เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จี้จุด สุดมันส์oasistebto
คารวะวิญญาณห่วงใย
  • สายพิณ ที่ชื่อสายพิณเพราะมีเสียงไพเราะเหมือนเสียงพิณ น้องสาวคนเล็กของฉัน ผิวขาว ตาคม ผมหยักศก  ใจกว้างชอบช่วยเหลือผู้อื่น  ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ไกลถึงแปดริ้ว แต่เขาก็มาช่วยงานแต่งงานลูกสาวฉันที่นครศรีธรรมราชอย่างเต็มที่  ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสวยหรือชุดแต่งงาน  เขาเป็นคนขยัน  เปิดร้านเสริมสวยและขายผลไม้  ฉันจะไปเยี่ยมเขาช่วงปิดเทอม  


    หลายปีต่อมา  เขาเสียชีวิตตั้งศพที่วัดเซนต์ปอล  พอรู้ข่าวรีบไปที่วัด  พอเดินไปถึงประตูได้กลิ่นเหม็นเหมือนหนูตาย  คละคลุ้งโชยมาใกล้ๆ  ทั้งๆที่รอบบริเวณหน้าวัดเป็นสถานที่โล่งเตียนไม่มีหนูสักตัว  น้องคงมาทักทาย  ฉันก็เดินไปเคารพศพที่กลางโบสถ์  น่าแปลกไม่มีกลิ่นใดๆเลยทั้งๆที่อยู่ใกล้โลงศพที่สุด   "พี่มาหาน้องแล้วนะ ขอให้พักผ่อนให้สบาย เหนื่อยมามากแล้ว"  อยู่สักพักฉันก็เปลี่ยนมานั่งที่เก้าอี้ตัวยาวสำหรับผู้มาร่วมพิธี  รอสักครู่ใหญ่ๆพิธีมิสซาก็เริ่มขึ้น  บาทหลวงพร้อมเด็กผู้ช่วยอายุประมาณ 9 ขวบ 3 คน  ถือไม้กางเขน  หม้อกำยาน(ผงหอม) ถ้วยน้ำเสก ยืนสวดและทำพิธีหน้าโลงศพ  ขณะที่ทำพิธีอยู่นั้น  เด็กชายคนนึงมีอาการชักกระตุกตากลับ  ล้มลงไปนอนที่พื้น  หมดสติ  คริสต์ชนช่วยพาไปปฐมพยาบาล  ก่อนที่เด็กคนนั้นจะมีอาการชักกระตุกเขามองมาทางฉันและยิ้มเหมือนคนสนิทสนมกัน  ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันเลย 


    หลังจากเสร็จพิธีมิสซา ก็มีการแห่ศพไปฝังที่สุสาน  ไม่ไกลจากโบสถ์  ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าทำด้วยปูนหินขัดก่อเป็นลักษณะคล้ายโลงศพ  ยกพื้นสูง  ด้านหลังเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมเพื่อที่จะนำโลงศพเลื่อนเข้าไปแล้วโบกปูนปิดฝาผนัง  ด้านบนของโลงศพที่เป็นปูน จะแกะสลักเป็นรูปไม้กางเขนใหญ่โต  ด้านหน้าจารึกชื่อนักบุญและชื่อนามสกุลผู้ล่วงลับซึ่งทำด้วยหินอ่อน   พี่เขยเปิดโลงดูและเอามือจับไปตามตัวของภรรยา  "ตัวยังนิ่มอยู่เลย  ทั้งๆที่เสียชีวิตมา3วันแล้ว" หลังจากนั้นก็ปิดโลงศพ บาทหลวงทำพิธีสวดอีก1รอบ ใช้น้ำเสกประพรมไปบนโลงจนทั่ว  บรรดาญาติทำพิธีฝังศพด้วยการเอาห่อดินทำเป็นลูกประคบขนาดเท่าหัวแม่มือผูกโบว์สีดำ วางไว้บนโลงศพพร้อมช่อดอกไม้สด  ก่อนอำลาญาติๆก็เสียน้ำตาครั้งใหญ่อีกครั้ง


    วันต่อมาฉันเดินทางกลับนครศรีธรรมราชด้วยรถไฟ  เวลา1ทุ่ม ขณะที่ฉันกับลูกสาวขึ้นไปนั่งบนรถไฟ  ก็มีกลิ่นเหม็นหนูตายพุ่งเข้ามาปะทะจมูก  ฉันก็มองหารอบๆไม่เห็นมีสัตว์ตายสักตัว  ก็เลยพนมมือพูดไปว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะน้อง  ชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีกนะ ให้วิญญาณน้องไปสู่สุคติ" แล้วกลิ่นก็หายไป...  


