"I'm tired of the city, scream if you're with me" เปิดมาก็เศร้าเลยกับประโยคนี้ พูดได้ว่าท่อนนี้เป็นธีมของเพลงเลยก็ว่าได้ แสดงให้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับที่ที่เขาอยู่และสิ่งที่กำลังทำอยู่ หากมีคนส่งเสียงออกมาบ้างเขาอาจจะรู้สึกดีขึ้นว่ายังมีเพื่อน (หรือท่อนนี้อาจจะกำลังร้องหาตัวเองก็ได้นะ)
"Sad in the summer, city needs a mother" ท่อนนี้แสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้า รู้สึกว่างเปล่า และหลงทาง แม้ในฤดูร้อนที่ควรจะเฉลิมฉลองและมีความสุขก็ไม่ได้สดใสอย่างเคย "City needs a mother" ก็พูดถึงตัวทรอยเองที่ต้องออกมาอยู่ไกลบ้าน จากเมืองเล็กสู่เมืองใหญ่ที่ทำให้เขาตัวเล็กลง ได้มาตามความฝันด้วยตัวเองไร้ครอบครัวไร้แม่อยู่ข้าง ๆ เขาเพียงต้องการการเชื่อมต่อจากใครสักคนก็เท่านั้น
Talk to me
There's nothing that can't be fixed with some honesty
And how it got this dark is just beyond to me
If anyone can hear me, switch the lights, oh (Lights, lights, lights, lights, lights)
And happiness is right there where you lost it
When you took the bet
Counting all the losses that you can't collect
Got everything and nothing in my life (Life, life, life, life, life)
พูดกับฉันสิ
ไม่มีสิ่งใดที่แก้ไขไม่ได้ด้วยความซื่อสัตย์
แล้วเมื่อมันมืดหม่น ฉันก็ทนไม่ไหว
ถ้าหากใครได้ยินฉัน ช่วยเปิดไฟให้ที
แล้วความสุขตรงนั้นที่คุณทำหล่นหาย
เมื่อคุณคิดจะเดิมพัน
นับเอาสิ่งที่สูญเสียที่คุณเก็บเอามาไม่ได้
ทั้งมีทุกอย่างและไม่มีอะไรเลยในชีวิตฉัน
"Talk to me There's nothing that can't be fixed with some honesty" เป็นท่อนที่แสดงให้เห็นถึงการเผชิญหน้าและพูดคุยกับตัวเอง อย่างที่ทรอยได้บอกว่าได้ใช้เวลาซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ท่อนนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้ทำมันจริง ๆ ได้เผชิญหน้ากับความรู้สึก ได้พยายามที่จะแก้ไขโดยใช้ความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เปิดใจกับตัวเอง
"And how it got this dark is just beyond to me" แต่มันก็ไม่ได้ง่ายที่จะผ่านความรู้สึกพวกนี้ไป เหมือนยิ่งผ่านไปยิ่งมืดลงจนมันเกินจะต้านไหว เป็นความรู้สึกเหมือนตอนกำลังจะไร้ทางออก
"Got everything and nothing in my life" ความฝัน ความรัก ชีวิตที่ดี เขามีทุกอย่างแล้วในตอนนี้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร น่าจะพูดถึงความรู้สึกช่วงนั้นต่อสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ซึ่งศิลปินหลายท่านก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ โดยเป็นอีกด้านหนึ่งที่ศิลปินที่มีชื่อเสียงได้เผชิญ เรียกได้ว่าได้อย่างก็เสียอย่าง อาจจะเป็นเวลา ความสุข หรือความสนุกที่ลดลงเพราะโฟกัสผิดที่
I'm tired of the city, scream if you're with me
If I'm gonna die, let's die somewhere pretty, oh, oh-oh
"Who you really tryna be when you see your face?" ตั้งคำถามกับตัวเองขณะที่มองเงาสะท้อน ถามถึงความพึงพอใจต่อตนเอง เป็นตัวเองอยู่จริงใช่ไหม ช่วงเวลาที่สับสนและไม่ไว้ใจแม้กระทั่งตัวเองก็คงมีบ้างที่หลายคนเคยถามกับตัวเองแบบนี้เช่นเดียวกับทรอย
"Well, it's all waiting for you" สิ่งที่ทรอยรอคอยมาตลอดคือการได้เป็นศิลปิน กลับกันในวันนี้ที่เขาได้ทำมันอยู่แล้ว สิ่งเรานั้นก็ยังคงรอคอยให้เขาทำมันเช่นกัน
"And, boy, I know you're eager but it just might destroy you" เขากระตือรือร้นกับมันมาเสมอและยังเป็นอยู่ ยังทำงานหนักและสนใจทุ่มเทไปกับสิ่งที่เขารักและหวังมาตลอด ทว่ามันกลับทำร้ายเขาเช่นกัน อาจจะสักทางใดทางหนึ่ง
I'm tired of the city, scream if you're with me
If I'm gonna die, let's die somewhere pretty, oh, oh-oh
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in