สัมผัสเย็นจากฝ่ามือของเขาทำให้เซิ่งเสวี่ยเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางมองสีหน้าประหวั่นลนลานของตนเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่งามของเขา เนิ่นนานจึงค่อยเอ่ยขึ้น
"ข้าคุ้มค่าพอให้เจ้าทำเช่นนี้จริงหรือ"
"คุ้มค่า! ผู้อื่นต้องการแผ่นดิน แต่ข้ากลับไม่เคยต้องการของพวกนั้น ข้าเพียงต้องการหญิงงามในอ้อมกอด ผู้ที่จะอยู่ร่วมกับข้าไปชั่วชีวิต!"
(หน้า 379)
"หงส์คืนจันทร์ (凰归锦月)"
ผู้เขียน: เยวี่ยหวาส่าหรง (月华酒蓉)
ผู้แปล: Heroine
สนพ. แจ่มใส
เดิมนางคือหงส์เหนือมังกร เป็นถึงไทฮองไทเฮาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่เพียงเพราะไม่ทันระวังแค่ชั่วพริบตาเดียวจึงพลาดพลั้งให้ศัตรูก่อกบฏ เพื่อปกป้องบุตรชายและขัดขวางไม่ให้ตงเยวี่ยอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ เซิ่งเสวี่ยจำต้องหอบตราหงส์และลัญจกรหยกหลบหนีออกจากวัง มิคาด คนของตงเยวี่ยอ๋องจะติดตามมารวดเร็วยิ่งนัก นางกับองครักษ์คู่กายจำต้องแยกกันหลบหนี ยามเข้าตาจนสวรรค์ก็มอบหนทางให้ นางพบโอกาสสวมรอยเป็นเจ้าสาวเดินทางย้อนกลับเข้าเมืองหลวง แม้จะหนีรอดมาได้แต่สุดท้ายบุรุษที่นางแต่งให้กลับเป็นเพียงคนอมโรคผู้หนึ่ง และบุตรีแม่ทัพใหญ่ที่นางสวมรอยแทนกลับเป็นเพียงเจ้าสาวปัดเป่าเคราะห์ให้กับเขา ไม่เพียงเท่านี้ ฐานะของนางยังเป็นแค่อนุอันดับสอง!
สามีจำเป็นของเซิ่งเสวี่ยแม้จะป่วยหนักแต่ก็หาใช่คนธรรมดาสามัญ เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลหวา คหบดีอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง หลังเข้าพิธี นอกจากนางจะไม่ได้เจอหน้าสามีในคืนเข้าหอ แม่สามียังมีคำสั่งให้นางอยู่แต่ในเรือนไม่ต่างกับถูกทอดทิ้งให้เป็นม่าย นับวันเซิ่งเสวี่ยยิ่งพบว่าภายในตระกูลหวาแห่งนี้ไม่เรียบง่าย กลับซุกซ่อนความลับและเล่ห์กลมากมายภายใต้ความมั่งคั่งหรูหรา ทั้งการชิงดีชิงเด่นของเหล่าสตรี การลอบทำร้าย ที่น่ากลัวที่สุดก็คือตระกูลนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับตงเยวี่ยอ๋องศัตรูของนาง! นอกจากศึกภายในตระกูลหวาที่นางต้องอาศัยไหวพริบและประสบการณ์จากการรับมือกับเล่ห์กลของเหล่าสตรีในจวน นางยังต้องหาทางช่วยเหลือฮ่องเต้ที่อยูในวังหลวงไปพร้อมกัน อันตรายรอบด้าน เดินพลาดเพียงก้าวย่อมหมายถึงสูญสิ้นทั้งชีวิต
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสนพ. แจ่มใส ที่เป็นสปอนเซอร์ส่งนิยายเรื่องนี้มาให้เราอ่านพร้อมกับชันสูตรพิสูจน์รัก (เล่ม 4) นะคะ ?
