"วัดน้ำรอบ" คลองผ่านรอบวัด ทัศนียภาพร่มรื่นเย็นฉ่ำ อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ฉันเลือกที่จะตั้งค่ายผู้บำเพ็ญประโยชน์ม.2 กิจกรรม 3วัน2คืน เพราะมีโลเคชั่นเหมาะที่จะทำฐานกิจกรรม "ฐาน sky line" คาดเชือกมะนิลาขนาดใหญ่ ผ่านต้นไม้ต้นโตๆ2ต้นมีระยะห่างกัน 20 เมตร ทำ2ชั้น ชั้นล่างสูงจากผิวน้ำคลอง 1 ฟุต ชั้นบนห่างจากชั้นล่าง 1เมตร ระหว่างผจญภัย นักเรียนผู้หญิงจะเดินจากต้นทางถึงปลายทาง ถ้าเดินไม่เป็นจับราวบนไม่แน่นอาจจะตกน้ำซึ่งลึกแค่เอว
กิจกรรมดำเนินไปจนถึงคืนที่2 หลังจากเลิกแคมป์ไฟก็อ่อนเพลียกันทั้งครูและนักเรียน 4ทุ่มไหว้พระเข้านอน ตี1 ฉันปวดอุจจาระ รีบวิ่งไปเข้าส้วมวัดห่างจากที่พักประมาณครึ่งกิโลเมตร ระหว่างทางไร้แสงไฟเพราะเป็นวัดเล็กๆรายได้น้อยต้องประหยัด วิ่งพรวดพราดเข้าไปจัดการปลดทุกข์ทันที "เฮ้อ..สบายแล้ว" พลันได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วมาแต่ไกล เพลงเขมรไทรโยค เพลงค้างคาวกินกล้วย เพลงลาวดวงเดือน ด้วยความอยากรู้แง้มประตูส้วมชะเง้อดู เห็นเด็กหญิงชายอายุประมาณ3ขวบ นุ่งโจงกระเบน ผู้หญิงใส่เสื้อคอกระเช้า ไว้ผมจุก บางคนปล่อยผมยาว ผู้ชายใส่เสื้อคอกลม ไว้ผมเปีย ผมโก๊ะ ผมจุก กำลังเล่นอย่างสนุกสนาน ใกล้ๆเจดีย์สถูป โกฐเก่าๆ เต็มไปด้วยคราบดำของเชื้อรา ไม่สนใจใครเล่น "ขี่ม้าส่งเมือง" คนข้างบนนั่งบนไหล่คนข้างล่างที่หัวขาด "ลิงชิงบอล" ใช้หัวคนแทนลูกบอล "ขี่ม้าก้านกล้วย" ใช้ขาคนแทนก้านกล้วยแล้วลากไป "หมากเก็บ" ใช้กระดูกนิ้วคนแทนลูกหิน เด็กๆหัวเราะ เสียงโหยหวน น่ากลัวจับขั้วหัวใจ ฉันเพ่งมองพวกเขา เพราะขาถูกล็อคไม่ให้วิ่งหนี เด็กบางคนตาโบ๋ แลบลิ้นยาว ผิวซีดเผือดเหมือนคนตายแล้วไม่มีสีเลือด "ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!" ขาเดินไม่ได้ เข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นส้วม
จนรุ่งสางภาพที่น่ากลัวทั้งหมดก็หายวับไปกับตา คงกลัวแสง เพื่อนๆมาเข้าห้องน้ำถามว่าเป็นอะไร "ท้องเสียหรือจึงลุกไม่ไหว" ฉันไม่ตอบ ไม่อยากให้เขากลัว แล้วเราก็พาคณะนักเรียนกลับโรงเรียน ด้วยความอกสั่นขวัญผวา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in