    สามีเคยทำงานสหกรณ์นิคมเขาขาว ทุ่งสง  ซึ่งมีบ้านพัก2ชั้นขนาดใหญ่เก่าคร่ำคร่าหลาย10ปี  ประมาณ10หลัง  รวมทั้งบ้านของเพื่อนสนิท  "พี่คำนึง"  ผู้มากด้วยน้ำใจ  ชวนสามีไปทานอาหารที่บ้านเขาทุกวัน  เพราะฉันทำงานอยู่ในตัวจังหวัด ห่างกันประมาณ60กิโล  จึงต้องไปพักที่นั่น ฉันเคยไปที่บ้านพัก ตอนเย็นสามีพาลูกสาวไปบ้านพี่คำนึง ส่วนฉันทำกับข้าว อยู่ชั้นล่าง ประมาณทุ่มกว่าท่ามกลางไฟสลัว  ได้ยินเสียงเดินบนชั้นสอง ที่เป็นพื้นไม้เก่าๆเสียงเดินวนเวียนไปมา ฉันก็สงสัยว่าเป็นเสียงใครเพราะฉันอยู่เพียงคนเดียว ตัดสินใจวิ่งไปหาสามีเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง  เขาก็กลับมาบ้าน  เดินไปดูชั้นบนไม่มีใครอยู่สักคน  คืนนั้นเราจำเป็นต้องนอนเพราะห้องนอนอยู่ข้างบน  รุ่งเช้ารีบกลับนครและไม่ไปอีกเลย 


    สามีย้ายไปจังหวัดตรัง  ช่วงวันหยุดก็พาครอบครัวไปเยี่ยมพี่คำนึงที่แสนดีบ่อยๆ  วันนั้นเราไปเหมือนเดิม  คุยกันสนุกสนานและทานอาหารร่วมกันจนใกล้ค่ำก็ลากลับ  เพื่อที่จะไปเยี่ยมเพื่อนอีกบ้านหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากตรงนั้น  ด้วยความโอบอ้อมอารี  พี่เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามอารักษ์ขา กลัวคนเมาจะอาละวาดทำร้ายครอบครัวเรา   โดยตามมาส่งถึงบ้านเพื่อนอีกคน  คุยกันสักพักใหญ่ก็ลากลับ  พี่คำนึงมายืนอยู่ที่หน้ากระจกรถ  บอกว่าลาก่อนนะน้อง ขอให้เดินทางปลอดภัย  ซึ่งเราไม่คิดว่าจะเป็นการลาครั้งสุดท้าย  ที่จะไม่ได้พบกันอีก  พี่คำนึงขี่รถออกไปแล้ว  เราคุยต่อกับเพื่อน10นาที  มีคนแถวนั้นมาบอกว่าพี่คำนึงถูกรถบรรทุกชนตรงหัวโค้ง  สามีให้ครอบครัวลงไปนั่งรอที่บ้านเพื่อน แล้วเขาก็ขับรถอย่างรวดเร็วไปหาพี่คำนึง  พอเห็นศพก็ร้องไห้โฮ  คอหัก ตามเนื้อตัวมีบาดแผล เลือดสาดเต็มไปหมด  มอเตอร์ไซค์แตกกระจายเป็นเศษเหล็ก  แล้วสามีก็ขับรถมารับพวกเรากลับบ้าน  บ่นไปตลอดทางว่าพี่คำนึงตายเพราะขับรถมาส่งเราแท้ๆ ถ้าไม่มาส่งก็คงไม่ตาย  ฉันต้องปลอบใจว่า "เป็นเพราะชะตาฟ้ากำหนด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อย่าคิดมาก พี่เขาไปสบายแล้ว"  


    วันเผาศพ  รถจอดหน้าประตูรั้ววัด  กลิ่นเหม็นคลุ้งมากระทบจมูก  สามีบอกว่า" ผมมาหาพี่แล้วครับ  ขอให้หลับให้สบาย ชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้มาพบเจอกันอีก ขอให้พี่ไปสู่สัมปรายภพ" แล้วกลิ่นก็หายไป คงเป็นห่วงเรา   เราไปเดินไปถึงศาลาตั้งศพ  มีแต่กลิ่นธูปกับดอกไม้  หลังจากพระสวดเสร็จ  สามีและญาติของพี่คำนึงช่วยกันยกโลงศพไปตั้งไว้บนเมรุ    มีการอ่านประวัติเกียรติคุณความดี  ของพี่หลายหน้ากระดาษซึ่งเป็นความจริิงทั้งสิ้น  แล้วญาติมิตรนำไม้จันไปวางไว้บนพานทองใบใหญ่ใกล้โลงศพ แล้วพิธีเผาก็เริ่มขึ้น  เสร็จพิธี  พวกเราก็เดินทางไปที่บ้านงานศพ  ประมาณ6โมงเย็น ขณะที่ญาติๆกำลังคุยกันอยู่  รวมทั้งพวกเราด้วย  มีเสียงหมาหอนรับเป็นทอดๆ  มาจากทางวัด  จนมาสิ้นสุดที่หน้าบ้านงาน  และหยุดหอน  พี่คำนึงคงมาส่งพวกเรา  แล้วเราก็ลากลับ  ไปนครศรีธรรมราช ด้วยใบหน้าเศร้าหมองที่ต้องมาสูญเสียบุคคลที่ดีมีน้ำใจ โอบอ้อมอารี อันเป็นที่รักและเคารพไป อย่างไม่มีวันกลับ  ...  

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in