เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จี้จุด สุดมันส์oasistebto
ระทึกใจในห้องผ่าตัด
  • ผ่าตัดต้อกระจก 

    ตาพร่ามัวน้ำตาไหลบ่อย  ไปตรวจที่"คลีนิคโรคตา"นายแพทย์วิรุต นครศรีธรรมราช  เป็นตึกกว้างสูงโปร่งแอร์เย็นเฉียบ  อยู่ติดถนนใหญ่  เครื่องมือทันสมัย  เลเซอร์ก็มี  ควรจองคิวล่วงหน้า  ไปถึงก็ได้ตรวจไม่ต้องรอให้เสียเวลาเพราะคนไข้เยอะ  หมอเก่ง  อัธยาศัยดี  มีเมตตา  ค่าตรวจเป็นกันเอง  หลังจากตรวจหมอนัดลอกต้อกระจก  มีเลนส์ให้เลือก2 ชนิด  ชนิดธรรมดาข้างละ 2800 เบิกได้ทั้งหมด แต่ถ้าจะเอาชนิดพิเศษข้างละ3800 ต้องจ่ายส่วนเกินเพิ่ม  โดยให้เลือกจะไปทำที่โรงพยาบาลหรือที่คลินิกก็ได้


    พอถึงวันผ่าตัด  หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้แล้ว  บุรุษพยาบาลก็เข็นไปที่ต้องผ่าตัดสีขาวใหม่กว้างขวาง  เครื่องมือทันสมัยสะอาด  9โมงเช้าหมอมาตรงนัด "สวัสดีครับคุณป้า ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บหรอก"
    ใจสั่นระทึก ถึงเจ็บก็ต้องทนจะได้หาย  พยาบาลคลุมผ้าที่ใบหน้าโผล่แต่ลูกตา  หลังจากจัดวางเครื่องมืออย่างเป็นระเบียบแล้วก็ออกจากห้องไป  หมอบอกว่า "จะฉีดยาชาที่ขอบตาเจ็บแค่มดกัด"  จะคอยดูว่ามดธรรมดาหรือมดตะนอย


    เข็มแรกผ่านไปเป็นมดธรรมดา  สักครู่เข็ม2และ3 ตามมาไม่รู้สึกเจ็บ  หมอใช้อุปกรณ์เล็กๆถ่างตาไว้ เวลาผ่านไป 10 นาที ยาชาออกฤทธิ์  หมอใช้กรรไกรเล็กๆตัดต้อกระจกที่อยู่ใต้เลนส์ทีละน้อยๆจนหมด  มือเบามาก  แทบจะไม่รู้สึก  ปากก็คอยถามคนไข้  "เจ็บไหมครับ"  คนไข้อุ่นใจไม่หวาดกลัว  เพราะมีคนให้กำลังใจ  ประมาณ1ชั่วโมงผ่านไป ปฎิบัติการก็สำเร็จ  หมอใช้ผ้าก็อต ปิดตาไว้ข้างเดียว ต้องเว้นระยะ3 เดือนจึงจะผ่าข้างใหม่ได้ บุรุษพยาบาลเข้ามาเข็นคนไข้กลับไปยังห้องพิเศษ  นอนพัก 1คืน รุ่งเช้าหมอมาดูแผล  บอกว่าเรียบร้อยดี  บอกให้ใส่แว่นตาดำตลอด  ป้องกันแสงจ้า  ฝุ่นละออง  และกินยาแก้อักเสบ ไม่นานก็หายเป็นปกติตามองเห็นชัดเจน


    หลังจากนั้นฉันก็ไปลอกดวงตาอีกข้าง คราวนี้ไม่หวาดกลัวและกังวลเหมือนคราวที่แล้ว  เพราะหมอเป็นกันเอง ฝีมือเยี่ยม  ทำให้เกิดความมั่นใจ ในการรักษา เพราะดวงตาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าพลาดพลั้งไปต้องเสียใจตลอดชีวิต  ฉันจึงเลือกหมอที่ดีที่สุด  ให้ตัวเอง  


