Chapter 3
ปกติแล้ว ความโชคดีไม่เคยจะอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับสตีฟ โรเจอร์สนัก แต่ในวันนี้…ชายหนุ่มก็ดีใจเหลือเกินที่มันเลือกจะแสดงมิตรภาพอันสวยงามกับเขาขึ้นมาบ้างสักหน่อยหลังจากไม่เคยเหลียวแลกันมาก่อนเลย เพราะสภาพอากาศวันนี้สดใสด้วยแสงแดดและเย็นสบายด้วยสายลมอ่อนโยนพัดโชย…เหมาะเหลือเกินกับการเดินเล่นนอกบ้าน
ไม่มีฝนตกฟ้าร้องอะไรให้ต้องกังวลและบัคกี้ก็ตกลงที่จะมา…ซึ่งนั่นก็เพราะเขากล้าชวนเองด้วย…นี่มันคือชีวิตจริงแน่ๆ ใช่มั้ย???
สตีฟในชุดเสื้อยืดขาวทับด้วยเชิ้ตลายตารางสีฟ้าอ่อนถึงกับต้องยัดมือใส่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง…เพราะชายหนุ่มคิดว่าตนมีสิทธิ์จะเอาแต่กำมือชูขึ้นฟ้าแล้วร้องเยสๆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมาเอาได้ถ้าไม่ทำแบบนี้ แต่ถึงจะห้ามมือตัวเองได้…ริมฝีปากของสตีฟก็หลุดการควบคุมแล้วเอาแต่ยิ้มกว้างๆ แบบทั้งดีใจและเขินเองตลอดเวลาระหว่างที่เดินวนไปวนมารออยู่ตรงป้ายรถบัสอยู่ดี
“คุณลุงสตีฟ…” เมแกนผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองร่างสูงใหญ่ที่เดินเป็นหนูยักษ์ติดจั่นด้วยสายตาเอือมๆ ปนยิ้มหน่ายๆ “ไม่เมื่อยหน้าบ้างเหรอคะ?”
ชายหนุ่มผมทองแกล้งหรี่ตาดุๆ ใส่สาวน้อยพร้อมดัดเสียงเข้มๆ ว่าเด็กที่แซวผู้ใหญ่จะไม่ได้รับการเลี้ยงขนมตลอดวัน ทำให้เมแกนที่รู้ทันว่าตัวเองโดนแกล้งรุมฟาดมือแปะๆ ใส่อีกฝ่ายทันทีเป็นการเอาคืน…วิธีโจมตีที่ไม่ค่อยได้ผลอะไร เพราะต่อให้สาวน้อยชูมือจนสุดแล้วก็ยังไม่สูงเลยเอวสตีฟเลย และเมื่อเห็นถึงความสูญเปล่านี้…เมแกนก็เปลี่ยนจากตีมาเป็นจี้เอวของคุณลุงแทน
สตีฟหัวเราะกับความมุ่งมั่นของหลานสาวตัวแสบ และกำลังจะยกร่างเล็กๆ นั่นขึ้นมาอุ้มเลยตอนที่เมแกนหยุดมือ…ดวงตาสีฟ้าเบิกโตพร้อมกระซิบอย่างตื่นเต้น
“คุณลุงสตีฟคะ! คุณบัคกี้มาแล้วล่ะ!”
