บ้านฉันอยู่นครศรีธรรมราช แต่ไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยสงขลาภาคทไวไลท์ เรียนปีสุดท้ายแล้วมีอาการหายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอกวูบบ่อย เวลานั่งมองต้นไม้ ถ้าใบไม้ไม่ไหวยิ่งอึดอัด แม่พาไปรักษาทุกแห่งที่มีหมอเก่งๆ แต่ก็ไม่ได้ผล อาการไม่ดีขึ้นจนคิดฆ่าตัวตาย แม่ให้ดร็อปเรียนแล้วกลับมาอยู่บ้าน
เมื่อรักษาแผนปัจจุบันไม่ได้ผลก็ต้องไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้า "แป๊ะก๋ง" ซึ่งเป็นเซียนหรือเทวดาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ร่าเริงสนุกสนาน ใจดี เข้าไปกราบท่านตรวจด้วยการแมะ คือจับชีพจรที่ข้อมือแล้วนั่งสมาธิทางใน บอกว่าถูกของ นัดวันเรียกของออก ทำพิธีเกิดใหม่ ฉันเป็นคนหัวสมัยใหม่ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แต่เกรงใจแม่ที่หวังดีและห่วงใยลูกเสมอ
ท่านเครียดมาก ไปรักษาทั่วราชอาณาจักรก็ยังไม่หาย อาการหนักขึ้นทุกวัน จนท่านต้องให้ฉันไปนอนกับท่าน ไม่กล้าปล่อยให้อยู่คนเดียว กลัวอันตราย
ในห้องนอนของท่านมีหิ้งพระใหญ่เต็มไปด้วยพระศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์วัดธาตุน้อย หลวงพ่อโสธรแปดริ้ว พระบรมธาตุนครศรี และอื่นๆอีกมากมาย จะเป็นกลางวันหรือกลางคืนฉันก็ไม่ยอมหลับ ในห้องเปิดไฟอ่อนๆไว้ที่หัวเตียง กลางดึกฉันนอนไม่หลับ มองไปที่หิ้งพระ โอ้โฮ...ผีหัวขาดอยู่เรียงรายเต็มหิ้ง มีแต่หัวแสยะยิ้ม แลบลิ้นปลิ้นตา น่ากลัวที่สุด ฉันกรีดร้องดังลั่น แม่กำลังหลับสนิทตกใจตื่นกอดฉันแน่น "เป็นอะไรลูก" ฉันชี้ไปที่หิ้งพระที่มีผีหัวขาด "ผะผะผีๆหัวขาดเต็มเลยแม่" แม่บอกว่า "มีแต่พระเต็มหิ้ง ไม่เห็นมีผีสักตัว" พ่อเอาน้ำมนต์มาประพรมทั่วตัว พร้อมทั้งบริกรรมคาถาอยู่นาน เป่ากระหม่อม3ครั้ง เพื่อไล่สิ่งเลวร้าย ฉันจึงสงบ อดที่จะหันไปมองที่หิิ้งพระไม่ได้ ผีหัวขาดหายไปหมด มีแต่พระศักดิ์สิทธิ์
แต่ละวันฉันนอนไม่หลับ นั่งมองแต่ใบไม้ ถ้าเคลื่อนไหวก็จะหายใจได้บ้าง สลับกับอาการวูบ เบื่ออาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์เหม็นมาก ต้องไปนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือและกลูโคสทุกวันเป็นเดือนๆหมอตรวจแล้วไม่มีโรคอะไร พอเริ่มแข็งแรงแม่พาไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์เกิดใหม่ที่ศาลแป๊ะก๋ง
แม่ถวายอาหารหวานคาว 9 ชนิด ท่านแป๊ะกงทำพิธีสวดภาษาจีนและเรียกของออก จากตัวฉันลงในไข่ไก่สดๆ ที่แม่ไปรอรับจากก้นไก่วันทำพิธี
พิธีสวดจบลงแป๊ะก๋งก็ต่อยไข่ใส่ถ้วยเห็นเลือดสดๆ หยดใหญ่ๆหลายหยดบนไข่ไก่ และมะพร้าวอ่อนที่แม่เตรียมไป พอเฉาะฝามะพร้าว มีตะปูขึ้นสนิมเกือบ10ตัว หลังจากทำพิธีเสร็จท่านนำสิ่งอุบาทว์เหล่านี้ไปทิ้งทะเล แป๊ะก๋งบอกให้ฉันนั่งบนเก้าอี้ แล้วเอาน้ำมนต์มารดจากหัวตลอดตัว พร้อมทั้งสวดมนต์ไปด้วย จนน้ำมนต์หมดถัง จึงให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมด ส่วนชุดเก่านำไปทิ้งทะเล พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อฉันใหม่ว่า เลี่ยงฮ่อง เป็นภาษาจีนฉันก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร คงเป็นความหมายที่ดีเป็นมงคล ท่านบอกว่า ฉันโดนของอย่างรุนแรง คนทำไม่ได้ตั้งใจจะทำเรา เขาเป็นพวกชอบวิชามาร ทดลองปล่อยของไปเรื่อยๆ บังเอิญเรามีเคราะห์ร้าย ว่างเทวดาไม่มีเทวดามาคุ้มครอง จึงต้องรับมาเต็มๆ
