Title: It just is
Artist: eaJ x Seori
แวะมาหย่อนอีกหนึ่งบทเพลงที่เราโปรดปรานจากโปรเจคอีจ หรือ eaJ หรือพี่เจ Day6 และเพื่อต้อนรับเพลงใหม่ของคุณ Seori ที่กำลังจะปล่อยให้ได้ฟังกันในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยคราวนี้พี่เจก็ได้ไป featuring กับคุณซอริอีกครั้งด้วย มาลุ้นกันว่าจะเป็นเพลงที่เนื้อหาต่อจากเพลงนี้ที่กำลังจะแนะนำให้ได้ฟังกันหรือเกี่ยวข้องกันไหมไปด้วยกันนะคะ อย่าลืมนะทุกคน 22 สิงหาคมนี้ 16.00 น. เวลาประเทศไทย เพราะมากแน่นอน ถึงจะยังไม่เคยฟัง @.@
เพลง It just is เป็นเพลงที่ทั้งพี่เจและคุณซอริได้ร่วมเขียนเนื้อและร่วมร้องด้วยกัน โดยเนื้อหาในเพลงนี้พูดถึงการได้มาเจอคน ๆ นึงที่พิเศษกว่าความสัมพันธ์ไหน ๆ ที่ผ่านมา และต่อให้ที่ผ่านมาคนเล่าจะเคยเป็นคนที่เบื่อหน่ายกับทุกอย่าง ผลักไสความเจ็บปวดทุกรูปแบบที่จะมาจากความสัมพันธ์ไปแค่ไหน แต่ถ้ากับคนนี้แล้วมันต่างออกไปมาก เป็นความสัมพันธ์ที่เขาจะรักษา เพราะอีกคนเป็นเหมือนแสงสว่างในความมืดมิดของตัวเอง เป็นคนที่ทำให้ตัวเองอยากเป็นคนที่ดีขึ้น จึงไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่ทำแบบเดิมที่ผ่านมาอีก
บทความนี้มีเนื้อหาจากTwitchที่ พี่เจเคยอธิบายเนื้อเพลง It just is แปลและวิเคราะห์เพิ่มตามความเข้าใจของผู้เขียน หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หากขาดตกบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมหรือจะติชมได้เสมอนะคะ
และขอความร่วมมือไม่นำเนื้อหาไปดัดแปลงหรือคัดลอกไปผลิตในรูปแบบอื่นนะคะ ขอขอบคุณค่ะ
LYRICS & TRANSLATION 사람에게 질려
하루 끝에 난 밀려
이젠 신경 안 써
It must be fine
이렇게 혼자 남아도
결국 흘러갈테니까
ฉันเบื่อหน่ายผู้คน แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก
ทุกอย่างจะไม่เป็นไร
แม้ว่าฉันจะรู้สึกโดดเดี่ยว
สุดท้ายแล้วเดี๋ยวมันก็หายไป
Never mind
It must be fine
ไม่เป็นไรหรอก
มันต้องไม่เป็นไร
I didn’t wanna play
I didn’t wanna date
I didn’t wanna say
I just wanna sleep
Until the day before I met you
ฉันไม่อยากเล่นอะไร
ฉันไม่อยากคบกับใคร
ฉันไม่อยากจะพูดจา
ฉันแค่อยากนอนหลับไป
จนกระทั่งเมื่อวันก่อนที่ฉันได้พบคุณ
네가 돌아선다면
다가갈게 꼭 잡을게
너만 초대할래
유일하게 내 방 안에
ถ้าคุณหันมา ฉันจะยืนอยู่ตรงหน้าคุณ
ฉันชวนคุณมา
ที่ห้องของฉัน
No matter what they say
Oh you always lit my shadow
And the one who shares my sorrow
With you with you with you it's different
I don't know why
It just is
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง คุณก็เป็นดั่งไฟในความมืดมิดของฉัน
และคนเดียวที่คอยแบ่งเบาความเศร้าของฉัน
การได้อยู่กับคุณนั้น มันต่างออกไปนะ
ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไม
มันก็แค่เป็นแบบนั้นเองI’m tired of the same line
I heard through every grapevine
Broken records screaming in time
You’ll be fine
You’ll be fine
ผมเบื่อกับคำพูดเดิม ๆ
ที่ผมได้ยินมาปากต่อปาก
เสียงแผ่นสะดุดที่กำลังกรีดร้องอยู่ในเวลานั้น
ว่าคุณจะไม่เป็นไรนะ
คุณจะไม่เป็นไร
- "Broken records screaming in time you'll be fine you'll be fine" พี่เจอธิบายว่าท่อนนี้ไว้ใน twitch ว่า broken records หรือที่หมายถึงแผ่นเสียงหรือเทปที่พังหรือเอาไปเล่นแล้วสะดุดอยู่ที่ท่อนเดิม ๆ นี้เองที่เหมือนเป็นเสียงในใจของเขาที่คอยย้ำเตือนประโยคที่บอกว่าเขาจะไม่เป็นไร ไม่เป็นไรอยู่แบบนั้น
People come and pass by
Even though I wished they stay mine
So many Broken records scream in my mind
I’ll be fine
