Title: Inconceivable | รักอนันต์พันธสัญญา
Pairing: King Nereus x (Prince) Orm Marius | #NerOrm
Fandom: Aquaman (2018)
ติชม คอมเมนท์และเป็นกำลังใจได้ที่ #พันธสัญญารัก
หากแม้ในใจจะร่ำหาสักเพียงใด แต่กระนั้นออร์มยังคงทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับองค์กษัตริย์ออร์แวกซ์อย่างครบถ้วนทุกประการ
.. ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน
“ทูลบอกกษัตริย์ออร์แวกซ์ว่าข้าคงไปไม่ทันพระกระยาหารเที่ยง.. มีธุระต้องสะสางงานเอกสารของพระองค์ต่อ ให้เจ้าบอกท่านว่าไม่ต้องรอข้า..” ออร์มบอกกับทหารนายหนึ่งที่ประจำอยู่หน้าประตูห้องทรงพระอักษรส่วนของพระองค์ซึ่งอยู่ปีกซ้ายของอาณาจักรแอตแลนติส
ทหารนายนั้นชิดเท้ารับสั่ง แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินหันหลังและกลับออกไปกลับถูกเจ้าของเสียงก่อนหน้าร้องทักเสียก่อน “บอกที่ครัวด้วยว่าให้จัดมื้อเที่ยงมาส่งข้าที่นี่..” ออร์มกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่ออ่านเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ
แต่ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ที่สายตาคู่นั้นกำลังไล่อ่านตัวหนังสือที่ร้อยเรียงบนหน้ากระดาษ.. ปากกาขนนกในมือกลับถูกกำแน่นเมื่ออาการวิงเวียนเริ่มโจมตีออร์มเป็นรอบที่สองของวัน – หลังอาทิตย์สองอาทิตย์มานี้.. ออร์มมักมีอาการเช่นนี้เสมอ คือการเวียนหัวในตอนเช้าและอยากจะอาเจียนเมื่อได้กลิ่นอาหาร..
เขากลัว..
มิได้กลัวว่าจะมีโรคร้าย หากแต่ตัวเขานั้นกลัว.. กลัวว่า ณ ตอนนี้ จะมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังก่อกำเนิดขึ้นในร่างกายของเขา และแน่นอน.. นั่นหมายความว่าเขากำลังจะมีลูกกับเนเรียส และพระบิดาอาจจะไม่ชอบใจเป็นแน่..
“วัลโก้มาพบข้าที” ออร์มเอ่ยเรียกราชครูของตนผ่านลำโพงส่วนตัว - ไม่นานชายชราจึงปรากฏตัวขึ้น
“ข้าใคร่พบท่านหมอหลวง.. ท่านช่วยไปตามเขามาพบข้าได้หรือไม่”
“เจ้าชายรู้สึกไม่สบายหรือพะยะค่ะ” วัลโก้สอบถาม สีหน้าเป็นห่วงองค์รัชทายาทอย่างเห็นได้ชัด เพราะสภาพของเขาในตอนนี้ดูไม่จืดเลย
เจ้าชายออร์มอยู่ในสภาพหน้าซีดเผือด แถมยังรู้สึกอยากจะอาเจียนอยู่เรื่อย เขาไม่อยากจะอ้าปากพูดเสียด้วยซ้ำ.. เพียงแค่พยักหน้าเป็นการตอบคำถามไม่ให้มากความ เพราะแบบนั้นวัลโก้จึงน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี
คลาดกันเพียงเดี๋ยวเดียว- ทหารผู้ที่ได้รับสั่งเมื่อก่อนหน้าก็เข้ามาพร้อมกับพระกายาหารเที่ยงที่จัดแจงเรียบร้อยไว้บนถาดสีเงิน.. เขาวางถาดนั้นลงตรงหน้าขององค์รัชทายาท
กลิ่นหอมของมื้อเที่ยงชวนให้ทหารหนุ่มแอบกลืนน้ำลายอยู่หลายหนในขณะที่เดินมา แต่กลับกัน.. กลิ่นหอมตรงนั้นกลับทำให้ออร์มรู้สึกอยากจะอาเจียนให้ได้เสียตรงนั้น
“เอา..” ออกไป — ออร์มตั้งใจจะพูดคำนั้นต่อท้าย แต่ยังไม่ทันจบก็ต้องรีบดิ่งไปยังอ่างสรงพระพักตร์ที่อยู่ภายในห้องสรงส่วนพระองค์.. เสียงอาเจียนอย่างหนักหน่วงทำให้ทหารผู้นั้นหน้าถอดสี จะเข้าไปหาก็ไม่กล้า จะจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ทำไม่ได้อยู่ดี
“ให้ข้า..”
“ออกไป!” ออร์มตวาดเสียงลั่น ถึงแม้เสียงที่ใช้พูดนั้นแทบจะไม่มีอยู่เลยก็ตาม– ดวงตาขึงขังไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ห้ามบอกให้ใครอื่นรู้เป็นอันขาด “เอาถาดอาหารนั่นออกไปด้วย..”
ทหารหนุ่มจากไปแล้วพร้อมกับถาดพระกระยาหารที่เจ้าชายไม่แม้แต่จะชายตามองเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ได้กลิ่นก็รีบไล่เขาออกมาจากห้องทรงพระอักษรเสียแล้ว
ออร์มเองก็หน้าถอดสีไม่แพ้กัน เขาว่าเขาเองก็คงพอจะเข้าใจแล้วว่าอาการที่กำลังเกิดขึ้นกับตนในยามนี้นั้นมันเกิดขึ้นจากสิ่งใด..