สีหน้าสติแตกระบายพรึ่บบนวงหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นลุงทันที มือใหญ่ๆ นั่นละไปเสยๆ จัดๆ ผมของตัวเองอย่างแนบเนียนโดยที่ยังหันหลังให้คนที่โดนพูดถึงอยู่(นาตาชาเคยบอกไว้ว่าเขาตอนผมยุ่งดูน่ารักอบอุ่น และสตีฟคิดว่ารสนิยมของเธอไม่เคยเป็นที่สองรองใคร)…ก่อนจะหยัดตัวตรงขึ้น หันกลับไปด้วยสีหน้าสบายๆ
“อ้าวบัคกี้?” สีหน้าสบายๆ นั่นอาจถูกใช้เพื่อปิดซ่อนความตื่นเต้นสติแตก แต่รอยยิ้มที่ระบายบนเรียวปากนั้นเป็นความรู้สึกจริงๆ จากใจที่ตัวเจ้าของเองนั้นไม่รู้เลยว่าดูอ่อนโยนยินดีเพียงใด “หวัดดี…”
“หวัดดี”
บัคกี้ บาร์นส์ทักอย่างห้วนสั้นตามสไตล์…มาดคุณช่างเครื่องวันนี้ถูกแทนที่ด้วยเสื้อยืดสีดำพิมพ์ลายวงดนตรีกับกางเกงยีน เส้นผมระต้นคอโดนปล่อยไว้แทนรวบขึ้นเป็นจุกหางม้าเล็กๆ อย่างทุกที
สตีฟยิ้มให้คนหน้านิ่ง น้ำเสียงยินดีนั้นอบอุ่นกว่าที่จะรู้ตัวนักตอนเอ่ยคำ “…ดีใจจังที่นายมาได้น่ะ”
บัคกี้ดูจะเม้มปากขึ้นอีกนิด ดวงตาสีน้ำเงินหลุบมองไปทางอื่น — เล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้ — ตอนพูดตอบ
“ดีใจเหมือนกันที่ได้เจอนาย”
แล้วเจ้าตัวก็เบือนหน้าไปทางรถบัสที่มาจอด เปลี่ยนเรื่องไปเลยในประโยคหลัง “ไปกันเถอะ”
สตีฟพยายามแล้วจริงๆ ในการจะตีหน้านิ่ง แต่เขาก็มีอันได้หลุดยิ้มขันๆ ปนเขินๆ ออกมาประปรายบ้างอยู่ดีในที่สุด
**
สวนสัตว์เริ่มแน่นไปด้วยผู้คนแล้วตอนที่ทั้งสามมาถึง…และนั่นเองที่ทำให้สตีฟรู้สึกขอบคุณนาตาชานักที่หาตั๋วฟรีมาได้ เพราะแถวคนต่อคิวซื้อนั้นบอกชัดเจนว่าถ้าพวกเขาต้องยืนรอ ก็คงมีอันได้เข้าสวนสัตว์ตอนเที่ยงๆ แน่นอน
“ว่าไงล่ะเมแกน?” สตีฟถามเมื่อทั้งสามเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาแล้ว “จะไปดูแพนด้าเลยมั้ย? หรือเดินไปเรื่อยๆ ดี?”
เด็กหญิงยักไหล่ “ได้หมดแหละค่ะ คุณบัคกี้อยากรีบดูแพนด้ารึเปล่าล่ะคะ?”
ลุงและหลานเบนสายตาไปหาสมาชิกคนที่สามที่ยืนชะโงกมาดูแผนที่ในมือชายหนุ่มผมทองอยู่เงียบๆ…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหมีแพนด้าคือเป้าหมายหลักของบัคกี้ในวันนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าแม้แต่คนที่ชอบทำอะไรให้ประหยัดเวลาที่สุดอย่างเจ้าตัวก็ยังคิดว่าการรีบมารีบกลับเป็นอะไรที่เสียของชะมัด เพราะชายหนุ่มผมดำส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ” สั้นง่ายได้ใจความอย่างทุกที “เดินตามแผนที่ก็ได้”
เมแกนยิ้มร่า แล้วก็เริ่มพลิกแผนที่ไปอ่านหน้าด้านหลังที่บรรยายถึงสัตว์ในแต่ละโซนอย่างละเอียด สตีฟรับฟังและตอบรับสาวน้อยเป็นระยะๆ เมื่อถูกถาม…แต่ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะใช้เวลาไปกับการลอบมองคนข้างตัวแล้วแอบอมยิ้มกับตัวเองมากกว่า เพราะบัคกี้ที่หน้านิ่งๆ แต่มองทุกอย่างด้วยสายตาสนอกสนใจแบบนี้นั้นเป็นมุมใหม่ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็น
“ยิ้มอะไรของนายน่ะหา?”
