ตอนแรกว่าจะเขียนแค่ Spring Day แต่ด้วยความทีเราศึกษาจิตวิทยามานิดหน่อย พอรู้ว่าเอ็มวีทำตามนิยายเรื่องเดเมี่ยนและทฤษฎีของ Jung ตอนดูเอ็มวีเลยกรี๊ดมาก ตรงกับที่เคยเรียนมาเลย สุดท้ายความเนิร์ดก็ทำให้เราเขียนบทความนี้ออกมาตั้งแต่ I need U เลย ขอออกตัวว่าทั้งหมดก็เป็นทฤษเดาของเราล้วนๆ ผิดพลาดตรงไหนต้องขอโทษด้วย ถือว่าอ่านสนุกๆ ใครมีความเห็น/สงสัยยังไง คอมเม้นไว้เลยค่ะ
*เพิ่มเติม
สำหรับ Blood Sweat and Tears เว่อร์ชั่นญี่ปุ่น อ่านต่อได้ในบทความนี้
ไฟเป็นสัญลักษณ์ที่ให้ความหมายเดียวกันกับ นกที่ต้องทำลายไข่ของตัวเองเพื่อที่จะเติบโตค่ะ ซึ่งตรงกับประโยคที่ม่อนได้พูดไว้ใน short film เพลง awake
“The bird fights its way out of the egg. The egg is the world. Who would be born must first destroy a world. The bird flies to God. That God's name is Abraxas.”
เราว่า Prologue เป็นตอนที่พยายามจะใบ้ไทมไลน์ของเรื่องให้คนดูเข้าใจ โดยใช้วีเป็นคนเล่าเรื่องต่อมาจากฉากของตัวเองที่จบไปใน I need U เรื่องของจินเองก็น่าจะเล่าต่อมาจาก I need U เช่นกัน เพราะจินยังคงทำหน้าหมองๆต่อมาถึงเอ็มวีนี้ ในขณะที่คนอื่นๆใน Prologue ดูสดใสมาก ไม่ได้มีความเศร้า เครียดเหมือนใน I need U และ Prologue ก็เล่าแต่ไทม์ไลน์ของวีกับจีน ไ่มได้เล่าว่าหลังจากที่คนอื่นเผาไปแล้ว หรือจองกุกที่เหมือนจะโดนรถชน เรื่องราวเป็นไงต่อ เพราะงั้นเราเลยคิดว่าถ้าเรียงตามเวลาแล้ว เรื่องราวจะเป็น จินเลือกด้านสว่าง > วี แทงพ่อ เลือกด้านมืด > คนอื่นยังแฮปปี้ > คนอื่นเจอcrisisของตัวเอง (ซึ่งถูกเล่าถึงใน Run) > ตัดสินใจเผาของใน I need U เดี๋ยวไปอธิบายอีกรอบใน Run ค่ะ
จากนั้นก็ตัดฉากไปที่แรปมอนที่เขียนตัวเองในกระจกว่า you need to survive. เป็นประโยคที่ตรงข้ามกับประโยคก่อนหน้านี้ชัดเจน อยู่ด้วยกันเราสามารถยิ้มได้แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องอยู่รอดด้วยตัวเราเองให้ได้เช่นกัน
ส่วนแรปมอนกับวี แรปมอนก็ประกาศตัวไปตั้งแต่แรกแล้วนะคะว่า you need to survive เพราะงั้นเลยเหมือนจะไม่ค่อยแคร์วีเท่าไหร่ ตรงนี้ก็สอดคล้องกับโซโล่ของแรปมอนเองที่พูดถึง การวิ่งตามฝันแต่ก็หลงระหว่างทางและมีหลายๆเรื่องที่เสียใจระหว่างที่ทำเรื่องอื่นอยู่ เหมือนได้บางอย่างมา ก็เสียบางอย่างไร ก็คงจะเป็นการเสียวีที่เป็นเพื่อนสนิทไปเพราะ you need to survive ค่ะ เดี๋ยวเขียนเพิ่มใน run ค่ะ
