่าที่ผ่านมา ผมคงทำพี่เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไปแล้วมั้ง...


    คนเริ่มเข้าลิฟต์มาจนแน่นอีกครั้ง ผมคิดไม่ออกว่าจะบอกพี่เขายังไงท่ามกลางคนเยอะขนาดนี้  แล้วเดี๋ยวขึ้นไปถึงชั้นที่ทำงาน พี่เขาก็คงรีบออกไป เพราะเขาคงไม่สะดวกใจที่จะเจอผมอีกแล้ว ทำยังไงดี เวลามันจำกัดเกินไป ผมคิดไม่ออก..

    ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาในหัวผมมีแต่เรื่องเมื่อคืนนั้นเท่านั้น จนทำให้คิดเรื่องอื่นๆไม่ออก มีแต่เรื่องเมื่อคืนนั้น…..


    เรื่องในคืนนั้น..



    ทันใดผมก็รู้สึกสงบลง เพลงในลิฟต์เงียบลงไปเมื่อไหร่ไม่รู้ สายตาผมมองเห็นคนที่แน่นขนัดในลิฟต์อยู่แต่พวกเขาก็ดูเบลอจนอกนอกกรอบความสนใจของผม ผมรู้สึกแค่มือของผมที่กำลังลูบที่ข้อมือผอมๆของพี่บาก แล้วคล้องมันไว้หลวมๆ

    พี่เขาเกร็งมือนิดนึง แล้วสักพักก็ดูคลายลง


    คราวนี้ผมจะไม่ให้มันจบลงโดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไร

    ผมหันไปมองหน้าพี่บาก พี่เขาก็ชายตามามองแบบแปลกใจนิดนึงก่อนที่ผมจะหันไปกระซิบพอให้พี่บากได้ยินแค่คนเดียว


    “ในเมื่อพี่เป็นคนดึงคอเสื้อผมเข้าไปจูบ

    ครั้งนี้ผมจะเป็นคนเริ่มด้วยการจับมือนะครับ”



    พี่เขารีบหันไปอีกทาง เหมือนจะบ่นอุบอิบๆอะไรคนเดียว ผมเลยถามพี่เขาไปเบาๆว่า

    “อะไรนะครับพี่บาก”

    พี่เขายืนนิ่งไป มีเอียงคอพิงลิฟต์ที ก้มหน้าลงไปมองเท้าที เหมือนคิดอะไรอยู่


    (กระซิบ) “พี่บากครั---”

    พี่เขาจับเสื้อผมโยกไปจนชิดตัวเขา หรือจะเรียกว่ากระชากระยะประชิดก็ได้

    พี่เขาเอาปากเกือบแนบหูผมแล้วกึ่งตะโกนกึ่งกระซิบ

    “มาบอกอะไรในนี้วะไอ้อ๊อด!” (เสียงเบา)


    หน้าพี่เขาแดงไปหมด เหมือนเขิน ผมเห็นเต็มสองตา

    ผมรู้สึกโล่งใจมากๆ ที่มันไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองตลอดสองเดือน แล้วพี่เขาก็ตกใจที่ผมน้ำตาไหลออกมา  

    ผมกระซิบตอบพี่บากไปว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มองตากันหลังจากที่เราได้จูบกันไปแล้วสองเดือน พี่บากฟังแล้วก็ขำนิดๆ




    หลังจากที่ผมทำให้คนที่ผมคิดถึงตลอดสองเดือนกระอักกระอ่วน

    ตอนนี้ผมทำให้เขายิ้มได้แล้วครับ


    ผมว่า..มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in