มือเรียวสวยเลื่อนลงแตะที่หน้าท้องของตน..
ออร์มแค่อยากจะรู้.. ให้แน่ใจจริงๆก็เท่านั้น - จะได้รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้ดี
“องค์ชาย.. หมอหลวงมาแล้วพะยะค่ะ..” วัลโก้เอ่ยบอก สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลยามเห็นออร์มออกมาจากห้องสรงเช่นนั้น พระพักตร์ขององค์รัชทายาทดูไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“ท่านหมอหลวง..” ออร์มเอ่ยเรียก หมอหลวงวัยกลางคนค้อมศีรษะเคารพ ก่อนออร์มจะยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ
“เชิญองค์รัชทายาทเสด็จที่พระแท่นบรรทมดีกว่าพะยะค่ะ” หมอหลวงเอ่ย ออร์มทำตามไม่มีอิดออด ก่อนจะเอนตัวนอนลงให้หมอหลวงตรวจตามร่างกาย..
ผ่านเวลาไปสักพักแล้ว – ออร์มมองเห็นเพียงแค่สีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของท่านหมอหลวง ส่วนวัลโก้นั้นแสนร้อนใจเพราะเป็นห่วงองค์ชายออร์มเสียยิ่งกว่าอะไร จึงรีบเอ่ยถามทันทีที่หมอหลวงวางมือลง
“ว่าอย่างไรหมอหลวง.. องค์รัชทายาททรงเป็นอะไรหรือเปล่า” เลี่ยงที่จะใช้คำว่า ‘ร้ายแรง’ แต่สีหน้านั้นกลับบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วในคำพูด
หมอหลวงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปลดสเตโทสโคปลงคล้องหลังลำคอ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง - หมอหลวงกับราชครูวัลโก้หันหน้ามองกัน เมื่อประโยคนั้นสิ้นสุดลง
องค์รัชทายาทหน้าถอดสี.. ฝ่ามือสวยกุมอยู่ที่หน้าท้องของตน ภาพของเหตุการณ์เมื่อวันนั้นวนซ้ำกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งเหมือนม้วนหนังที่นำกลับมาฉายใหม่– ออร์มน้ำตารื้น, ใจหนึ่งก็มีความสุขเหลือล้น.. ที่เขาและเนเรียสได้ให้กำเนิดตัวแทนแห่งความรักขึ้นมาในร่างกายของเขา แต่ที่เป็นกังวลมากกว่านั้น..
“แล้วข้า..ข้าจะทำอย่างไรต่อไปดี วัลโก้..” เจ้าชายถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทุกคำพูดถูกกลืนลงคอไปหมดแล้ว - ออร์มน้ำตาไหลก้มลงมองฝ่ามือที่กุมหน้าท้องของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวัลโก้สลับกับหมอหลวงที่ยืนอยู่ใกล้กัน
“องค์ชายใจเย็นๆก่อนพะย่ะค่ะ..” วัลโก้เอ่ยบอก ยื่นมือเหี่ยวย่นนั้นวางกุมเหนือหลังมือขององค์รัชทายาท –หากองค์กษัตริย์ออร์แวกซ์ได้ทราบเรื่องนี้เข้า คงไม่เป็นผลดีกับออร์มเป็นแน่
“ท่านหมอ.. อย่าเพิ่งทูลพระบิดาข้าให้ทรงทราบเรื่องนี้จะได้หรือไม่” ไม่ใช่คำสั่งแต่อย่างใด กลับเป็นคำร้องขอจากองค์รัชทายาทเพียงพระองค์เดียวแห่งแอตแลนติส
ราชครูวัลโก้มองเจ้าชายออร์มด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าเหตุการณ์หลังจากนี้มันจะเป็นอย่างไรหากองค์กษัตริย์ออร์แวกซ์ได้รับรู้ถึงเรื่องนี้
“พะย่ะค่ะ.. กระหม่อมรับปาก”
“ระหว่างนี้ข้า..” ออร์มนึกไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรหากท่านพ่อรู้เข้า เขาก็คงแย่.. แต่จะให้ทำอย่างใดได้เล่าการพบหน้าพระราชบิดาก็ยังคงมีอยู่ทุกวัน
“แล้วพระองค์จะทำอย่างไรต่อ..” วัลโก้เอ่ยถามเมื่อหมอหลวงนั้นได้ออกจากห้องไปแล้ว สีหน้าของราชครูเองก็กังวลไม่ต่างไปจากออร์มเลย “กษัตริย์ออร์แวกซ์ต้องรู้เรื่องเข้าสักวันแน่ๆ..”
ออร์มเงียบ, หาทางออกอื่นใดไม่ได้เลย นอกจากจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อนแล้วค่อยหาทางคุยกับท่านพ่อดูอีกที
“เก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน.. ข้ายังไม่พร้อมที่จะคุยกับท่านพ่อในตอนนี้..”
วัลโก้พยักหน้า.. เขาเข้าใจดีว่าหากกษัตริย์ทรงทราบเข้า เรื่องที่กำลังจะดีขึ้นในตอนนี้จะต้องกลับไปแย่ลงแน่ๆ
แต่ท้องของออร์มเองก็จะต้องโตขึ้นทุกวันด้วยเช่นกัน การปิดบังจึงเป็นไปไม่ได้เลย.. หากออร์มยังคงอยู่ในพระราชวังแห่งนี้..