หงส์คืนจันทร์ (凰归锦月) เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุค ไม่มีตัวละครตัวไหนพลัดหลงทะลุมิติหรือไปอยู่ในร่างคนอื่น พล็อตเรื่องดีนะ มีการชิงไหวชิงพริบ ปมซ้อนปม แต่ด้วยความที่วางโครงไว้เข้มข้นมากมันเลยค่อนข้างยากที่จะดันมันให้สุดในทุกทางแบบบีบให้จบในเล่มเดียว อย่างเช่น ประเด็นที่ชวนดราม่ามากที่สุดในเรื่องอย่าง "รักสามเศร้า" ที่น่าจะขยี้ให้บีบหัวใจคนอ่านได้มากกว่านี้ กลับอ่อนแรงเกินกว่าจะทำให้น้ำตาไหล ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แค่ยังขยี้ได้ไม่สาใจพอ (สายมาโซคิสม์อะ ชอบความเจ็บปวด ?) และน่าเสียดายที่ไม่ได้ขยายต่อให้มันดราม่ากินใจ โดยเฉพาะเรื่องราวของเหมยเยี่ยกับเซิ่งเสวี่ย กลิ่นน้ำเน่ามาเลยอะ นึกออกไหมคะ รักระหว่างศิษย์ - อาจารย์ ที่นอกจากจะมีปมทางศีลธรรมเข้ามาเกี่ยว แล้วยังไม่สมหวังมีเหตุให้พลัดพรากเพราะแผนการอันเห็นแก่ตัวของคนบางคนอีก แต่ในเรื่องกลับไม่ได้ดันคู่นี้มากเท่าไร แล้วยังหวาอวิ้นเฟิง สามีจำเป็นของนางเอกอีกคน ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครหลักในการเดินเรื่อง แต่เราว่าปมแห้วของเขามันต้องแรงจนนอกจากนางเอกหวั่นไหวเผลอใจแล้ว ต้องชวนให้คนอ่านลุ้นและเป็นกำลังใจให้แบบตั้งทีมเชียร์เลยอะ แต่บทบาทพี่แกกลับไม่ได้ดันแง่นี้ให้โดดเด่นออกมาจนสุด มันดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ การกระทำต่อนางเอกไม่ว่าจะเป็นตอนผลักไสรังเกียจ หรือเอ็นดูรักใคร่มันยังไม่ชวนให้เชื่อว่าทำไมคนที่เพิ่งเคยรู้จักกันมาไม่นานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งผูกพันกันจนละทิ้งทุกสิ่งเพื่อกันได้ ถึงแม้ว่าจะเปิดเผยเหตุผลในภายหลัง แต่จากที่ควรจะเหวอหนักมากกลับกลายเป็นนี่ไง ว่าแล้วเชียวแทน ซึ่งพล็อตเรื่องนี้มันควรจะเล่นงานคนอ่านจนเหวอมากกว่ารู้ทันแบบนี้
สำหรับเซิ่งเสวี่ยแล้วเราว่านางน่าสงสารมากนะ อ่านแล้วนึกถึงนางเอกซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง
Queen for Seven Days ที่ตกอยู่ท่ามกลางเกมการเมืองชิงบัลลังก์โดยไม่รู้อะไรเลย ทุ่มเททำทุกอย่างลงไปด้วยใจ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นเพียงเครื่องมือ เซิ่งเสวี่ยต้องทิ้งตัวตนไปสวมรอยเป็นคนอื่นถึงสองครั้งสองคราในชีวิต จริงอยู่ที่ลักษณะนิสัยของนางจะเก็บอารมณ์เก่ง เจอเรื่องหนักหนาสาหัสแค่ไหนภายนอกก็ยังคงสงบนิ่งและคิดถึงแต่ส่วนรวม สติดีมาก แต่เรื่องนี้มันควรจะเป็นปมที่นางเอกเศร้ามากพอ ๆ กับเรื่องที่ถูกบีบให้ต้องจากคนรักมาแบบไม่เต็มใจอะ แต่กลับสัมผัสถึงความหม่นเศร้าของนางเอกในเรื่องไม่ได้เลย หรืออย่างแผนการของพระเอกที่ถึงแม้จะอ้างว่าทำทุกอย่างเพื่อนาง