เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความหวังของผู้สังเกตการณ์Wanee Jo.
หิ่งห้อยที่ไร้แสง
  • ***แด่เรื่องที่จะส่งแต่ส่งไม่ทัน

    ณ   ป่าใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเป็นที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อย

    “แม่ดูนั่นสิคะ!หิ่งห้อยเต็มไปหมดเลย” เสียงที่แสนตื่นเต้นจากสาวน้อย

    “ตัวเอง! แถวนี้มีหิ่งห้อยด้วยล่ะ” แฟนสาวชี้ให้แฟนหนุ่มดู

    “เฮ้ย! พวกเราไปจับหิ่งห้อยเล่นกันไหม?” เสียงกลุ่มวัยรุ่นพูดคุยกันอย่างครึกครื้น

    โถ่…เจ้ามนุษย์ทั้งหลายหาเรื่องให้ข้าเดือดร้อนอีกแล้วไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนาข้ามันก็แค่หิ่งห้อยธรรมดาตัวหนึ่งไม่ได้วิเศษอะไรขนาดนั้นหรอก ก็แค่มีแสงไม่เหมือนแมลงตัวอื่นแถมยังออกมาได้แค่ตอนกลางคืน หิ่งห้อยบนกับตัวเองพร้อมมองเหล่ามนุษย์อย่างหน่ายใจ

                วันนี้ก็เหมือนทุกวันสินะได้แต่บินไปบินมาเรื่อยเปื่อย ส่องแสงวิบวับ ให้เจ้ามนุษย์พวกนั้นตื่นเต้นเล่นไปวันๆ แต่ก็หาอาหารไม่ได้เสียทีข้าอยากเป็นแมลงตัวอื่นบ้างจัง อยากมีอิสระไปไหนก็ได้ที่ใจต้องการไม่ต้องติดแหงกอยู่แต่ในป่าในเขาหรือต้องตกอยู่ในสายตาของเจ้ามนุษย์พวกนั้น ข้าก็มีชีวิตนะไม่ใช่ของดูเล่นที่มีไว้เพียงชื่นชม

                เจ้าหิ่งห้อยเฝ้าคิดพิจารณาหนทางของมันอยู่หลายวันจนในที่สุดมันก็ตัดสินใจจากลาป่าใหญ่หลังนั้น และหันหน้าเข้าเมืองที่ซึ่งมีแมลงหลากหลายชนิดอาศัยอยู่หิ่งห้อยคิดดีแล้วว่าที่นั้นจะต้องดีกว่าที่ๆ มันมา ไม่ต้องตกอยู่ในสายตาใครไม่ต้องมีเสียงอะไรมารังควานรบกวน เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น…เขาเชื่อ

                “ลาก่อน!ต้นไม้เพื่อนยาก หวังว่าจะไม่ต้องพบกันอีกนะ”หิ่งห้อยตะโกนออกไปอย่างร่าเริงและไม่หันกลับมามองที่อยู่อาศัยเดิมของมันอีกเลย

                หิ่งห้อยบินไปเรื่อยๆตามทางของมันพร้อมฮัมเพลงอย่างสุขใจ ชีวิตของมันแสนเรียบง่าย หิวก็กินเจอที่พักก็นอน แต่แล้ววันหนึ่งมันก็ได้พบกับกลุ่มแมลงฝูงใหญ่หิ่งห้อยคิดว่าแมลงกลุ่มนั้นช่างน่าสนใจมันอยากที่จะไปอยู่ร่วมกับแมลงพวกนั้นหิ่งห้อยจึงตัดสินใจเข้าไปถาม

                “เอ่อ…ขอโทษนะ พวกท่านจะไปไหนกันหรือ”หิ่งห้อยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                “พวกข้านะหรอว่าจะไปตลาดทางนู่นน่ะ ไปหาอะไรกินสักหน่อย เจ้ามีธุระอะไรหรือเปล่า” แมลงตัวหนึ่งในฝูงใหญ่ถามด้วยท่าทางสงสัย

               

    “คือ…ข้าก็หิวเหมือนกันขอข้าไปกับพวกท่านด้วยได้ไหม ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใดหรอก”หิ่งห้อยตอบอย่างเหนียมอาย

                “ตามมาสิพวกข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว กินให้ทันล่ะ”หนึ่งในแมลงฝูงนั้นตอบ

                “ขอบคุณนะข้าจะไม่ลืมน้ำใจเหล่านี้เลย” หิ่งห้อยตอบรับอย่างมีความสุข

                จากนั้นหิ่งห้อยก็บินไปพร้อมกับแมลงฝูงนั้นอย่างกระตือรือร้นมันเฝ้าฝันถึงอาหารอันโอชะที่รออยู่ตรงหน้า ร่วมกับเพื่อนใหม่มากมายที่บินไปพร้อมกัน