และเอ็มวีก็จบลงที่ฉากพีคมากคือฉาก วี กระโดดน้ำ ส่วนตัวเราชอบฉากนี้มากๆเลยๆ อย่างแรกเลยคือความตัดกันสุดๆของทะเลลึกๆดำมืด กับท้องฟ้าที่สว่างจ้า วีที่ขึ้นไปยืนอยู่บนเสาเหล็กเหมือนต้องเลือกว่าจะไปทางไหนระหว่างความมืดกับความสว่าง แล้วตอนที่วีกระโดด ภาพมันหยุดอยู่ตอนที่ตัวลอยกลางอากาศแล้วท้องฟ้าก็เปลี่ยนถูกปรับโทนให้เป็นสีของท้องฟ้าตอนช่วง twilight ที่ท้องฟ้าเป็นทั้งสีมืดและสีสว่าง (สัญลักษณ์เดียวกับ your name เลย) เหมือนเปิดปมไว้ให้ทุกคนลุ้นว่าสุดท้ายวีจะกลายเป็นด้านมืดหรือด้านสว่างกันแน่ โอ้ยยยย ผกก เก่งมาก กรีดร้องงงงงงง
3. Run
มาถึงเอ็มวีสุดท้ายและบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด ถึงตรงนี้ผกกยังไม่ได้แก้ปมอะไรเท่าไหร่ตั้งแต่ I need u ยังมีคำถามที่ว่าเรื่องราวความเป็นมาปัญหาของแต่ละคนเป็นยังไง แล้วสุดท้ายวีเอาไงต่อ ทุกคนที่เผาสิ่งของของตัวเองไปใน I need U จะเป็นยังไง
ฉากแรกใน Run คือ วีที่จมน้ำ เล่าเรื่องของวีต่อเนื่องมาจาก Prologue
จากนั้นไม่ทันได้รู้ว่าวีตายหรือไม่ตายหรือยังไง ก็ฉากก็เปลี่ยนไปที่แรปม่อนไปปาร์ตี้ ตอนแรกก็งงๆ ว่าทำไมอยู่ๆไปปาร์ตี้ ดูไปดูมา อ่อ เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นก่อน I need u นั่นเอง แรปมอนยังไม่ได้ไปทำงานที่ปั้มเลยด้วยซ้ำ ทีนี้มาดูสตอรี่ของแต่ละคนแล้วโยงกลับไปที่ I need u กันค่ะ ตรงนี้จะขอโยงไปถึงคอนเซปBoys meet evils ในโซโล่ของแต่ละคนใน Wings ด้วยนะคะ โดยโซโล่เป็นเหมือนเรื่องที่เสริมขึ้นมาเล่าว่าแต่ละคนโดนปีศาจตัวไหนจากโลกมืดเรียกหา
3.1 แรปมอน กับวี
เรื่องของสองคนนี้เหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่เล่าไปว่าสองคนนี้สนิทกันมาก ทั้งๆที่ในเอ็มวีก่อนหน้านี้ฉากที่สองคนนี้อยู่ได้กันค่อนข้างน้อย เอ็มวีไม่ได้เล่าละเอียดว่าทำไมสองคนที่สนิทกันมากถึงได้ห่างๆกันออกไป แต่พอเดาได้คราวๆจากคาแรกเตอร์ของแรปมอนที่ You need to survive อาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวที่ทำให้ต้องห่างจากวีไป อันนี้โยงไปกับใน trailer solo ของวีกับแรปมอน ที่วีโทรไปหาแรปมอน แต่ตู้โทรศัพท์ของแรปมอนมีโซ่คล้องไว้ไม่ให้เข้าแล้วแรปมอนก็รับสายไม่ได้
โยงกลับไปที่จุดสังเกตใน I need u ที่เราบอกว่าแรปมอนทำงานในปั้ม ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟแต่ตอนที่เติมน้ำมันให้ลูกค้าตัวเองกับจุดบุหรี่สูบ ทุกคนคงรู้กันดีว่าเขาห้ามสูบบุหรี่ในปั้มไม่งั้นมันจะระเบิด ซึ่งความย้อนแย้งตรงนี้เข้ากับเพลง reflection ของแรปมอน ที่ทั้งรักทั้งเกลียดตัวเอง สูบบุหรี่ในปั้มนี่จะฆ่าตัวตายหรือยังไง เราว่าการที่ไม่ได้รับสายหรือช่วยวี อาจจะเป็นสาเหตุให้แรปมอนรู้สึกผิด ตอนที่ทิ้งบุหรี่ใน I need U อาจจะเลือกที่จะไม่ทำร้ายตัวเองอีกแล้ว