เพื่อให้พวกเขาได้อยู่ร่วมกัน แต่เรากลับไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำลงไปคือการทำเพื่อเซิ่งเสวี่ยจริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ความเห็นแก่ตัวของเขา? เราไม่ชอบที่เขาใช้วิธีหลอกลวงบีบคั้น ทั้ง ๆ ที่ก็พอจะรู้ต้นสายปลายเหตุอยู่บ้าง แต่ก็ยังทำเหมือนจะแอบแก้แค้นเอาคืนนางที่เคยหันหลังจากไป ถ้าสุดท้ายแล้วนางเอกเลือกที่จะคิดสั้นแทนการออกมาเผชิญหน้า หรือลงมือฆ่าเขาด้วยมือของนางเอง ไม่ว่าจะทางไหน คนที่เขาทำร้ายมากที่สุดก็เซิ่งเสวี่ย สตรีที่เขารัก และคนที่เสียใจที่สุดก็ไม่พ้นตัวเขาเองไม่ใช่เหรอ? อีกส่วนที่อ่อนไป ก็ตอนนางเอกรู้ความจริงนั่นแหละ ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงสติแตกอะ ต้องมีกรีดร้องอาละวาดบ้าง เซิ่งเสวี่ยนี่ก็สติดีเกิ๊นน ตัวละครบางตัวที่ควรอธิบายความเป็นมาเป็นไป ก็ไม่กล่าวถึง แถมนึกจะตัดทิ้งก็ตัด ปล่อยหายไปกับเรื่องราวแต่หนหลังเฉยเลย (ยกตัวอย่างที่เห็นชัดคือองครักษ์คนสนิทที่ผูกปมความผูกพันแต่วัยเยาว์ แถมสร้างบรรยากาศให้เหมือนจะมีดราม่ารักลึกซึ้ง แต่สุดท้ายก็ลอยไปกับสายลม นกสุดในเรื่องก็พี่เซ่าเนี่ยล่ะ ? อีกคนก็ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหวา โอเค ตอนหลังรู้เบื้องหลังตระกูลนี้แล้วก็จริงว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่แล้วไงอะ? จะไม่อธิบายหน่อยเหรอว่าตัวละครที่รับบทสำคัญอย่างนายผู้เฒ่า กับมารดาของหวาอวิ้นเฟิงคนนี้แท้จริงแล้วเป็นใคร พี่จะเงียบไปแบบนี้ไม่ได้ไง ?) นอกจากนี้ ด้วยฐานะของพระเอก - นางเอกจะให้ลงเอยแบบที่ผู้เขียนเลือกมาโดยไม่อธิบายอะไรนั้นมันออกจะไม่สมเหตุสมผลอยู่สักหน่อย มันดูตัดตอนจบห้วนไปนิด
แต่ถึงอย่างนั้น การชิงไหวชิงพริบของเหล่าสตรีในเรื่องกลับสนุกดี นี่ก็แอบเสียดายว่าถ้าขยายเรื่องช่วงที่อยู่ในตระกูลหวาอีกหน่อย น่าจะได้อ่านอะไรสนุก ๆ อีกเยอะ นางเอกพลิกกลับเอาชนะฮูหยินตัวร้าย กับยายอนุไร้สติได้อย่างคนมีสมองมีแผนการ นี่นึกภาพนางบนบัลลังก์หงส์แล้วน่าจะยิ่งมัน นักเขียนท่านนี้น่าจะเหมาะกับแนวเกมชิงไหวพริบแบบนี้แหละ ปมซ้อมปมที่วางไว้ก็นับว่าชวนติดตามตลอดเรื่อง แม้จะอ่อนไปในบางจุดตามที่บอกไป แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เรื่องหมดสนุก อย่างน้อยก็ไม่พาเรื่องออกอ่าวไปไกลเกิน และคงความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครแต่ละตัว ฉากเข้าพระเข้านางก็น่ารัก อิตาหวาอวิ้นเฟิงนี่ก็แอบร้าย เห็นป่วย ๆ แบบนั้นถึงเวลาก็หน้าหนาฉวยโอกาสแบบได้ใจคนดูไปเต็ม ๆ (นอนป่วยอยู่ยังเอ่ยว่าจะเข้าหอกับนางเอก ??)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in