ชายหนุ่มผมทองแอบสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่อยู่ๆ ก็ถูกถามปุบปับ…คนที่นาจะไม่รู้ตัวว่าโดนแอบมองอยู่ตอนนี้หันมาสบตากับเขาอย่างจังแล้ว และดวงตาโตสีน้ำเงินลึกล้ำที่หรี่มองมาอย่างสงสัยปนจับผิดนั่นก็ทำให้สมองของสตีฟต้องรีบคิดหาข้ออ้างอย่างด่วนจี๋
แต่เพราะนิสัยอันดีแสนดีของตัวเอง…ชายหนุ่มผมทองจึงประสบความผิดพลาดอย่างระเนระนาดที่สุดต่อให้จะพยายามปั้นแต่งคำตอบแค่ไหนก็ตาม
“ฉันยิ้ม…เพราะ…ง่า…ดีใจน่ะ” มือใหญ่ๆ ถูกยกขึ้นมายีๆ ผมตัวเองแก้อาการเก้อเขิน “…เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราได้เจอกันนอกร้านนาย”
บัคกี้กระพริบตานิดหน่อย แต่ก็ยังคงถามต่อเสียงเรียบนิ่ง “แล้ว?”
“ก็ไม่ทำไมหรอก…” สตีฟยักไหล่ ยิ้มอ่อนโยนให้ตอนเอ่ยเสริม…พยายามใช้คำให้สบายๆ ไม่ผูกมัดอะไรเพื่อความสบายใจของคนฟัง “มันก็ไม่แย่อะไร…ฉันหมายความอย่างนั้นน่ะ”
ชายหนุ่มผมดำเบนสายตาจากไป พยักหน้าช้าๆ ราวกับไม่ได้ตอบรับกับเขาอยู่…ทั้งสองเดินต่อไปในความเงียบอีกครั้ง จำนวนนาทีที่ล่วงเลยทำให้สตีฟแทบจะไม่ได้คิดถึงบทสนทนานี้ไปแล้วตอนที่จู่ๆ บัคกี้ก็เอื้อมมือมาจับข้อมือของเขาไว้ รั้งให้ต้องหยุดเล็กน้อยกลางคัน
“นายว่าไม่แย่ก็ดีแล้ว…” สตีฟไม่รู้ตัวเองคิดไปเองไหม…แต่ประโยคนี้ดูจะแผ่วเบาและรวดเร็วกว่าจังหวะพูดปกติของบัคกี้ แถมเจ้าตัวดูจะอยากเสมองไปทางอื่นพร้อมๆ กับที่ช้อนตามองเขาชอบกล “…เพราะฉันก็คิดว่า…เอ่อ…นี่น่ะ…”
แล้วปลายนิ้วนั้นละจากไปเพื่อที่เจ้าตัวจะได้ใช้มือโบกไปมาระหว่างระยะห่างกัน…เพิ่มเติมให้ประโยคถัดมาของตัวเอง “…ฉันก็คิดว่านี่มันก็ไม่แย่เหมือนกัน”
แค่นั้นเอง แล้วบัคกี้ก็เดินดุ่มๆ ไล่หลังเมแกนไปโดยไม่หันมามองเขาอีก และสตีฟก็พบว่าน่าขันนักที่ในสวนสัตว์อันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยผู้คนแห่งนี้…สิ่งเดียวที่เขาได้ยินกลับมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองเท่านั้น
**
หลังจากไล่ดูชิทอรี ดาร์คเอลฟ์ ยักษ์น้ำแข็ง รวมไปถึงนิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวครีเรียบร้อยแล้ว…ทั้งสามก็ลงความเห็นว่าได้เวลาของหมีแพนด้าสักที
“แต่เดี๋ยวขอแวะกินไอติมก่อนนะคะ” เมแกนร้องขอ อธิบายเพิ่มเติมว่าร้านไอศกรีมในสวนสัตว์นี้เป็นสาขาเดียวที่เปิดให้แลกซื้อตุ๊กตาร็อคเก็ตกับกรูทได้ สาขาอื่นนั้นต้องจับฉลากชิงโชคเอาเท่านั้น…ซึ่งสตีฟกับบัคกี้ก็ไม่ได้ขัดอะไร การเดินไปเดินมาในวันแดดดีแบบนี้ทำให้ไอศกรีมฟังดูเป็นทางเลือกที่เข้าท่าเสมออยู่แล้ว
ทั้งสามจึงเดินเข้าไปในร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยสีชมพูกับสีน้ำเงินสด…สาวน้อยผมแดงกึ่งเดินกึ่งก้าวกระโดดไปที่หน้าเคาเตอร์ สตีฟกับบัคกี้เดินตามมาเงียบๆ
“บาสกิ้นร็อบบินส์สวัสดีครับ” ชายในชุดเครื่องแบบทักทายเต็มยศก่อนที่จะยิ้มให้เมื่อเห็นหน้าของลูกค้าตัวเล็ก “ว่าไง…กินไอติมรสไหนดีครับ? หรือเป็นแมงโก้ฟรุตบลาสต์มั้ย?”