ออร์มลูบท้องของตนเองเบาๆ.. ถึงแม้จะเกิดความกังวลในจิตใจ แต่ลึกลงไปแล้วเขากลับมีความสุขที่กำลังจะได้มีสักขีพยานรักกับเนเรียส และถ้าอีกฝ่ายนั้นรู้.. ก็คงจะดีใจไม่ต่างกันกับเขาแน่..
“วัลโก้ ท่านว่าเนเรียสจะรู้สึกอย่างไร.. หากรู้เรื่องของข้ากับเขา..”
“พระองค์ท่านต้องดีใจมากแน่ๆพะยะค่ะ.. ข้าเชื่อมั่น” วัลโก้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงพระพักตร์ของกษัตริย์แห่งเซเบล – หวนนึกถึงเมื่อยามก่อนที่ตนได้แอบลักลอบให้พระองค์ปลอมกายเป็นทหารแอตแลนติส รอยยิ้มที่วัลโก้ได้รับนั้นยังคงตราตรึงติดอยู่ไม่จางหาย .. เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข และวัลโก้เองก็เชื่อมั่นว่าองค์กษัตริย์เนเรียสต้องดีใจมากเป็นแน่แท้
“ถ้าหากข้าจะลองส่งข่าวผ่านจดหมายให้องค์กษัตริย์ได้รู้.. ท่านว่ามันจะดีไหมเจ้าชาย” วัลโก้ลองเสนอ .. เพราะถึงอย่างนั้นกษัตริย์ออร์แวกซ์ก็ยังไม่รู้ หากใช้วิธีเก่าอย่างการส่งจดหมายด้วยลายลักษณ์อักษรคงน่าจะดีกว่าการส่งผ่านด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งอาจถูกตรวจสอบอยู่ได้ทุกเมื่อ
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน” ออร์มยิ้มกว้าง หากเนเรียสได้รับจดหมาย และมาสู่ขอเขากับท่านพ่ออีกครั้ง บางที.. คราวนี้องค์กษัตริย์คงอาจจะใจอ่อนขึ้นมาก็ได้ เพราะเห็นแก่หลานในท้อง ว่าที่องค์รัชทายาทแห่งแอตแลนติสองค์ต่อไป..
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น.. ออร์มจึงหยิบกระดาษและปากกาแบบพิเศษของแอตแลนติสขึ้นมา
“ข้าคงต้องวานให้ท่านเป็นธุระให้กับข้าอีกทีนะ วัลโก้..”
วัลโก้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม, เขารับจดหมายจากองค์รัชทายาทขึ้นมาถือไว้แนบกายก่อนจะเก็บมันไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด
“ข้าน้อมรับความประสงค์ของพระองค์พะยะค่ะ”
เพราะวัลโก้คิด, ไม่ว่าเจ้าชายหรือเจ้าหญิงตัวน้อยที่จะถือกำเนิดในอนาคตข้างหน้านั้น สามารถเป็นสิ่งล้ำค่าที่อาจเชื่อมสองอาณาจักรเข้าหากันได้..
อย่างน้อยทารกที่ทรงอยู่ในพระครรภ์ขององค์รัชทายาท ณ ขณะนี้.. นอกจากจะเป็นสายใยเชื่อมโยงดวงใจของกษัตริย์เนเรียสและเจ้าชายออร์มแล้ว.. ก็ยังอาจเป็นสายใยเชื่อมโยงระหว่างสองอาณาจักรให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นแน่
“พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปก่อนที่แสงตะวันจะสาดส่องลงมาเหนือน้ำ..”
ออร์มยิ้มกว้าง.. เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนนี้เลยก็ว่าได้ ที่ออร์มรู้สึกดีเช่นนี้คงเพราะข่าวดีที่เกิดขึ้นแก่ตนเอง และข่าวดีที่กำลังจะส่งต่อไปยังเนเรียส..
อยากเจอเหลือเกิน.. อยากจะบอกข่าวนี้ให้รู้กับปาก แต่เพียงแค่จดหมายที่กำลังจะส่งไปถึงมันก็มากเพียงพอแล้ว
วันรุ่งขึ้นก่อนแสงอาทิตย์สาดส่อง วัลโก้จึงรีบออกไปตามที่ได้ให้คำสัจแก่องค์รัชทายาท - ขายชรารีบไปยังชายแดนของอาณาจักรแอตแลนติส เพื่อนำจดหมายฝากผ่านราชทูตแห่งอาณาจักรเซเบลที่ตั้งขบวนเตรียมจะกลับไปยังอาณาจักรของตนพอดี
“ช้าก่อนท่านทูต...” วัลโก้ร้องทัก เมื่อเห็นราชทูตแห่งอาณาจักรเซเบลกำลังจะเอี้ยวตัวขึ้นบนอานหลังของมังกรทะเลอันเป็นสัตว์ประจำตำแหน่งของเขา
ราชทูตผู้นั้นหันหลังกลับมาพร้อมองค์กษัตริย์แห่งอาณาจักรแอตแลนติสที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพแห่งอาณาจักรเซเบลที่กำลังจัดเตรียมออกเดินทาง
“ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอดีเลย วัลโก้” กษัตริย์ออร์แวกซ์เคลื่อนตัวออกมาพร้อมกับทหารคอมมานโดที่ยืนขนาบอยู่ข้างกาย “ข้าคิดว่าข้าคงจะประมาทเจ้าน้อยเกินไป..”
