เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
everyday 99Immie Borwornwiwat
จุดเริ่มต้นที่สอง

  • จากนั้นฉันถามตัวเองว่าฉันมาถึงจุดที่เป็นสะพานทอดให้หมาไปสู่ชีวิตใหม่เป็นร้อยๆ ตัวได้ยังไง

    มนุษย์ส่วนใหญ่ต่างมองไม่เห็นค่าคนอื่นนอกจากค่าชีวิตตัวเอง

    แต่ฉันมองไม่เห็นค่าชีวิตตัวเองมาตั้งแต่ต้น

    ฉันพบว่าตัวเองต้องเจอกับความเศร้าอยู่ทุกวัน ตั้งคำถามเสมอว่าตัวเราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อทำอะไร จะเกิดมาให้รกโลกทำไม มนุษย์เกิดมาตั้งมากมายแล้วตายไปโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ ฉันจะเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า นั่นสิ แล้วฉันเกิดมาทำไม... คำถามเดิมที่วนซ้ำไปมาอยู่ทุกวัน มันเป็นคำถามที่ทุกวันนี้ยังหาคำตอบดีๆ ไม่ได้

    ฉันยังคงจะหาคำตอบไปเรื่อยๆ

    การได้เข้ามาช่วยหมา มันทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมีค่าขึ้น อย่างน้อยหนึ่งชีวิตของเราก็สามารถช่วยอีกหลายๆ ชีวิตที่คนอื่นมองไม่เห็นค่า ฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันคือการทำความดีและฉันต้องทำความดีนั้น ฉันแค่รู้สึกดีเมื่อรู้ว่าเราสามารถเปลี่ยนชีวิตหนึ่งจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ชีวิตฉันมีค่าขึ้นมา

    ปรากฏว่าไม่ใช่หมาหรอกที่ได้รับความช่วยเหลือจากฉัน

    เป็นฉันต่างหากที่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกหมา

    เชื่อไหมว่าอาสาเพื่อสัตว์จรจัดและถูกทิ้งส่วนใหญ่... เป็นผู้หญิง

    ฉันมีสังคมอาสาด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งหมดไม่ว่าจะหน้าใหม่หน้าเก่า

    สงสัยผู้ชายคงจะไปทำงานเป็นกู้ภัยหมด (ฮา)

    มานั่งนึกอยู่นานว่าทำไมถึงเป็นผู้หญิงส่วนมากที่ก้าวเข้ามาทำงานด้านนี้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะจิตใจของสตรีอ่อนโยนมากกว่าผู้ชาย เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ทำงานเพื่อสิทธิ์เด็กและสตรีนั่นแหละ ผู้หญิงมักเห็นใจเพศหรือบุคคลที่อ่อนแอกว่า กรณีนี้ใช้ได้แบบเดียวกับสุนัข พวกเขาอ่อนแอยิ่งกว่าเด็กเสียอีก

    มีคลิปหนึ่งเป็นวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์เด็กวัย 3-4 ขวบ อุ้มลูกหมาแล้วโยนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยมีพ่อเป็นคนถ่ายคลิปและแม่เป็นผู้ยุยง เจ้าหมาน้อยเป็นผู้ที่น่าสงสารมากที่สุด รองลงมาคงเป็นเด็กน้อยคนนั้น เขาถูกปลูกฝังให้ไร้ความเมตตาตั้งแต่ยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าโตขึ้นมาเขาจะคิดได้หรือกลายเป็นคนทารุณสัตว์ต่อไป

    ฉันทำงานช่วยพวกเขาต่างแต่สถานการณ์จะเอื้ออำนวย

    เริ่มจากเรื่องราวโง่ๆ เรื่องแรกๆ ของตัวเอง... ปีนั้นพื้นที่ในกรุงเทพประสบภัยน้ำท่วมหนักมาก (คงจำกันได้ดีกว่าปีอะไร) ฉันไปที่กรมปศุสัตว์ด้วยจิตอาสาแรงกล้า แล้วเงิบด้วยคำถามของเจ้าหน้าที่ที่ถามว่าเป็นนักศึกษาสัตวแพทย์เหรอ

    โห นั่นอาชีพในฝันเลยนะ เลยพยักหน้า (ไม่ได้โกหกนะ มันเป็นแค่ร่างกายชักกระตุกด้วยความตื่นเต้น) แต่ไงล่ะอยากซ่าดีนัก วันนั้นโดนหมากัดเฉี่ยวๆ ที่นิ้ว เลือดออกเป็นทาง หมาฉีดยาหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ปัจจุบันคนยังไม่ได้ฉีด... แล้วฉันก็ไม่ไปที่นั่นอีกเลยเพราะกลัวความแตก

    กลับมาตั้งสติดีๆ แล้วเริ่มต้นใหม่อีกรอบหลังจากพ้นช่วงน้ำท่วมไป....