    ผ่าคลอดลูก


    หลังจากมีลูกคนแรกแล้ว  เนื่องจากฉันมีอาการแพ้อย่างรุนแรง  แม้กระทั่งดื่มน้ำก็อาเจียน  ต้องไปนอนโรงพยาบาลทุกคืนเพื่อให้น้ำเกลือและกลูโคสต์ จึงคุมกำเนิดไว้4ปี แต่ทนการรบเร้าของญาติไม่ได้ มีลูกคนเดียวน้อยเกินไปเลยไม่คุม  นานไปก็ไม่เป็นผล  ไปคลินิกลูกยาก  กินยาต้มบำรุงครรภ์แสนขม  หลายหม้อก็ไม่ท้อง 


    ผ่านไปสิบกว่าปี อายุ 41ปีคิดว่าคงไม่มีลูกอีกแล้ว  จนเพื่อนชาวจีนพาไปขอลูกจากเจ้าพ่อเสือจึงได้ลูกมา  ไม่มีอาการแพ้ใดๆทั้งสิิ้น  คิดว่าน่าจะเป็นลูกชาย  เพราะคนแรกเป็นลูกสาวแพ้มาก  คลอดเกินกำหนดไป3วัน  ตกเลือดอย่างแรง  ขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาล พอถึงโรงพยาบาลก็หมดแรง  นอกลงกับพื้น  พยาบาลหามส่งห้องผ่าตัด เลือดท่วมตัว  ไม่มีอาการเจ็บท้อง  หมอพรสวัสดิ์  มิตรกูล  สูติแพทย์มือหนึ่ง  ให้อัลตราซาวน์  ปรากฎว่าเด็กนั่งยองๆไม่ยอมเอาหัวลง  จึงคลอดยาก ท่านพยายามคัดท้องเพื่อให้หัวลง  เด็กก็ยังนั่งนิ่ง  จึงฉีดยาเร่งคลอด  ก็ไม่เป็นผล  เลือดยังไหลไม่หยุด  ว่ากันว่าลูกที่ขอพระมา  จะไม่ยอมคลอดทางอวัยวะเพศ  คุณหมอเฝ้าอย่างใกล้ชิด  ใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดกังวล เพราะแม่อายุมาก ให้กำลังใจ "ไม่เป็นไรนะ หมอจะช่วยเต็มที่"  ทำทุกวิถีทางก็ยังไม่ยอมคลอด  ท่านจึงสั่งให้ผ่าตัด


    ในห้องผ่าตัดแอร์เย็นเฉียบ  เครื่องมือเต็มไปหมด  เตียงผ่าตัดแคบเท่ากับตัวคนไข้  นางพยาบาล2คน  คอยวัดความดันการเต้นของหัวใจ  และเตรียมเครื่องอ๊อกซิเจนรอไว้อย่างพร้อมเพรียง  เพราะฉันอายุมากแล้ว  เพื่อนอายุใกล้เคียงกันเกิดอาการช็อคในช่วงผ่าตัด  หยุดหายใจไปชั่วขณะ  หมอปั๊มหัวใจช่วยชีวิตไว้ทัน  แต่ลูกขาดอ๊อกซิเจนชั่วครู่จึงทำให้เป็นโรคดาวน์ซินโดรม  ส่วนกรณีของฉันถ้าไม่ผ่าก็ต้องเสียชีวิตทั้งแม่และลูก  ฉันห่วงแต่ลูกที่มีแข็งความสมบูรณ์  อาจจะไม่ได้เกิดมาดูโลกสวยงาม จึงตัดสินใจให้หมอผ่าตัด  