ย้อนกลับไปใน i need u ชูก้าจุดไฟเผาทุกอย่างเลยและอาจจะเผาตัวเองด้วยซ้ำเพราะว่าไม่มีจองกุกคอยห้ามแล้ว โยงไปกับโซโล่ first love ที่ชูก้าพูดถึงรักแรกที่เป็นเปียโน ที่ตัวเองเป็นคนทิ้งไป ปีศาจของชูก้าอาจจะหมายถึงการลืมครอบครัว พี่น้อง เพื่อนหรือใครก็ตามที่หวังดี ไปจนถึงการลืมอุดมการณ์เริ่มต้น หรือความผิดชอบชั่วดี ก็ได้
ในพาร์ทของจองกุก เริ่มจากโซโล่ Begin ใน trailer ก็เป็นฉากที่จองกุกร้องไห้ ภาพโดนเผาแล้วร้องหาพี่ ตอน I need u จองกุกโดนรุมซ้อมแล้วตัวเองไม่โต้ตอบ ไม่ทำอะไรเลย คิดว่าปีศาจที่จองกุกเจอตรงนี้อาจจะเป็นความอ่อนแอของตัวเอง ความไม่รู้เดียงสา ที่ปกป้องใครไม่ได้เลย
สองคนนี้ข้อมูลน้อยมาก เจโฮปคือดูเป็นคนอ่อนแอต้องทานยา นี่แอบโยงกับ Mama เเล้วคิดว่ายาที่ตอนแรกคิดว่าเป็นยาเสพติดจะหมายถึงแม่รึเปล่า เจโฮปเหมือนคนที่อยู่ได้ด้วยยา ยา เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมชีวิต แต่สุดท้ายใน I need U กลับเทยาทิ้ง หันหน้าให้โลกมืด อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็แอบสอดคล้องใน trailer solo มียาออกมาเยอะมากแต่ว่าเจโฮปไม่ยอมกิน ทิ้งไปแล้วไปทานช็อกโกแลตแทน ปีศาจของเจโฮปอาจจะเป็นการลืมครอบครัว ไม่แคร์ว่าใครซัพพอร์ตเราบ้าง ถ้าเป็นตามนี้ ปีศาจของชูก้าก็คงจะเป็นการลืมผิดชอบชั่วดีไปเลย จะได้ไม่ซ้ำกัน นี่แถมากค่ะ 555
ทางจีมิน หลักๆของจีมินคือโดนผลักลงในอ่างแล้วอาจจะ caught in a lie ?? ของจีมินนี่คิดว่าคงเกี่ยวกับอยู่ในสังคมปลอมๆ เพราะใน trailer มีฉากที่ตัวเองถูกถ่ายวิดีโอ อาจจะสื่อว่าเป็นโลกที่ไม่จริง ตอนจบเลยหันกล้องถ่ายวิดีโอออกไป โยงกลับไปใน I need U ที่เผารูป อาจจะสื่อว่าเป็นการทำลายโลกของการโกหกเช่นกัน นี่ก็มโนมากค่ะ สำหรับของสองคนนี้เราไม่แน่ใจเลย
3.4 จิน
อย่างที่บอกไปว่าจินใน I need u ได้ก้าวข้ามทุกคนไปอีกขั้น ในเอ็มวีนี้เรื่องของจินส่วนใหญ่จะเป็นหน้านิ่งของจินที่เหมือนหยุดมองอะไรบางอย่างด้วยความตกใจเหมือนตะหนักขึ้นมาได้ถึงอะไรบางอย่าง
ฉากที่สำคัญคือฉากที่ต่อ House of Cards แล้ววีทำพัง อันนี้ก็โยงไปกับเพลง House of Cards ได้อีก ยอมใจบิ๊กฮิต วางคอนเซปได้โหดสัดรัสเซียจริงๆ ฉากนี้ของพี่จินเหมือนพี่เขามองเห็นหายนะบางอย่างจากบ้านที่พังซึ่งในเพลง House of Cards บ้านจากไพ่คือความฝันที่เปราะบาง
