เคยรู้สึกมั้ยว่าชอบสถานทีนี้มากๆ แม้จะยังไม่เคยไป ?
รู้สึกเหมือนเราเคยเจอกันมาแล้ว
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างในชีิวิตที่มันขาดๆหายๆ รอการเติมเต็ม
ความรู้สึกพวกนี้เราว่าทุกคนต้องเคยรู้สึก Your name เหมือนเป็นหนังที่บอกว่า ทุกๆอย่าง ทุกๆความรู้สึกมันเกิดขึ้นเพราะเหตุผลบางอย่างที่เราอาจจะจำไม่ได้ อาจจะไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ เช่นฉากที่พระเอกบอกรุ่นพี่ผู้หญิงว่า จำไม่ได้แล้วว่าใครให้สายรัดข้อมือมา แต่ว่าก็ใส่ไว้เหมือนเป็นเครืองราง หลายคนคงเคยมีอาการแบบนี้บ่อยๆ ใส่กางเกงตัวนี้ไปสอบแล้วจะโชคดี ซึ่งหนังก็ล้อเล่นกับประเด็นความเชื่อนี้ต่อ ตอนที่พระเอกไปสัมภาษณ์งานแล้วไม่ได้ เลยมีแต่คนทักว่าเพราะสูทที่ใส่รึเปล่า เรื่องราวของพระเอกและนางเอกในเรื่องทั้งหมดเป็นเหมือนการตอบเราว่า ทุกความคิด ทุกความรู้สึก หรือการใช้เซนส์ใดๆก็ตามของเรามันมีเหตุผล เราแค่จำไม่ได้หรือลืมไป จริงๆแล้วทุกความคิด การกระทำของเราล้วนเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลด้วยหลักการที่ชินไค เรียกว่า 'มุซึบิ'
ตรงบทสนทนาของคุณยายเกี่ยวกับกาลเวลาตอนที่เดินไปที่ Body of God คุณยายพูดถึงคำว่า มุซึบิ ที่แปลว่าการร้อยด้าย การรวมกันของความสัมพันธ์ การเดินทางของเวลา แม้แต่การทานอะไรลงท้องก็ยังเป็น มุซึบิ บทพูดนี้ชินไคตีความคำว่าเวลากว้างมากๆ คือ เวลาที่เป็นการไหลเวียน ไม่ใช่จากอดีตไปปัจจุบันแต่จากจุดไหนก็ได้ไปอีกจุด ไม่มีorder อะไรเลย เวลาที่ไม่ใช่เวลาด้วยซ้ำ แต่เป็นเพียงความสัมพันธ์ของอะไรสักอย่าง เหมือนด้ายที่ถักทอเมื่อยึดโยงบางอย่างไว้ด้วยกัน
=> จากจุดนี้ เวลาในจักรวาลของชินไค กลายเป็นแค่ด้ายที่จะผูกจะพันยังไงก็ได้
อีกนัยนึงความหมายของมุซึบิ คือการทานอาหาร เราตีความว่าแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดหรือตัวตนข้างในของเรากับโลกภายนอกก็เป็น มุซึบิ ดังนั้นความจริงที่เรามองเห็นแล้วกลายเป็นความคิดหรือความทรงจำ
=> จากพอยต์นี้เรามองว่าชินไคยกระดับของคำว่ามุซึบิขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้โฟกัสที่ส่ิงที่จะเชื่อมของบางอย่างไว้ด้วยกันอย่างเวลาหรือด้าย แต่เป็นการบอกว่าทุกๆอย่างบนโลกสามารถเชื่อมโยงกันได้ด้วย มุซึบิ ไม่ว่าจะระหว่าเรากับอาหาร ที่มุซึบิในแง่นี้คือการที่เราทานเข้าไปนั่นเอง
ประเด็นหลักของมุซึบิ คือ การบอกว่าทุกๆอย่างบนโลกนี้มักเชื่อมโยงสัมพันธ์กันได้ทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นะระหว่างอดีตกับปัจจุบันก็ตาม หนึ่งเดียวคือทุกสิ่ง และทุกสิ่งคือหนึ่งเดียว ที่สำคัญที่สุดจุดเล็กๆ หรือ การกระทำอะไรสักอย่างล้วนแต่วนอยู่ในวงจรของการมุซึบิ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุผลบางอย่าง และทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อที่จะเชื่อมโยงกับบางอย่างเสมอ
ดังนั้นเนื่องจากเวลาไม่มีลำดับขั้นจะไหลยังไงก็ได้ และทุกอย่างบนโลกสามารถเชื่อมโยงกันได้หมดด้วยมุซึบิ ดังนั้นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ของพระเอกกับนางเอกที่อยู่กันคนละมิติเวลาจึงเกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ความพีคของหนังเรื่องนีื้ไม่ใช่แค่ตรงนี้ แต่หนังใส่ประเด็นที่ว่าพระเอกกับนางเอกจำกันไม่ได้ ส่วนตัวน่าจะเป็นแนวคิดเรื่องความฝันของชินไคที่อยู่ในหนังเรื่องก่อนๆ ที่บอกว่าคนเราข้ามไปที่โลกอีกมิติผ่านความฝัน แต่ว่าร่างกายของมนุษย์มีขีดจำกัดเลยทำให้จำอะไรไม่ได้ ดังนั้นร่างกายเลยทำให้เราลืมความทรงจำพวกนั้น ที่หลงเหลือไว้มีแค่ความรู้สึก
และความรู้สึกพวกนี้เองที่ต่อมาได้กลายเป็น Intuition ของเราเช่น คุ้นๆหน้าจัง เคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า หรือว่า ชอบสถานที่ที่ไม่เคยไป เซนส์พวกนี้ที่เราคิดว่ามันไม่มีเหตุผล จริงๆแล้วมันมีเหตุผลซ่อนอยู่เสมอเหมือนที่หนังเรื่องนี้ได้แสดงให้เราเห็น
ตอนออกจากโรงอินกับประเด็นนี้มากกว่าความรักของพระนาง รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นกำลังใจให้ชีวิตในหลายๆด้าน เหมือนเป็นการบอกตัวเองซ้ำๆว่า Everything happens for a reason. เราอาจจะไม่เห็นเหตุผลของมันในตอนนี้ หรือจริงๆเราอาจจะลืมมันไป แต่สุดท้ายทุกอย่างจะถักทอเข้าด้วยกันอย่างสวยงามเสมอ
อดีตสร้างอนาคต อนาคตตัดสินอดีต ปัจจุบัันจะมีความหมายเมื่อมองในภาพรวมของเวลา
อ่อ ประเด็นสุดท้ายเรามองว่าฉากจบที่พระนางทักกันนี่ดีมากนะ มันเป็นการมุซึบิซ้อนมุซึบิ เรามองว่าคนสองคนมุซึบิกันด้วย เวลา โชคชะตา ด้ายแดงอะไรแบบนี้ใช่มั้ย มันเลยทำให้หลายๆครั้งเรารู้สึกเหมือนเคยเจอคนนี้มาแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าการ มุซึิบิระหว่างคนสองคน สิ่งที่จะเชื่อมโยงพวกเราไว้จริงๆ คือ การที่เราพูดออกไป พูดคุยกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in