เพียงแค่ออร์แวกซ์ยกนิ้วชี้ขึ้นเพียงนิ้วเดียว เหล่าทหารก็เข้าควบคุมตัวของวัลโก้เอาไว้อย่างแน่นหนาพร้อมกับหยิบซองจดหมายที่เขาแนบเอาไว้อยู่ใต้ขอบของเข็มขัดออกมายื่นให้กับกษัตริย์ออร์แวกซ์
“เจ้ากับลูกไม่รักดีของข้าคิดจะปิดข้าไปได้สักแค่ไหนเชียว..” แกะซองจดหมายออก เป็นออร์แวกซ์เองที่ได้อ่านจดหมายนั้นแทนที่จะเป็นเนเรียส.. ทุกอย่างที่ออร์มเขียน องค์กษัตริย์ได้อ่านมันทุกคำ
“กล้าดีอย่างไร.. วัลโก้” ทั้งซองและกระดาษที่อยู่ในมือถูกกำแน่นเข้าหากัน - แววตาคู่นั้นหากดูแล้วคล้ายเปลวไฟที่กำลังปะทุ “ข้าไว้ใจเจ้า.. แต่เจ้ากลับหักหลังข้าแบบนี้อย่างนั้นรึ”
ออร์แวกซ์ไม่แม้แต่จะให้โอกาสให้วัลโก้ได้อธิบายอะไร “เอาตัวเขาไปขัง!”
“มันยังไม่ได้จบแค่นี้หรอก เรายังมีบัญชีที่ติดค้างกันอยู่.. ไว้ข้าจะกลับมาหลังจากเสร็จเรื่องที่สำคัญกว่า”
กษัตริย์ออร์แวกซ์กลับเข้าไปในพระราชวังพร้อมกับทหารที่รักษาพระองค์- เขาตรงดิ่งไปยังห้องบรรทมของออร์มในทันที ..
องค์รัชทายาทที่ไม่อาจได้ทราบถึงชะตากรรมของตนเองเลยนั้นกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงพระอักษรเช่นเดิม ใบหน้างามเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นคนที่กำลังมีความสุขในหัวใจจนล้นปรี่
มือเรียวลูบไปมาบนหน้าท้องแกร่งที่ยังคงมีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวย หากแต่ภายในกำลังสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่กำลังก่อกำเนิดอยู่ภายในนั้น - ออร์มหาได้ใส่ชุดเกราะประจำตำแหน่งเช่นเคย เจ้าชายหนุ่มเลือกใส่เสื้อผ้าสบายๆอย่างเกรงกลัวว่าเกราะอันหนักอึ้งนั้นมันจะทำให้ลูกเขาต้องเจ็บไปด้วย..
ก่อนที่ประตูห้องของเขาจะเปิดผึงออกมาอย่างแรง ออร์มผุดลุกขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจ.. องค์กษัตริย์ออร์แวกซ์ยืนอยู่ตรงนั้น.. ด้วยสายตาแห่งความโกรธขึ้งพร้อมไฟโทสะที่อาจจะเผาทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง
ฉับพลันหัวใจของออร์มเย็นเยียบ.. หรือจดหมายนั่นจะไปไม่ถึงมือของเนเรียสกัน
“เจ้าลูกร่านไม่รักดี!” ออร์แวกซ์ตวาดก้อง เคลื่อนตัวมาหาออร์ม มือใหญ่กำรอบลำคอสวย ก่อนจะจับออร์มกระแทกกับผนังกระจกเสียจนสั่นสะเทือน
“ท่านพ่อ! ปล่อยลูก..” ออร์มดิ้นหนี แววตาหวาดหวั่น.. หากไม่ใช่เพราะกำลังมีเจ้าตัวเล็กในท้อง มีหรือที่ออร์มจะไม่โต้กลับไป แต่นี่.. เพราะยังมีลูกอยู่ในนั้นออร์มจึงไม่สามารถทำอย่างใจนึก
“เจ้าท้องกับมัน!
โหดร้ายได้แม้กระทั่งลูกในไส้ และหลานที่ไม่รู้เรื่องถึงสิ่งใด..
สายตาคู่นั้นดูหวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นออร์มก็ยังคงนิ่งเฉย.. หากเขาพูดหรือทำอะไรลงไปตอนนี้ก็คงมีแต่เสียกับเสีย ซึ่งแบบนั้นเขาจะไม่ทำแน่
ออร์มหลับตาลงแน่นพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก .. มองกษัตริย์ผู้เป็นพ่อที่กำลังใช้มือกำรอบคอของเขา .. ฝ่ามือคู่สวยทิ้งดิ่งลงข้างลำตัว
“ข้ายอมท่านแล้ว.. ท่านอยากทำอะไรก็ตามใจท่านเลยเสด็จพ่อ” หยดน้ำตาเอ่อล้น ออร์มกำลังจ้องมองพระราชบิดาของตนด้วยพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า แม้ข้างในหัวใจกลับกลัวแสนกลัวเหลือเกิน “ท่านอยากจะฆ่าข้าให้ตายคามือท่านก็ย่อมได้ แต่ราชบัลลังก์แห่งแอตแลนติสจะมิมีผู้ใดสืบบัลลังก์อีกต่อไป.. หนำซ้ำ หากกษัตริย์เนเรียสได้รู้ข่าวเข้า ท่านคิดหรือว่าเขาจะปล่อยไปเฉยๆ”
“เด็กในท้องข้าก็เป็นลูกของข้ากับกษัตริย์เนเรียส.. เขามีเชื้อสายของเซเบล”
ออร์แวกซ์ยอมปล่อยมือออกจากรอบลำคอสวย แม้จะนึกโกรธเกรี้ยวมากถึงเพียงไหน แต่พอนึกถึงผลเสียที่จะตามมาแล้วก็ไม้คุ้มค่าเอาเสียเลย..