เมแกนหัวเราะแต่ก็ส่ายหน้า “เอาใส่โคนธรรมดาค่ะ…รสพีนัทบัตเตอร์กับช็อกโกแล็ตนะคะ แล้วก็วานิลลาอีกสองโคนค่ะ แล้วก็ขอแลกซื้อตุ๊กตาด้วยค่ะ”
“ได้เลยครับคุณผู้หญิง” คุณพนักงานยิ้มให้ ก่อนจะร้องเรียกไปทางหลังร้าน “โฮป! ขอตุ๊กตาชุดนึงสิ”
หญิงสาวผมบ็อบสีดำสนิทโผล่หน้าออกมาจากประตูหลัง แกล้งเลิกคิ้วอย่างปรามๆ…แต่ดวงตาสีเทานั้นเจือประกายหัวเราะไว้บางเบา “คุณจะเสียงดังทำไมไม่ทราบ? ฉันได้ยินตั้งแต่แรกแล้วน่าสก็อตต์”
สก็อตต์แกล้งกลอกตา ทำเป็นพูดเสียงเบื่อหน่ายตอนตักไอศกรีม “คุณจะทำตัวมาดเยอะทำไมไม่ทราบ? ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วแหละน่าว่าคุณชอบผม”
หญิงสาวยิ่งหรี่ตาจ้องเขา…แต่ก็มองออกได้ชัดว่าเธอกลั้นยิ้มเขินๆ อยู่
เมแกนแอบขำไปหลายรอบตอนจ่ายเงินแล้วเดินออกมาจากร้านพร้อมคุณลุงของเธอและคนที่คุณลุงพยายามจีบ เริ่มต้นกัดไอศกรีมแล้วตอนที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ว่าไงคะคุณอา?”
“อาโทรมาเช็คเฉยๆ น่ะ” แซม วิลสันยังคงเป็นเพื่อนที่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย…เพราะต่อให้มาไม่ได้ ชายหนุ่มก็ยังคงไม่พลาดที่จะโทรมาถามหาอัพเดทแบบเรียลไทม์อยู่ดี “สตีฟกับช่างเครื่องของมันเป็นไงบ้างแล้ว?”
“ก็ดีแหละค่ะ” เด็กหญิงตอบเบาๆ…พยายามใช้คำให้คนร่วมทางจับไม่ได้ “ก็คุยๆ กับเดินๆ กัน…หน้าแดงด้วย เมแกนเห็น”
“เห็นมั้ยคลินท์…ฉันบอกแล้วว่าควรทิ้งให้เขาเดินแยกกันไปสองต่อสอง” นาตาชาในสายพ่วงกล่าวกับสามี(ที่ก็อยู่ในสายพ่วงอีกสายด้วยเหมือนกัน)หลังจากได้ฟังสาวน้อยอธิบาย
“ก็ตอนนั้นฉันไม่คิดนี่นาว่าสตีฟจะรุกจีบเยอะ” คลินท์ตอบเสียงเอื่อยๆ “ถ้างั้นจะลองให้เมแกนหาทางแยกตัวมั้ยล่ะ…ทิ้งสองคนให้เดินกันเองเลย?”
“ก็ได้นะคะ” สาวน้อยยักไหล่กับตัวเอง ยังไงเธอก็มีลิสต์สัตว์อื่นที่อยากดูนอกจากแพนด้าอยู่แล้ว
“เฮ้ๆๆๆ” แซมเบรกเพื่อนๆ “นี่พวกนายจะปล่อยให้ลูกสาวตัวเองเดินคนเดียวเรอะ???”