จากนั้นฉากสุดท้ายที่จองกุกหันมามองแล้วเป็นภาพเหมือนใครกำลังหลับตา ตาคนนั้นก็คือจิน ซึ่งมีความย้อนแย้ง เพราะว่าเพลงโซโล่ของจินชื่อเพลง Awake ตรงนี้ทำให้เราเดาว่าปีศาจของจินคือความกลัว หรือว่า ความหวาดกลัวอนาคตค่ะ กลัวว่า I will never fly ตามเนื้อเพลง Awake นอกจากนี้ฉากใน run จะเป็นภาพที่เหมือนจินมองเห็นอะไรสักอย่างแล้วหยุดนิ่งไม่กล้าเดินต่อตลอด ดังนั้นใน I need U จินอาจจะเผาความไร้เดียงสา ความกลัวของตัวเองทิ้ง แล้วเดินหน้าไปในโลกสว่างอย่างแท้จริง ที่จินหลับตาก่อนจบเอ็มวีอาจหมายถึงจินละทิ้งตัวเองที่เป็นเด็กในตอนนี้ไปแล้ว ในขณะที่คนอื่นยังเดินต่อไปในเส้นทางเดิมของโลกมืด ตัวเองขอหยุดตรงนี้ ทิ้งและเก็บทุกอย่างไว้เพื่อไปสู่โลกสว่าง นี่มโนยิ่งใหญ่มากค่ะ 555 แต่คิดว่าน่าจะความหมายประมาณนี้
“The bird fights its way out of the egg. The egg is the world. Who would be born must first destroy a world. The bird flies to God. That God's name is Abraxas.”
*ไหนๆ เอาโซโล่ใน Wings ขึ้นมาพูดแล้ว ตรงนี้ขออวยบิ๊กฮิตนิดนึงที่วางแผนดีมาก โซโล่ของแต่ละคนพูดถึงปัญหาของตัวเองซึ่งเกิดขึ้นจริงๆกับพวกเขา แล้วบิ๊กฮิตคงจะเอาปัญหาพวกนั้นมาตีความเพิ่มเติมแล้วใส่ให้เข้าหนังเรื่องยาวในซีรีย์วัยรุ่น เช่น แม่ของเจโฮปก็สื่อออกมาเป็นยาใจ คำขอบคุณของจองกุกในBegin ก็แปลเป็นความรักความหวังดีที่ไร้เดียงสาและอ่อนแอเกินไป เปียโนรักแรกของชูก้าก็เข้าธีมกับความรักของจองกุก และ caught in a lie ของจีมินมันโคตรได้อารมณ์กับการนอนขดตัวในอ่างน้ำแคบๆเหลือเกิน เราไม่รู้ว่าบิ๊กฮิตวางแผนไว้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องในซีรีย์หรือเพลงโซโล่มาก่อนกัน แต่ถ้ามันลิงค์กันจริงๆอย่างที่เรามโน ซีรีย์ทั้งหมดมันก็จะ based on true story ของหนุ่มๆบังทันในช่วงวัยรุ่นจริงๆ โอ้ยยย ไม่กล้าคิดต่อ ขนลุกไปหมดแล้วววว น่ากลัวเกินไปแล้ว
4. Epilogue - Young forever
ขอปิดท้าย The most beautiful moment in life ด้วยเอ็มวี Young forever ค่ะ metaphor ในเพลงชัดเจน ทุกคนอยู่ในเขาวงกต อยู่ในเขาวงกตเดียวกันแต่ต่างคนต่างติดอยู่กับเรื่องกับเรื่องของตัวเองไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย สุดท้ายวิ่งออกมาเจอกันแล้วไปพร้อมๆกัน ทุกคนต่างมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีเพื่อนและมิตรภาพ จับมือกันแล้ววิ่งออกไปด้วยกันเถอะ ปัญหาส่วนตัวทุกอย่างค่อยๆแก้ไปและแก้ไปพร้อมๆกัน เน้นเรื่องมิตรภาพที่เป็นธีมที่สอดแทรกมาในทุกเอ็มวีตั้งแต่ I need U อย่างชัดเจน