และอีกอย่างแม้โทสะจะมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่เคยคิดอยากจะปลิดชีพลูกชายเพียงคนเดียวคนนี้.. แต่ถ้าหากอยากให้ออร์มได้ทรมาน และสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำลงไปนั่นล่ะก็ใช่..
ออร์มไม่เหลือสิ่งใดให้ต้องนึกหวาดเกรงต่อชายตรงหน้าอีกแล้ว.. เจ้าชายหนุ่มหอบหายใจ อีกทั้งยังไอเบาๆ.. มือเลื่อนลงแตะบนหน้าท้องของตนโดยอัตโนมัติ - ออร์แวกซ์มองเขาด้วยความดูแคลน
“นับจากนี้ไป จนกว่าสิ่งที่อยู่ในท้องเจ้าจะออกมาลืมตาดูโลก.. ก็อย่าหวังว่าเจ้าจะได้ออกไปเห็นสิ่งใด นอกจากเพดานและผนังห้องที่กักขังเจ้า”
ออร์มทรุดตัวลงนั่งกับพื้นในนาทีถัดมา มือสวยกุมอยู่ที่หน้าท้องของตนเองพร้อมกับลูบผ่านเบาๆ - เขาจะปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่มีแม้สิทธิ์ที่จะเอ่ยคำใดออกไปเสียด้วยซ้ำ.. หากแต่นี่คงเป็นการเมตตาที่สุดของกษัตริย์ออร์แวกซ์เท่าที่ออร์มเคยได้เห็นมา
ข้าวของบนโต๊ะทรงอักษรของออร์มถูกกวาดกระจัดกระจายลงบนพื้นด้วยโทสะของกษัตริย์ผู้เป็นพ่อ- หลังจากนี้ออร์แวกซ์คงแตะต้องอะไรออร์มไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หากเรื่องทางกายน่ะใช่ แต่ถ้าเรื่องทางจิตใจนั้นมันก็ไม่แน่..
เพราะแบบนั้นเขาจึงยื่นคำขาดให้สั่งคุมขังพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวไม่ให้เห็นมหาสมุทรหรือแม้แต่โลกภายนอกข้างหน้าต่างอีกต่อไป อย่างน้อยก็จนกว่ามารหัวขนที่อยู่ในท้องของลูกไม่รักดีคนนี้จะออกมาลืมตาดูโลก
“เอาตัวกลับไปที่ห้องขังห้องเดิม ไม่ต้องให้เห็นวิวอะไรทั้งสิ้น!”
ทหารองครักษ์กำลังจะนำตัวออร์มออกไปจากห้อง.. แต่ระหว่างนั้นออร์มจึงนึกขึ้นได้ - แล้ววัลโก้ล่ะ.. ป่านนี้วัลโก้จะเป็นอย่างไรในเมื่อราชครูนั้นก็เป็นฝ่ายที่จะนำจดหมายไปส่งต่อให้กับองค์กษัตริย์เนเรียส
“ท่านพ่อ! ท่านพ่อเมตตาลูกอีกสักครั้ง” ออร์มรีบร้องขอ องค์กษัตริย์ที่กำลังจะออกจากห้องของตนไปนั้นหยุดชะงัก นิ่งเงียบและไม่พูดสิ่งใดเพื่อรอฟังคำพูดของออร์ม
“วัลโก้ไม่ผิดอะไร ท่านพ่อ.. ได้โปรดเมตตาเขา ที่เขาทำเช่นนั้นเป็นเพราะคำสั่งจากลูก.. โทษทัณฑ์ที่ท่านพ่อจะให้เขา ลูกขอรับมันไว้ทั้งหมดเอง.. แต่ท่านพ่อได้โปรดอย่าทำอะไรเขาเลย” ครานี้ออร์มร้องไห้.. ปริ่มจวนเจียนจะขาดใจ..
“เขาเป็นคนของข้า ข้าจะทำอย่างไรกับเขาก็ได้.. คนที่หักหลังข้าไม่เคยตายดี.. เจ้าก็เช่นกัน ออร์ม” กษัตริย์ออร์แวกซ์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองลูกชายที่กำลังร้องไห้เจียนจะขาดใจเลยแม้แต่น้อย “ตัวเองยังเอาจะไม่รอด ยังมีหน้ามารับโทษแทนผู้อื่น เจียมสังขารตัวเองเสียบ้าง..”
ออร์แวกซ์เคลื่อนตัวออกไปทันที ปล่อยให้มีแต่เสียงสะอื้นร่ำไห้ดังออกมาจากห้องแห่งนั้น – เขาจะไม่ยอมใจอ่อนให้ใครอีกต่อไปแล้ว..