“เมแกนดูแลตัวเองได้น่า” นาตาชาพูดสบายๆ…เปลี่ยนไปสั่งลูกสาวแทนในประโยคหลัง “ลูกก็เดินดีๆ นะจ๊ะ ถ้าเจอคนน่าสงสัยก็ทำตามที่แม่สอนนั่นแหละ…จำได้ใช่มั้ยจ๊ะว่าแม่สอนว่ายังไง?”
“ ‘ทำให้แค่เกือบพิการถาวรก็พอ รุนแรงเกินกว่านั้นมันปิดปากยาก’…ค่ะ” สาวน้อยท่องออกมาอย่างภูมิใจ
“นี่สิลูกพ่อ” คลินท์หัวเราะ ทิ้งให้แซมส่งเสียงมาว่าเพื่อนทั้งสองเลี้ยงลูกได้น่ากลัวสิ้นดี…แล้วโทรศัพท์ทั้งหมดก็ถูกตัดสายไป
“ว่าไง?” สตีฟถามเมื่อเห็นว่าเด็กสาวเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้ว เขายืนจัดการไอศกรีมวานิลลาอยู่เงียบๆ ข้างบัคกี้เพื่อให้เมแกนคุยได้ตามสะดวก แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคนโทรมาคงเป็นแซมไม่ก็พ่อแม่ของสาวน้อย “มีอะไรหรือเปล่าน่ะ?”
เด็กหญิงส่ายหน้า ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสบายๆ “เมแกนว่าคุณลุงสตีฟกับคุณบัคกี้ไปดูแพนด้ากันเลยเถอะค่ะ เมแกนอยากไปดูโมซาร์ซอรัสมากกว่า”
ชายหนุ่มผมทองเกือบขยำไอศกรีมโคนเละคามือ “อะ อะไรน่ะ—”
“เมแกนเพิ่งเห็นว่าสวนสัตว์รับเข้ามาจัดแสดงแล้วน่ะค่ะ” สาวน้อยพูดโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา “คิวท่าทางคงจะยาว…ไปต่อเลยน่าจะดีกว่า เพราะยังไงเมแกนก็อยากดูโมซาร์ซอรัสมากกว่าแพนด้าอยู่แล้ว”
สตีฟพยายามคัดค้านสุดชีวิต เพราะเขาไม่อยากจะนึกถึงหายนะที่ตัวเองจะก่อต่อหน้าคนที่ตนพยายามจีบอยู่เลยสักนิดเดียว แต่เด็กหญิงก็ไม่ฟัง…เธอยืนยันว่าผู้เป็นพ่อแม่ได้อนุญาตตนแล้วเรียบร้อย และก่อนที่สตีฟจะกระพริบตาทัน…ก็เหลือเพียงตัวเขาเองกับบัคกี้อยู่ด้วยกันเสียแล้ว
“ถ้างั้น…แพนด้าก็ทางนี้ล่ะ” ชายหนุ่มผมดำชี้มือ ก่อนจะมุ่นคิ้วนิดๆ “นายโอเคไหมน่ะ?”
สตีฟสูดลมหายใจลึกๆ…บอกตัวเองว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าเพียงตนใจเย็น แล้วก็เอ่ยชวนให้บัคกี้เริ่มออกเดิน
ตึกจัดแสดงหมีแพนด้ามีคนค่อนข้างแน่น แต่ทั้งสองก็ได้มุมริมกระจกกั้นที่เงียบกว่าจุดอื่นในที่สุด ผิดกับอาคารอื่นๆ…ในห้องจัดแสดงนี้มีเพียงเสียงคุยเบาๆ ตามคำประกาศขอความร่วมมือให้ใช้เสียงแต่แค่พอควรเพื่อไม่รบกวนแพนด้า
“นี่เลย” สตีฟกระซิบเบาๆ พร้อมพยักเพยิดผ่านกระจกบานใสที่กั้นไว้เข้าไป “ที่นายรอมาทั้งวัน…แพนด้าของนายไง”
“เงียบน่า” มันเป็นถ้อยคำห้วนสั้น แต่คนฟังก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเจือมาด้วยกระแสเอ็นดูปนเขินจางๆ…และนั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มผมทองยิ่งอมยิ้มขำ
ดวงตาสีฟ้าใสจับจ้องที่เสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย…บัคกี้กำลังมองผ่านกระจกไปที่แพนด้าอย่างสนอกสนใจจนเหมือนลืมโลกรอบข้างไปแล้ว ผิวขาวของเจ้าตัวตอนนี้ดูขาวกว่าทุกทีเพราะตัดกับปอยผมและเสื้อสีเข้ม เฉดสีอันแตกต่างที่กลับมาช่วยกันขับให้ริมฝีปากของชายหนุ่มยิ่งดูแดงเรื่อกว่าเดิม…และสตีฟก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แล่นวาบในความรู้สึกตอนที่ทอดสายตามองคนข้างตัว
ให้ตาย…ทำไมเป็นคนที่ทำให้ละสายตาไม่ได้ขนาดนี้นะ…
คนสัมผัสไวรู้ตัวเร็วอีกแล้ว…เพราะอยู่ๆ บัคกี้หันมา สบตาเข้ากับสตีฟจังๆ อีกครั้ง…และเพราะไม่มีทางอ้างได้ขึ้นเลยว่าตนไม่ได้แอบมองอยู่ ชายหนุ่มผมทองจึงได้แค่ทำสีหน้าขอโทษทันที
“…….”