และที่เราชอบมาก ไม่รู้ว่าผกก จงใจรึเปล่าแต่ว่าตอนท้ายของเอ็มวี ท้องฟ้าจากใสๆกลายเป็นท้องฟ้าช่วงTwilight อีกแล้วค่ะ จริงๆแล้วช่วงเวลาทไวไลท์ก็เป็นตัวแทนของการเป็นวัยรุ่น ช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตที่ดีมากทีเดียวเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าทั้งมืดทั้งสว่างและไม่ทั้งสองอย่าง กำกึ่งระหว่างโลกสว่างและโลกมืด แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุดของวัน ภาพเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดคนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกๆันในช่วงเวลาของทไวไลท์ มันย้ำให้รู้สึกว่าวัยรุ่นเป็น the most beautiful moment in life จริงๆค่ะ
เฮือกกก มาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ หลังจากซีรีย์เรื่องยาวของวัยรุ่นปิดฉากอย่างดงามใน Young forever ตามที่เขียนไปแล้วค่ะว่า โซโล่ใน Wings น่าจะเป็นส่วนเสริมเรื่องราวที่จบไปแล้วให้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ได้มีผลกับตอนจบปลายเปิด แต่ให้ข้อมูลตัวละครเพิ่มเติมมากกว่า ดังนั้นไปต่อกันที่ Blood Sweat and Tears (BST)กันดีกว่าค่ะ
ในที่สุดก็มาถึง Spring Day เป็นเอ็มวีที่มีศิลปะมากๆ ถ่ายสวยที่สุดเมื่อเทียบกับเอ็มวีอื่นๆ อัลบั้ม You'll never walk alone น่าจะบทส่งท้ายของคอนเซปวัยรุ่น มี Spring Day เนื้อหาให้กำลังใจคนที่กำลังผ่านวัยรุ่นไปแล้ว และ Not today ที่ให้กำลังใจหลายคนที่ยังคงต่อสู้อยู่กับโลกมืดและโลกสว่างว่ายังไงก็อย่ายอมแพ้ ตรงนี้เราขอพูดถึงแค่ Spring Day นะคะ
โดย Spring Day เป็นการย้ำคอนเซปเดิมจาก Young Forever และเอ็มวีอื่นๆค่ะ ยังคงเล่นกับประเด็นที่ว่า ใช่นะ วัยรุ่นทุกคนมีปัญหาของตัวเอง ต้องต้องสู้กับด้านมืดด้านสว่างของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังมีเพื่อนที่ต่างก็มีปัญหาของเขาแต่ก็ยังอยู่ข้างๆเราเสมอ เรียกว่า เป็นการมีชีวิตที่ต้องโดดเดี่ยวแต่ก็ไม่เดียวดาย
ที่ต่างจาก Young Forever อย่างชัดเจนคืออารมณ์ใน Spring Day จะดูขุ่นๆ เศร้าๆ มากกว่าใน young forever ที่ชื่มชมคำว่ามิตรภาพมากๆ ส่วนเราว่า Spring Day เป็นบทสงท้ายของคอนเซปวัยรุ่น ดังนั้นเลยเป็นอารมณ์ของการมองย้อนไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วรู้สึกกึ่งทุกข์กึ่งสุขไปกับมัน เหมือนผ่านทุกอย่างมาแล้ว เข้าสู่ช่วงที่สงบพร้อมจะก้าวต่อไปในอีกขั้นของชีวิต ถ้า Young forever ใช้มิตรภาพและความสุขตอกย้ำความเป็น the most beautiful moment in life ของวัยรุ่น Spring Day ใช้มิตรภาพความทรงจำ ความเศร้า การต้องโบกมือลาชีวิตวัยรุ่น เพื่อย้ำเราอีกเป็นครั้งสุดท้ายว่า The most beautiful moment in life คือชีวิตวัยรุ่นนี่แหละ
เราได้เขียนถึง Spring Day อย่างละเอียดไว้ในอีกบทความนึงแล้วค่ะ เพราะเราชอบเพลงและเอ็มวีมากๆจริงๆ เพราะงานตามไปกันต่อที่บทความนี้นะคะ