ออร์มในตอนนี้ไม่เหลือสิ่งใดแล้ว.. ทั้งครอบครัว.. ทั้งคนรัก เหลือเพียงแค่เขา.. กับเด็กในท้องเพียงเท่านั้น
องค์รัชทายาทถูกพาไปยังห้องขังเดิมที่เคยอยู่เมื่อสองเดือนก่อน บรรยากาศมันยังคงเงียบเชียบ น่าหดหูเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถึงอย่างนั้น.. มันก็อาจจะเป็นสถานที่ที่ให้ออร์มได้หลบพักในยามอ่อนแอเช่นนี้..
การคิดว่าชีวิตนี้.. เขาอาจจะไม่ได้เจอกับเนเรียสอีกต่อไป มันก็เจ็บอยู่ในหัวใจเหลือเกินแล้ว..
“..ได้ข่าวจากทางแอตแลนติสบ้างไหมท่านทูต..” เนเรียสเอ่ยถามราชทูตที่กำลังลงจากอานหลังของสัตว์ประจำตำแหน่ง – ไม่บอกก็รู้.. ว่ากษัตริย์แห่งเซเบลแทบอยู่ไม่เป็นสุข เพราะที่เห็นนั้นคือพระองค์กำลังยืนอยู่หน้าประตูของพระราชวัง แทนที่จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ ณ ท้องพระโรง
“ไม่มีอะไรเลยพะยะค่ะฝ่าบาท” ราชทูตคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อทำความเคารพ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเอ่ยตอบตามความเป็นจริง
เนเรียสรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย.. แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อคนที่เขารอคอยอยู่อาจจะยังช่วงชิงโอกาสนั้นไม่ได้ “..เขาบอกว่าจะติดต่อมาหาข้า นี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้ว”
“...?” ชายชราเงยหน้าขึ้นสบตากับองค์กษัตริย์แห่งเซเบลที่ตอนนี้เอาแต่มุ่นคิ้วเข้าหากัน
“ไม่มีเลยงั้นหรือ.. เจ้าตรวจสอบดีแล้วหรือยัง ตามเอกสารต่างๆที่ทางฝ่ายนั้นจัดส่งมาให้” มือใหญ่คว้าหยิบเอกสารในมือของราชทูตขึ้นมาเปิดดูทุกหน้าก็ยังไม่พบอะไรที่จะสามารถเป็นข้อความลับของคนรักได้เลย
“ไม่มีเลยพะยะค่ะ ข้าตรวจสอบแล้วทุกอย่าง..”
“อืม..” เนเรียสพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเอกสารคืนกลับให้ราชฑูต - ถ้าหากว่าไม่มีก็คงหมายความว่าไม่มี จะต่อความยาวสาวความยืดก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี “เจ้าไปเถอะ.. เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปที่ห้องเสวยแล้ว เจ้าหญิงเมร่ารอข้าอยู่”
เว้นแต่ว่าราชทูตจะพูดประโยคหนึ่งออกมา.. แม้เขาจะไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่นักว่านั่นจะเป็นคำตอบที่องค์กษัตริย์ต้องการหรือเปล่า
“ก่อนหน้าที่ข้าจะเดินทางมา.. ข้าเห็นองค์กษัตริย์ออร์แวกซ์อยู่กับฝูงมังกรทะเลที่ข้าและทหารได้เตรียมทิ้งไว้เพื่อออกเดินทาง.. เหมือนพระองค์จะมาเพียงแค่กล่าวทักทายกับข้า - แต่หลังจากนั้นพระองค์ก็ปรี่เข้าไปหาชายชราผู้หนึ่ง ดูท่าทางแล้วน่าจะมีความรู้อยู่มากโข.. ซึ่งข้าก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าองค์กษัตริย์กับชายชราผู้นั้นกำลังสนทนาด้วยเรื่องอะไร เพราะเหล่าทหารแห่งแอตแลนติสบอกให้ข้าออกมาก่อน..”
“นั่นคงจะเป็นวัลโก้...” เนเรียสเอ่ยเสียงเบา – ในใจตอนนี้แล้ว เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ไม่น้อยเลย..
แต่เนเรียสยังไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ร่างของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงก็โผล่มาจากทางด้านหลังเสียก่อน เมร่าค้อมศีรษะพร้อมย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพผู้เป็นพ่อ
“ลูกรอเสด็จพ่อที่ห้องเสวยนานแล้ว แต่เห็นท่านยังไม่เสด็จไปเสียที.. มีการด่วนอะไรงั้นหรือเพคะ” พระราชธิดาเอ่ยถาม เธอเห็นหลังไวๆ ของราชทูตอยู่เมื่อครู่ มีการใดกัน.. เหตุใดเสด็จพ่อจึงต้องรีบเร่งมารับเรื่องเองเช่นนี้
“ไม่มีอะไรหรอก เมร่า” เนเรียสยิ้มอ่อนโยน เข้ามาโอบไหล่ราชธิดา ก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังห้องเสวยที่ป่านนี้คงจัดเตรียมอาหารไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
แต่เมร่าดูออก.. ช่วงสองสามเดือนมานี้ พระบิดาดูมีอาการกังวลใจอย่างเห็นได้ชัดเลย.. ซึ่งเธอเองก็พอจะรู้.. ว่าคงเป็นเรื่องขององค์รัชทายาทออร์ม เมเรียส แห่งแอตแลนติส.. เพื่อนสนิทยามเยาว์วัยของเธอ – ใช่ว่าเมร่าจะดูไม่ออก.. เธอเห็นสายตาที่ท่านพ่อของตนมองออร์มอยู่ทุกครั้ง และรู้ว่ามันเปี่ยมไปด้วยความรักมากขนาดไหน
“ว่าแต่.. เดี๋ยวนี้ ข้ามิค่อยได้เห็นข่าวคราวของออร์มเลยนะเพคะท่านพ่อ.. เงียบหายไปเป็นเดือนแล้ว”เมร่าเอ่ยพร้อมกับโอบเอวผู้เป็นพระราชบิดาเอาไว้, เงยพระพักตร์ขึ้นมองพระองค์ในขณะที่พูดเพื่อสังเกตสีหน้าขององค์กษัตริย์เนเรียส
และก็ใช่อย่างที่เจ้าหญิงคาดเดาไว้ แววตาคู่นั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.. ดูไหวหวั่น อีกทั้งยังเศร้าโศก แต่ดูเหมือนว่าเนเรียสเองก็คงจะรู้ตัวว่าพระราชธิดาของตนนั้นคงดูออก องค์กษัตริย์จึงตอบกลับไปตามความเป็นจริง “พ่อเองก็ไม่ได้ข่าวจากทางแอตแลนติสเช่นกัน..”