    พยาบาลใช้ผ้าสีเขียวคลุมหน้าฉันไม่ให้เห็นภาพหวาดเสียวขณะผ่าตัด และเริ่มฉีดยาชาด้วยการบล็อคหลัง  รู้สึกเหมือนมีตะปูตัวโตๆแทงลึกผ่านกระดูกไขสันหลัง  เจ็บสุดๆแต่ก็ต้องทนเพื่อลูก  ฉีดยาชาประมาณ10กว่าเข็ม  ผ่านไปประมาณ20นาที  รู้สึกครึ่งตัวจากเอวไปถึงปลายเท้าหนัก  คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาชา  หมอทำความสะอาดบริเวณหน้าท้องอีกครั้ง  แล้วเริ่มใช้มีดผ่าตัดคมๆ กรีดจากผิวหนัง  ด้านนอกเจ็บพอสมควรแต่ทนได้  แต่พอเถือลงไปลึกๆเจ็บมาก  กรีดจากซ้ายไปขวาใต้สะดือเรียกว่าผ่าตัดบิกินี่  แผลจะอยู่ต่ำๆ เวลาใส่ชุดว่ายน้ำทูพีซจะมองไม่เห็นแผลเป็น   พอแผลเปิดกว้างเต็มหน้าท้อง  หมอก็อุ้มเด็กออกมา  เงียบไม่มีเสียงร้อง  ฉันใจหายใจคว่ำ ไม่นะคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น  แล้วหมอก็ยกขาทั้งสองของลูกชูขึ้นห้อยหัวลง  ตีก้นเบาๆ  เด็กร้องไห้จ้าดังลั่น  ฉันดีใจมาก  หมอบอกว่ารกพันคอเด็กจึงร้องไม่ออก  พยาบาลอุ้มมาให้ดู  ได้ลูกสาวนะ จมูกโด่งตาคมปากบางเฉียบ  แล้วนางพยาบาลก็อุ้มไปทำความสะอาด  เพราะตัวเด็กเต็มไปด้วยเลือดและน้ำคร่ำ  ฉันดีใจมากหายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง  หลังจากนั้นหมอก็เย็บแผลด้วยฝีมือประณีต  หลังจากแผลหายแทบไม่เห็นรอยผ่า  ถ้าหมอฝีมือไม่ดีแผลเป็นจะมีลักษณะนูนเหมือนตัวไส้เดือนเกาะบนพุง  เป็นแนวยาว  พักผ่อนประมาณ1สัปดาห์หมอให้กลับบ้าน  ความสุขสดชื่นอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง  ที่ครอบครัวเรามีตุ๊กตาตัวน้อยมาอยู่ด้วย  น้องเลี้ยงง่ายแข็งแรงกินเก่ง  พัฒนาการเร็ว ทั้งๆที่เราเป็นคนไทย  แต่คำแรกที่น้องพูดค่ือ "ปาป๊า" ก็ลูกเจ้าพ่อเสือนี่นา


    บอลลูนหัวใจ

    เมื่อมีอาการเจ็บเหมือนเข็มแทงที่หัวใจ  หมอให้ทำ EKG  อัลตราซาวน์หัวใจ  มอนิเตอร์ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เล็กๆแขวนให้ตรงกับหัวใจห้อยไว้ที่ไหล่  2 คืนเพื่อบันทึกการเต้นของหัวใจว่าผิดจังหวะหรือไม่  วิ่งสายพาน  ผลปรากฎว่าหัวใจตีบ  หมอนัดทำบอลลูน  พอถึงวันนัดนางพยาบาลให้กินยาละลายลิ่มเลือด 10 เม็ด  ฉีดน้ำเกลือวัดความดัน วัดการเต้นของหัวใจ  แล้วเข็นรถไปห้องผ่าตัด  ซึ่งมีอุณหภูมิเย็นจัด  พาไปห้องเล็กๆสำหรับทำความสะอาดร่างกาย  นางพยาบาลใช้แอลกอฮอล์เช็ดไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะเพศ  และยกปัตตาเลี่ยนขึ้นมา เปิดเครื่องเสียงดัง บรื๋อๆ  ฉันห้าม "พยาบาลจะทำอะไรคะ" เขาบอก "ต้องโกนขนให้หมดนะคะป้า"  ฉันถามต่อว่า "ทำบอลลูนที่แขนไม่ใช่หรือคะ"  เขาตอบว่า "ป้าคะ..คนไข้บางคนทำที่แขนกลัวมากจนเส้นเลือดหด  ทำไม่ได้ต้องเปลี่ยนไปทำที่หน้าขาค่ะจึงต้องเตรียมทำความสะอาดล่วงหน้า"   