ถ้ารักษาไม่ถูกทาง อาจจะบ้าคลั่ง หรือ เสียชีวิต พอหายเป็นปกติแล้วฉันก็กลับไปเรียนปีสุดท้ายจนจบ รับปริญญา แล้วกลับมาทำงานที่นครศรีธรรมราชอย่างมีความสุข ฉันโชคดีที่มีแป๊ะก๋งผู้เมตตาช่วยชีวิตไว้ ขอกราบแทบเท้าไว้ ณ ที่นี้
บางโรคก็รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไม่หาย ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะโรคที่อยู่ในตัวเรามันมาจากสิ่งเร้นลับ ดวงตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็น แต่การจะพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าเป็นองค์จริงหรือตัวปลอม
เคยไปเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต ด้วยความที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา มีการแห่พระ เซียน เทวดา หลายองค์ ด้วยการนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำลองวางไว้บนเสลียง มีองค์พระสูงประมาณ 1 ฟุต แล้วให้ชายหนุ่มช่วยกันแบกทั้งสี่ด้าน บางครั้งจะเห็นพระแสดงอิทธิฤทธิ์จนชายหนุ่มทั้ง 4 แทบจะแบกไม่ไหว โอนเอนไปมา ทั้งๆที่พระจำลององค์เล็กนิดเดียว มีการทรงเจ้าพ่อเจ้าแม่หลายองค์ ที่น่าหวาดเสียวคือใช้เหล็กท่อระบายน้ำ เสียบทะลุแก้มทั้งสองฝั่ง ที่ร้อยด้วยผลไม้ลูกโตๆเช่นสัปปะรด แตงโม เดินไปร่วมขบวนแห่พระ มีการลุยไฟ คนทรงเจ้าเดินเหยียบไปบนถ่านไฟที่ลุกโชน กองสูงๆ โดยที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับความร้อน เดินช้าๆเหมือนกับเดินบนที่นอนที่อันอ่อนนุ่มนิ่ม ฉันคิดว่าเท้าต้องพองแน่ ก็ขอดูฝ่าเท้า ซึ่งไม่มีแม้กระทั่งรอยแดงสักนิดเดียว ทั้งๆที่เขาเดินเท้าเปล่า
มีการเดินเหยียบบันไดมีดดาบที่คมกริบเกือบ10 ขั้นด้วยเท้าเปล่า เดินขึ้นเดินลงสร้างความน่าหวาดเสียวให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ฉันไปขอดูเท้าอีกก็ไม่มีรอยบาดแผลเลยสักนิดเดียว ฝรั่งหนุ่มร่างใหญ่โตชอบทดลองเดินขึ้นไปเหยียบบันไดดาบที่คมกริบตามอย่างคนทรงเจ้า ปรากฎว่าก้าวขึ้นไปขั้นเดียวก็ร้องจ๊าก "help me please" เพราะถูกดาบบาดจนถึงกระดูก เลือดกระฉูด ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วน
พอแห่พระรอบเมืองเสร็จก็กลับศาลเจ้า ฉันตามไปดู เวลาเขาถอดเหล็กออกจากแก้มน่าจะเลือดไหลเต็ม ปรากฎว่าไม่มีเลือดออกสักหยดเดียวเพราะเขาใช้ขี้เถ้าจากธูปในศาลเจ้าทาที่รอยแผล ถามคนทรงเจ้าว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ทั้งก่อนและหลัง เขาบอกว่าการที่จะเป็นคนทรงเจ้านั้นไม่ใช่ใครจะสมัครได้ทุกคน ต้องแล้วแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เลือกเอง บางคนอยากเป็นคนทรงเจ้ามาก ทำพิธีสวดภาษาจีนหลายต่อหลายจบเจ้าก็ยังไม่เข้าทรง ถ้าท่านไม่เลือก คนทรงบอกว่าตอนเข้าทรงนั้นรู้สึกวูบแล้วหลับไป หลังจากนั้นไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง จนถอดทรงแล้วจึงรู้ตัว
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ถ้าไม่เชื่ออย่าไปลบหลู่ จะเกิดอันตราย เด็กวัยรุ่นบางคนไปวัดในกทม. แล้วคุยกันเองว่าไม่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ คงเป็นการแสดงละครแค่นั้น เข้าไปทำธุระในห้องน้ำที่สร้างใหม่ๆ ก็เจอดี ประตูถูกล็อคเขย่าแรงๆก็ไม่ออก ตะโกนเรียกให้คนช่วย เจ้าหน้าที่ต้องมางัดประตูแล้วบอกว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รายนี้เป็นรายแรก สิ่งต่างๆที่มองไม่เห็นตัวถ้าเราไม่เชื่อก็ไม่ต้องพูด มีสิทธิ์ที่จะคิด ถ้าพูดออกไปแล้วจะเกิดอันตราย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in