อ้อมแขนกระชับหัวไหล่ของลูกสาวเข้าหาอ้อมอก
องค์กษัตริย์เนเรียสและเจ้าหญิงเมร่าเข้ามายังห้องเสวยเป็นที่เรียบร้อย
ฝาปิดครอบภาชนะอาหารถูกยกขึ้นทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย กลิ่นอาหารหอมหวนชวนน่ารับประทาน แต่สำหรับเนเรียสกลับไม่ใช่
ความรู้สึกตีอัดขึ้นมาจากข้างใน.. เก้าอี้ทรงพระที่นั่งถอยกรูด องค์กษัตริย์เนเรียสใช้พระหัตถ์ปิดพระนาสิกรวมไปถึงพระโอษฐ์ ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังอ่างชำระพระหัตถ์ที่อยู่ถัดไปอีกห้อง
อื่นใดแล้วมีเพียงแค่ลมเปล่าเท่านั้นที่ออกมาพร้อมกับพระสุรเสียง- หากแต่ให้พูดตามความเป็นจริง.. องค์กษัตริย์เนเรียสนั้นรู้สึกประชวรตั้งแต่เช้ามืด และมิได้เสวยพระกระยาหารอื่นใดเลยตั้งแต่วานนี้แล้ว
“ท่านพ่อเพคะ!” เมร่าเองก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ เจ้าหญิงแห่งเซเบลรีบพุ่งไปหาพระราชบิดาของตน พระหัตถ์สวยถูกยกขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างในขณะที่องค์กษัตริย์เนเรียสยังคงโก่งคออาเจียนไม่หยุด
“ใครอยู่ข้างนอกนั่นไปตามหมอหลวงมาที องค์กษัตริย์ทรงประชวร!” เสียงแหบหวานเอ่ยสั่ง ก่อนเมร่าจะหันกลับมาลูบหลังของเนเรียสอีกครั้ง - จนพระวรกายสูงใหญ่นั้นหยัดยืนขึ้น หากแต่สีหน้าขององค์กษัตริย์นั้นดูไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“พ่อไม่เป็นไรแล้ว เมร่า” พระหัตถ์โบกไปมาเสริมคำพูดของตน แม้แต่องค์กษัตริย์เองยังแปลกใจ.. เขาไม่เคยมีอาการประชวรมาก่อน หากไม่นับอาการบาดเจ็บจากการทำศึก แต่เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้..
เพียงแค่ได้กลิ่นอาหารนั่น มันก็ชวนคลื่นเหียนเสียจนเสวยอะไรไม่ลงแล้ว.. ทั้งที่สำรับนั่นล้วนเต็มไปด้วยพระกระยาหารทรงโปรดขององค์กษัตริย์แห่งเซเบลด้วยกันหมดทั้งสิ้น
“ลูกว่าให้หมอหลวงดูอาการท่านพ่อหน่อยเถอะนะเพคะ” เมร่าโน้มน้าว หากพระบิดาทรงป่วยเป็นโรคร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร เธอเหลือเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เป็นเสาหลักยึดมั่นแค่เพียงผู้เดียว
องค์กษัตริย์เนเรียสถูกนำตัวกลับมายังห้องบรรทมส่วนพระองค์ โดยมีพระราชธิดาติดตามอยู่ไม่ห่าง - หมอหลวงได้ทำการตรวจสอบร่างกายรวมไปถึงพระโลหิตของพระองค์เองซึ่งผลการวินิฉัยออกมาว่า..
“พระองค์ทรงมีอาการแพ้ท้องแทนภรรยา หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการก็คือโคเวด ซินโดรม (Couvade Syndrome)
หมอหลวงกล่าวต่อด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย- อย่าบอกว่าแม้แต่หมอหลวงเลย ขนาดเจ้าหญิงเมร่ายังตกใจจนต้องยกพระหัตถ์ขึ้นกุมอก
“ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงมีอาการคลื่นไส้อาเจียนในตอนเช้า หน้ามืดวิงเวียนอย่างมิรู้สาเหตุใช่หรือไม่พะยะค่ะ..”