    เมื่อทำความสะอาดเสร็จ เขาก็มูฟฉันไปที่เตียงผ่าตัด  รอสักครู่คุณหมอชาญวัฒน์  ปิตินันท์  ผู้เชี่ยวชาญและเมตตาก็เดินเข้ามานั่งข้างๆเตียงคนไข้  ยกมือไหว้  "สวัสดีครับคุณป้า ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บหรอก ผมจะทำให้ดีที่สุด"  แล้วท่านก็ฉีดยาชาเข้าเส้นเลือด  รู้สึกเจ็บมากๆเหมือนมีเข็มขนาดใหญ่สอดเข้าไปในเส้นเลือด  คิดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับสอดเข้าไปตามเส้นเลือด  จากข้อมือขวา  ผ่านไปยังหัวไหล่ซ้ายเรื่อยลงไปถึงหัวใจ  ก็คิดว่าถ้าเกิดaccident หัวใจขี้เกียจทำงาน  เราคงไม่รอด  แต่ก่อนเข้าห้องผ่าตัดก็นิมนต์พระแขวนคอหลายวัด  เจ้าคุณนร  เจ้าแม่กวนอิม พ่อท่านคล้าย  หลวงพ่อทวด  ตั้งนะโม3จบ  สวดชินบัญชรอย่างสั้น 9 จบ   ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้การผ่าตัดครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยเพราะคนไข้บางคนกลัวจนเส้นเลือดหด   หมอต้องดึงอุปกรณ์ออกมาและเปลี่ยนไปทำที่หน้าขา  ต้องเจ็บหลายครั้ง ซึ่งหน้าขามีระยะยาวกว่าทำจากแขน  และต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด  ของนางพยาบาลที่ห้องผู้ป่วยรวม  ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดระบาดหนัก  ฉันเป็นห่วงลูกสาวผู้เฝ้าไข้ กลัวจะติดโควิด  จึงพยายามอดทนให้ทำที่แขนให้สำเร็จ  จะได้นอนห้องพิเศษ  ระหว่างที่หมอสวนหัวใจ  ท่านจะดูการปฎิบัติงานจากจอโปรเจ็กเตอร์ขนาด 12 ตารางเมตร  


    ก่อนเข้าห้องผ่าตัดฉันกลัวมาก เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญที่สุด  มันอยู่ใกล้กับความตาย  แต่การรักษาของหมอที่ทำให้ฉันมั่นใจในฝีมือ ท่านค่อยๆสอดเข็มยักษ์อย่างทะนุถนอมลงไปในเส้นเลือดเหมือนกับจิตรกรกำลังบรรจงวาดภาพที่สวยสดงดงามด้วยความประณีต   รู้สึกอุ่นใจในความคล่องแคล่ว   มือฉมังแม่นยำ  ในการรักษา  เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ  คุณหมอพูดว่า "เสร็จแล้วครับคุณป้า"  เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์  ที่ข้อมือซ้ายมีการใช้เครื่องมือขันชะเนาะอุดเส้นเลือดไม่ให้เลือดไหล  และดามช่วงแขนด้วยพลาสติกหนาและแข็ง  ฉันยกมือไหว้คุณหมอ "ขอบคุณนะลูก ที่ช่วยให้ป้าปลอดภัย ขอให้มีความสุขความเจริญตลอดไปนะ"  แล้วเจ้าหน้าที่ก็มาเคลื่อนย้ายตัวฉันออกจากเตียงผ่าตัด  ไปสู่เตียงสำหรับห้องพัก  เมื่อไปถึงห้องพักมีนางพยาบาล2คน มาเฝ้าดูการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต  อย่างใกล้ชิด  คอยใช้เครื่องเป่าลมไม่ให้เลือดไหลทั้งคืน  


    พอรุ่งเช้าคุณหมอใจดีเข้ามาตรวจ  บอกว่า "อาการปกติกลับบ้านได้ครับ" ฉันให้ลูกไปเคลียร์การเงินและรับยา  ระหว่างที่ฉันอยู่ห้องคนเดียวมีอาการลิ้นจุกปากพูดไม่ได้  ในใจก็สวดชินบัญชรไปเรื่อย  จนลูกไปไม่นานก็กลับมา  ถามว่า "แม่เป็นอย่างไรบ้างคะ"  ฉันไม่ตอบเพราะพูดไม่ได้ แต่ใจก็ยังสวดไปเรื่อยๆ  สักพักใหญ่ก็พูดได้ปกติ  จึงให้นางพยาบาลโทรตามพนักงานมาเข็นรถพากลับไปส่งเพื่อกลับบ้าน  ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ที่คุ้มครองให้ฉันปลอดภัยจากวิกฤติชีวิตครั้งนี้

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in