                เมื่อไปถึงตลาดฐานทัพของฝูงแมลงหิ่งห้อยได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อได้ไปพบกับเศษอาหารมากมายที่กองพะเนินอยู่ที่ถังสีขาวเหล่านั้นแมลงฝูงนั้นไม่รอช้ารีบเข้าไปแทะเล็มเศษอาหารอีกทั้งแมลงบางตัวก็เข้าไปตอมอาหารของพวกมนุษย์อย่างรวดเร็วหิ่งห้อยรู้สึกอิจฉาจึงเลียนแบบเจ้าแมลงพวกนั้นดูบ้าง เผื่อว่าจะได้พบทางของตน

                ขณะที่มันเฝ้ามองแมลงพวกนั้นหิ่งห้อยก็หันไปเจอกับร้านอาหารตามสั่งที่มีผู้คนมากมายนั่งรออาหารอยู่ หิ่งห้อยคิดว่าร้านนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับตนมันคิดว่าอาหารพวกนั้นจะทำให้มันอิ่มไปถึงวันพรุ่งนี้แน่ๆหิ่งห้อยไม่รอช้ารีบพุ่งตัวไปที่ร้านอาหารตามสั่ง มันบินไปบินมา พร้อมกับตอมอาหารที่ผู้คนกำลังตักเข้าปาก“สนุกจริงๆ” มันคิดในใจ

                หิ่งห้อยสนุกเพลิดเพลินไปกับการเลียนแบบแมลงพวกนั้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่แล้วจู่ๆ แสงของมันก็ได้สว่างขึ้น ผู้คนในร้านอาหารตามสั่งต่างมองไปที่หิ่งห้อยเป็นทางเดียวและเริ่มมีเสียงดังขึ้นมาเรื่อยๆ

                “ดูนั่นสิหิ่งห้อยมาได้ไง”

                “อุ้ย!นั่นใช่หิ่งห้อยหรือเปล่าน่ะ”

                “แม่ตัวอะไรอ่ะทำไมมีแสงออกมาด้วย”

                ระหว่างที่ผู้คนกำลังจับจ้องอยู่นั้นหิ่งห้อยรู้สึกตื่นตระหนกมาก มันสับสนและทำอะไรไม่ถูกจึงตัดสินใจบินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะบินได้ มันบิน แล้วก็บินจนไม่รู้สึกถึงเสียงของมนุษย์แม้แต่เสียงเดียว และขณะนี้มีแต่มันเพียงลำพังในป่าใหญ่

               

     

    ขณะที่บินอย่างโดดเดี่ยวอยู่นั้นมันก็ได้พบกับฝูงหิ่งห้อยมันดีใจมาก และตะโกนขอความช่วยเหลือทันที

                “ช่วยด้วยๆ !ช่วยขาที” หิ่งห้อยตะโกนร้องบอก

                หิ่งห้อยฝูงนั้นต่างเมินเฉย

                “ทำไมท่านต้องเมินเฉยข้าด้วย!” หิ่งห้อยตะโกนอีกครั้ง

                “ก็เจ้าไร้แสงหนิข้าจะช่วยเจ้าทำไม เจ้าไม่ใช่หิ่งห้อยเสียหน่อย ไปเถอะพวกเรา” หิ่งห้อยพวกนั้นพูดด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ

                “เดี๋ยว! อย่าไป!ได้โปรด…ข้าก็เป็นหิ่งห้อยนะ”

                “ก็แค่เคยน่ะสิ”

                หิ่งห้อยได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองแสงของตนเองที่ใกล้จะหรี่ลง หรี่ลง ทุกทีและบินต่อไปอย่างไรจุดมุ่งหมายภายในใจมันช่างหว้าเหว่นึกโทษตัวเองที่ออกมาจากป่าใหญ่คำถามในใจผุดออกมา ตกลงอิสระที่คิดเป็นเช่นไรกัน ที่ๆ ข้ามาก็ถูกพวกมนุษย์รบกวนอีกทั้งในตลาดก็ถูกยึดครองจากสิ่งที่เขาเรียกกันว่า มนุษย์แล้วแมลงอย่างข้าจะไปอยู่ที่ไหนกัน มันบ่นในใจ

    “เหนื่อยเหลือเกิน ข้าจนตรอกแล้ว” หิ่งห้อยบอกกับตัวเอง

    หิ่งห้อยบินไปเรื่อยๆ มองหาต้นไม้สักต้นที่จะเพียงพอให้มันได้นอนหลับพักกายแต่หันไปทางไหนก็ไม่เจอ ทุกต้นต่างมีเจ้าของ บางต้นก็ล้มหายไปอย่างไรสาเหตุได้แต่มองไปเรื่อยๆ หวนคิดถึงอดีตของตน

    “ข้าเสียใจที่ทำเช่นนี้” หิ่งห้อยได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆ พร้อมกับบินไปเรื่อยๆ

    ใกล้เช้าแล้วหรือนี่…มันแหงนมองดูบนท้องฟ้าทันใดนั้นเองแสงไฟในตัวมันก็ดับลงอย่างไม่มีวันกลับมา หิ่งห้อยยิ้มให้กับตัวเองพร้อมหลับไปตลอดกาลใต้ต้นไม้ใหญ่

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in