ผู้คนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ถึงแม้ว่าผมจะเคยหวังว่าเขาจะอยู่กับผม
เสียงแผ่นสะดุดมากมายที่กำลังกรีดร้องในตัวผม
บอกผมจะไม่เป็นไร
- "Even though I wished they stay mine, so many Broken records scream in my mind" ถึงแม้ว่าผู้คนที่ผ่านไปมาในชีวิตเป็นคนที่เขาต้องการให้อยู่ด้วยกัน แต่เสียงเดิมจากในหัวเขา ที่พี่เจเอาไปเทียบเป็นเสียงแผ่นเพลงที่สะดุดนี่แหละ ที่คอยฉุดเขาเอาไว้จึงไม่เคยคิดจะยื่นมือออกไปรั้งใครเอาไว้ต่อได้เลย เพราะเขาคิดว่าตัวเองคงไม่เป็นอะไร
I always pushed away
Always pushed away
Scared they’d go away
So I watched them leave
Didn’t say nothing
But with you, I think it’s different
ผมถอยออกมาเสมอ ถอยออกมาจากตรงนั้นเสมอ
กลัวเหลือเกินว่าพวกเขาจะไป
แต่ผมก็ทำได้แค่มองดูพวกเขาจากไปเมื่อถึงเวลา
ไม่ได้พูดอะไรเลย
แต่กับคุณนั้น มันต่างออกไป
- "I always pushed away, always pushed away" เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากจะยอมรับว่าอีกคนกำลังจะเดินจากไปก็เลยเลือกที่จะก่อกำแพงขึ้นรอบตัวเอง ผลักให้คนออกไปแล้วถอยกลับมาที่ที่ปลอดภัยของตัวเอง เพราะเขากลัวว่าตัวเองจะเจ็บปวด "Scared they’d go away so I watched them leave" แต่ท่อนนี้ก็บอกว่าพอถึงเวลาแล้ว เขาก็ทำได้แค่มองคนพวกนั้นจากไปอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไรเลยอยู่ดี
If you ever tell me you gotta go
I’ll be the first to ask you where
If you say you need me no more
Then I might have to stop you there
No matter what they say oh you always lit my shadow
I've let love lose all of my battles
But you with you with you with you with you
It’s different
I don’t know
It just is
ถ้าหากว่าคุณบอกว่าคุณต้องไปผมจะเป็นคนแรกเองที่ถามคุณว่าไปที่ไหน
ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่ต้องการผมอีกต่อไป
แล้วแบบนั้นผมคงจะขอรั้งคุณไว้ก่อน
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง
คุณจะเป็นแสงสว่างของผมเสมอ
ผมเคยปล่อยให้ความรักนั้นพ่ายแพ้กับทุกการต่อสู้
แต่กับคุณน่ะ มันต่างออกไปนะ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
มันก็แค่เป็นแบบนั้นเอง
- "If you ever tell me you gotta go, I’ll be the first to ask you where" ถ้าหากว่าคุณจะไป ผมจะเป็นคนแรกเลยที่ถามคุณว่าที่ไหน ท่อนนี้จะแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าต่างจากตัวเขาในก่อนหน้านี้ที่เอาแต่ถอยออกจากความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญการจากลานั้น ๆ แทนที่จะทำแบบเดิม แต่กับคน ๆ นี้เขาจะถามเธอก่อนว่าจะไปที่ไหน เพราะเขาก็พร้อมจะไปกับเธอไม่ว่าจะที่ไหนๆ
- "If you say you need me no more then I might have to stop you there" ถ้าคุณบอกว่าไม่ต้องการแล้ว ผมอาจจะขอให้คุณหยุดก่อนตรงนี้สักพัก เพราะเขาไม่พร้อมที่จะเห็นคน ๆ นี้จากไป พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าเป็นคนนี้เขาเลือกที่จะรั้งเธอดีกว่าไม่ทำอะไรเลยเหมือนเขาเมื่อก่อน
- "I've let love lose all of my battles but with you it's different" เป็นท่อนที่สรุปทั้งเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยการที่เขาบอกว่าเคยปล่อยให้ความรักนั้นพ่ายแพ้กับทุกการต่อสู้ก็คือเขาเองที่ยอมแพ้กับความรักกับความสัมพันธ์ แต่กับคน ๆ นี้มันต่างออกไป เพราะเป็นคนที่เขาอยากจะลองสู้เพื่อรักนี้ดู
English Lyrics Translation credit: Genius
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in