ครั้งนึงในชีวิตของฉัน ได้มีโอกาสเห็นพระราชาพระองค์นั้นด้วยตาตัวเอง
ในตอนนั้นฉันน่าจะอายุราวๆ 10 - 11ปี ได้มีโอกาสตามคุณแม่ไปเคารพพระบรมศพสมเด็จย่า
และในวันนั้นเองเป็นวันที่พระราชาและพระราชินี เสด็จมาเคารพพระบรมศพสมเด็จย่า
ณ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยเช่นกัน ....
ตอนที่ฉันไปยืนรับเสด็จพระราชาและพระราชินี ด้วยอายุเพียงเท่านั้นฉันจึงยังตัวไม่สูงมากนัก
จึงมีโอกาสได้ยืนแถวหน้าสุดพร้อมกับน้องสาวและแม่ ในอารมณ์ตอนนั้นพูดได้คำเดียวว่า ตื่นเต้นที่สุด
ส่วนนึงมาจากอายุที่ยังเด็กและขี้อาย การได้ยืนแถวหน้าสุดก็กลัวจะทำอะไรผิดพลาด ได้แต่คิดมากว่า
ถ้าพระราชาและพระราชินีมาแล้วต้องถอนสายบัวแบบนี้ใช่ไหม ถูกต้องไหม และฉันมองท่านได้ไหมนะ
แต่เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาในจุดที่ฉันยืนอยู่ ในเวลานั้นคงต้องเรียกว่าเป็น "บุญตา" จริงๆ ...
เพราะ แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาในรถพระที่นั่ง ทำให้ฟิลม์กระจกรถที่ดำมืดมิดสว่างขึ้นจนมองเห็นได้
สายตาของฉันได้เห็นพระราชาโบกมือเบาๆให้กับประชาชนของท่าน นั่งเคียงคู่กับพระราชินี
มันเป็นยิ่งกว่าความฝัน ท่านทรงเป็นพระราชาที่หลุดออกมาจากในนิทาน ... พระราชาที่มีอยู่จริง ...
... จนถึงตอนนี้ กาลเวลาผ่านมาแล้ว 20 กว่าปี ...
ภาพในวันนั้นยังคงติดตรึงใจและบันทึกอยู่ในสมองส่วนความทรงจำของฉันไม่มีวันลืมได้เลย
========================================================================
"จะหลับลงได้อย่างไร...ในเมื่อประชาชน..ไม่มีที่จะนอน"
พระราชกระแสรับสั่งของในหลวง
พระราชทานแนวทางแก้ไข้ภัยพิบัติน้ำท่วม
ในภัยพิบัติครั้งนั้น ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เพราะ ฉันยังเด็กอยู่มาก หรืออาจจะยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิต ฉันก็ได้เห็นมาเสมอถึงการทรงงานหนักของท่าน
ทั้งในตำราเรียน บทความจากแผ่นพับ หรือสื่อต่างๆบนโลกออนไลน์
ทำให้รู้ว่า ประเทศไทยมีพระราชา ที่ทำทุกอย่างได้เหมือนในนิทาน
และทุกอย่างที่พระราชาได้ทำลงไป ก็เป็นเรื่องจริงที่สัมผัสได้มาตลอด ๗๐ ปี
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
พระราชาพระองค์นั้นเสด็จสวรรคต คล้ายดังท่านทรงกลับเข้าไปในนิทานเช่นเดิม
เหลือไว้เพียงตัวอักษรบนหนังสือนิทาน เล่าเรื่องพระราชกรณียกิจที่ท่านได้ทรงทำเอาไว้
ในอนาคตข้างหน้า ตัวอักษรเหล่านั้นก็จะกลายเป็นคำพูดได้เล่าขานให้ลูกหลานได้ฟังต่อไป
... ท่านทรงเป็นหัวใจของชาวไทยทุกคน ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in