บัคกี้ขมวดคิ้วพร้อมขยับปากเป็นคำอะไรสักอย่าง แต่เสียงที่กระซิบระดับงึมงำก็ทำให้ฟังไม่ออกเลย สตีฟจึงขยับเข้าไป ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ได้ยิน
“…….”
ชายหนุ่มผมดำส่ายหน้าอย่างรำคาญใจพร้อมกระซิบประโยคเดิมซ้ำ แต่เมื่อเห็นว่าสตีฟก็ยังคงไม่ได้ยิน…คุณช่างเครื่องเลยหมดความอดทนแล้วดึงคอเสื้อของเขาลงมาให้อยู่ใกล้ๆ กัน
“…ฉันบอกว่ามาดูแพนด้าก็ดูแพนด้าไปสิ จะมามองหน้าฉันทำไมไม่ทราบ??”
ถ้อยคำที่บัคกี้ต้องการจะบอกให้เขาได้ยินตอนนี้ไม่ค่อยมีความหมายอะไรสำหรับสตีฟไปแล้ว…เพราะประสาทสัมผัสของชายหนุ่มรับรู้แค่เพียงความใกล้ชิดระหว่างกัน ปลายนิ้วของอีกฝ่ายมอบสัมผัสเย็นๆ จางๆ ไว้บนผิวของเขา…สีน้ำเงินของดวงตาคู่โตนั่นดูลึกล้ำกว่าเดิมนักในนาทีนี้…และวานิลลาก็ซ่านละมุนในลมหายใจ
และนั่นก็มากพอที่จะทำให้เขาเผลอตัวตอบคำถามของอีกฝ่ายไปตามจริง มืออบอุ่นเอื้อมออกไปไล้ข้างแก้มขาวสะอาดนั่น
“ก็เพราะฉันอยากมองนาย—”
ประโยคไม่ได้ถูกเอ่ยจนจบเพราะจู่ๆ เสียงในห้องก็ดังฮือฮาขึ้น…แค่ฟังเผินๆ ก็รู้ได้ว่าเพราะเจ้าแพนด้าที่หลับอยู่ได้ขยับตัวแล้ว
บัคกี้ปล่อยมือจากเขาแล้วถอยไปยืนในระยะห่างปกติ การกระทำอันไม่ชัดเจนที่คงทำให้คนทั่วไปใจแป้วถ้าได้เห็นมันจากคนที่ตัวเองพยายามจีบอยู่…แต่สำหรับสตีฟ โรเจอร์สแล้ว เขามั่นใจเต็มร้อยว่าการกระทำและคำพูดของตนต้องก่อความรู้สึกสักอย่างให้ใจของคนข้างตัวไม่มากก็น้อยแน่นอน
เพราะเมื่อมองผ่านเรือนผมสีเข้มนั่น ชายหนุ่มก็เห็นได้ชัดเจนว่าใบหูของอีกฝ่ายนั้นแดงจัด…ขัดกับหน้ามุ่ยๆ นิ่งๆ นั่นยิ่งนักจนทำให้ต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้จริงๆ tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in