ส่วน Not today เราคิดไม่ออกว่าเกี่ยวข้องอะไรกับเอ็มวีเรื่องยาวทั้งหมดรึเปล่า เลยขอไม่เขียนนะคะเพราะตอนนี้คิดว่าอาจจะไม่เกี่ยวค่ะ
สุดท้ายเราก็เพิ่งตามบังทันได้ไม่นาน หลัง Spring Day ออก ถ้าเราเขียนผิดพลาดไปก็ขอโทษด้วยนะคะ เรื่องจิตวิทยา เราก็ไม่ได้เรียนด้านนี้โดยตรงแต่มีโอกาสได้ศึกษา อาจจะไม่ครบถ้วนทุกอย่างแต่พยายามเขียนภาพรวมให้ถูกที่สุด ใครมีอะไรคอมเม้นหรืออยากให้แก้ไขอะไรก็คอมเม้นทิ้งไว้ได้เลยค่ะ
ช่วยมาวิเคราะห์Euphoria : Theme of LOVE YOURSELF 起 Wonderที่พึ่งออกมาทีค่ะตอนดูครึ่งแรกเข้าใจว่าทุกคนสร้างโลกออกมาได้แล้วแต่ติดทิ้งท้ายวิดิโอไว้งงมากใจจะขาดแล้ว55
อีกจุดนึงท่อนที่วีร้องว่าyou know it all your my best friend แปลว่าคุณรู้ทุกอย่าง คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุด แล้ววีก็ทำท่าประมาณว่าโอดครวณต้องการจะช่วยเพื่อนๆที่ติดอยู่ในเรือแต่พี่จินก็เดินมาจับไหล่เหมือนเป็นนัยบอกว่าไปกันเถอะ เราคงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าเราอยู่เราคงไม่รอดกันแน่ แล้วทั้งสองก็รีบวิ่งกลับไปเต้นท่าอื่นๆต่อ และตอนเพลงจบเป็นตอนที่จีมินนั้งคุกเข่าอยู่แล้วยื่นมือมาขอความช่วยเหลือซึ่งอาจเปรียบได้ว่าจีมินอาจเป็นเด็กที่กำลังจะตาย และพี่จินก็เดินมากอดเหมือนกับบอกว่า ฉันคงทำได้แค่นี้แหละฉันทำได้แค่ให้ความอบอุ่น เป็นการปลอบใจ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้ามากเรยนะ ตอนที่ยังไม่เป็นติ่งเราไม่เคยรู้ข่าวเกี่ยวกับเรือเซวอลเลย ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอะไรคือเซวอล ตอนนี้เราติดตามข่าวเกี่ยวกับเรือเซวอลอยู่ยิ่งดูยิ่งน่าสงสาร ไปล้ะ นี้เป็นความคิดส่วนตัวนะจ้ะ เอามาเผื่อแผ้
ทฤษฎีทางจิตวิทยาที่ว่า phallic stage
ที่ว่าเด็กผู้ชายหลงรักแม่ตัวเอง แล้วมองพ่อเป็นคู่แข่ง ไม่ใช่ของ jung นะคะ เป็นของ Sigmund fraud ซึ่งทฤษฎีของเขาส่วนใหญ่จะเน้น unconcious รากฐานที่มีแรงขับเคลื่อนมาจากเพศ ค่ะ
ที่เขียนมาข้างบนก็เหมือนของฟรอยด์หมดเลยค่ะ จำสลับคนกันป่าวว555 พอดีเราเป็นแฟนคลับของคารล์ด้วยล่ะค่ะ เลยขอแก้ข้อมูลให้ถูกนิดหน่อย ขอโทษจริงๆนะคะ ㅠ ㅠ
+1ค่ะ ชอบพี่วิเคราะห์มากกก
อยากอ่านๆ555
เราแอบสงสัยจุดหนึ่งในเพลง Run ฉากที่ชูก้าทะเลาะกับจองกุก คือหลังจากชูก้าโยนเก้าอี้ทำกระจกแตก จองกุกก็นิ่งไปเลย หลังจากนั้นอีกฉากที่ทุกคนเล่นกันแต่จองกุกกับนั่งนิ่งและมองไปที่กระจก (ที่ไม่ได้แตก) คุณ indiiej หรือมีใครพอจะทราบมั้ยคะว่าต้องการสื่ออะไร หรือเราคิดมากไปเอง5555555555