“ม.. มันก็ใช่” เนเรียสเองก็พยักหน้า ตัวขององค์กษัตริย์เองนั้นก็ตกใจไม่แพ้กันที่ได้ยินเช่นนั้น.. แพ้ท้องแทนงั้นรึ.. จะมีใครเสียอีกล่ะ นอกจากออร์ม..
“ท่านพ่อไปไข่ทิ้งที่ไหนหรือเปล่าเพคะ” คราวนี้เมร่าเป็นฝ่ายกอดอกมองพระบิดาของตน อาการเป็นห่วงแทบบ้ามันหายไปหมดสิ้นเมื่อได้ฟังคำชี้แจงจากหมอหลวง ใบหน้างามส่ายไปมาช้าๆ ..
“นางสนมกำนัลคนใดของท่านอีก” เมร่าเอ่ยถาม คาดคั้นอยู่ในที - เนเรียสส่ายหน้า ยังคงแปลกใจอยู่ไม่หายแต่ถ้าเป็นแบบนั้น.. ทำไมเขาถึงไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยล่ะ แล้วไหนจะข่าวคราวที่เงียบหายไปของฝ่ายนั้นอีก.. เนเรียสสับสนไปหมดแล้ว
“ไม่.. ไม่น่าจะใช่..” กษัตริย์เนเรียสส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง - องค์กษัตริย์ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเงยพระพักตร์มองหมอหลวงที่ยังคงยืนอยู่ “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ตรวจพลาด..”
“ท่านพ่อจะไปเถียงหมอหลวงทำไมกัน..” เจ้าหญิงเมร่าที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่าง ขยับเข้ามาใกล้กับหมอหลวง พร้อมกับมองผลวินิจฉัยที่เขียนอยู่ตัวโตๆว่าพระราชบิดาของตนนั้นมีอาการ ‘แพ้ท้องแทนภรรยา’ อย่างเห็นได้ชัด
“ก็มันไม่น่าจะใช่น่ะสิ..” จริงอยู่ที่เนเรียสนั้นไม่ได้ปล่อยข้างนอก แต่อย่างไรแล้วออร์มก็ยังเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ.. จะไปตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน..
“ท่านไปเถอะหมอหลวง.. ขืนอยู่ต่อก็รังแต่จะได้ยินอะไรที่มันน่าอับอายไปเสียมากกว่านี้ แค่นี้ข้าก็เป็นห่วงท่านพ่อเก้อแล้ว” เจ้าหญิงเมร่าพยักหน้าให้กับหมอหลวงเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงข้างๆกับพระราชบิดา
“ท่านมีอะไรอยากจะสารภาพกับข้าไหมท่านพ่อ..”
“พ่อ..” องค์กษัตริย์เนเรียสอึกอักอีกทั้งยังท่าทางดูเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าควรจะตอบลูกสาวไปเช่นไรดี.. ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาไปมีสัมพันธ์กับใครอื่นมันคือเมื่อสองเดือนก่อน และหากจริงดังหมอหลวงว่า.. หากเขามีอาการแพ้ท้องแทนภรรยา.. ก็หมายความว่าออร์ม...
เนเรียสส่ายหน้า ออร์มเป็นชายแท้แน่นอนหมดทุกระเบียบนิ้ว เขารู้.. เขาเห็นมากับตา แถมยังเป็นบุรุษที่เพียบพร้อมสมดั่งเป็นชายชาตรีอีกต่างหาก เรื่องนั้นจึงเหลือเชื่อเกินไปสำหรับเนเรียส
“ไม่มี..พ่อไม่มี” พระบิดาปฏิเสธ - ก็จะให้บอกได้อย่างไรล่ะว่าคนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยนั้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งแอตแลนติส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับลูกสาวของตนมาแต่ครั้งยังเยาว์วัย
เมร่าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะขยับตัวเข้ากอดแขนผู้เป็นพ่อ พระพักตร์อันงดงามเอียงซบกับหัวไหล่ “ลูกไม่รู้หรอกนะว่าท่านพ่อจะไปทำอะไรมาบ้าง.. แต่ลูกไม่ชินตากับการที่ท่านพ่อวิตกอยู่แบบนี้เลย..”
“ถ้าท่านพ่อมีอะไรอยากเล่าให้ลูกฟัง.. ลูกอยู่ตรงนี้ข้างๆท่านพ่อเสมอนะเพคะ” มือสวยลูบปลอบประโลมองค์กษัตริย์ “ถึงท่านพ่อจะไม่ได้บอก แต่ลูกก็สามารถรับรู้ได้ว่าท่านพ่อเองก็มีเรื่องให้กังวลใจอยู่ไม่น้อยเลย..”
องค์กษัตริย์เนเรียสมองใบหน้าของพระราชธิดาของตน - พระหัตถ์ข้างที่แนบชิด เอื้อมโอบศีรษะของลูกสาว พร้อมกับจุมพิตที่กดลงบนกระหม่อมของเมร่า “..เรื่องบางเรื่องเก็บไว้มันคงจะดีกว่าพูดมันออกไป”
“พ่อขอบใจลูกมากนะเมร่า..” เขามอบรอยยิ้มเฝื่อนจางให้หญิงสาวข้างกาย, ข้างในหัวใจเองก็วิตกกังวลอยู่ไม่น้อยเลย.. หลายๆอย่างประดังเข้ามาอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน เขาเป็นห่วงออร์มเหลือเกินแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in