    ช่วงแรกฉันไปลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ สถานที่แรกคือวัดสวนแก้ว จากนั้นก็ไปทั่วไปหมด บางทีก็แวะไปวัดสวนแก้ว ช่วยป้าที่ดูแลล้างพื้นแล้วให้อาหารเด็กๆ เคสแรกของฉันที่ทำร่วมกับอาสาก็เหมือนจะเอาหมาออกมาจากวัดนั้น ฉันตั้งชื่อมันว่า ตาแป๋ว มันเป็นลูกสุนัขสีขาวผอมหนังหุ้มกระดูกแต่ดวงตาใสแวววาวดูฮึดสู้ ตอนนี้มันได้บ้านดีๆ โตอ้วนพลีไปแล้ว

    ต่อมาฉันกลายเป็นบ้านพักพิงของเด็กๆ ฉันไปรับลูกหมาที่เดือดร้อนโดนไล่ที่จากจุดต่างๆ มาดูแลที่บ้าน ถ่ายรูป ตั้งชื่อ แล้วโพสหาบ้านในเฟซบุ๊กของตัวเอง ได้บ้านก็นัดส่งตัวตามจุดต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายสะดวก ถ้าโชคดีหน่อยเจ้าของใหม่ก็ขับมารับถึงที่บ้าน หนักสุดของงานนี้คือเคสเดือนเมษาปี 2556 บ้านฉันมีลูกหมาเกือบ 30 ตัว จากโรงพยาบาลตำรวจ สลัมหลังเซ็นทรัลเวิล์ด แม่หมาลูก6จากพงหญ้าแถวรามอินทรา กับลูกหมาอีกครึ่งที่รับปากจะช่วยดูแลกับอาสาอีกคน มันเป็นงานที่เหนื่อยมาก เด็กๆ ถ่ายกันไม่เป็นที่ พ่อทำคอกเหล็กเป็นล็อคๆให้ เราต้องคอยล้างพื้นทุกวัน แต่ทุกอย่างมันเบาไปเลยเมื่อมาถึงจุดของ “ไข้หัด”

    มันคงมีลูกหมาสักตัวของครอกใดครอกหนึ่งเป็นหัด นั่นทำให้เชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้ว่ามีลูกหมาเป็นหัด ตอนนั้นเด็กๆ ที่บ้านก็เหลือไม่ถึง 10 ตัว หัดเป็นเชื้อที่แพร่ไว เป็นแล้วไม่หาย(จากปากของหมอ) รพส. ส่วนใหญ่ไม่รับแอดมิดหมาที่มีเชื้อหัด เพราะฉะนั้นทางเดียวที่หมาจะรอด คือเจ้าของต้องลุยเอง

    ฉันยังจำได้ดีว่าตัวเองนั่งเสิร์ชอินเทอร์เน็ตแล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อยาบ่อยแค่ไหน ฉันป้อนยาหมาทุกตัวเช้าเย็น หมาที่อาการหนักต้องขังแยกแล้วป้อนสามเวลา เจ้าของใหม่บางคนโทรมาแจ้งอีกทีว่าหมาเขาตายแล้ว ในตอนนั้นในใจท้อมาก แต่สิ่งเดียวที่บอกกับตัวเองคือ ท้อไม่ได้ ถ้าฉันท้อเท่ากับว่ามันตาย

    พี่อาสาเห็นใจจึงมารับแบ่งไปช่วยป้อนยาอีกแรง ทางเขาเป็นตึกแถวที่เช่าไว้ดูแลหมาป่วยโดยเฉพาะ นับว่าเป็นโชคดีของเด็กๆ พวกเขารอดตายและได้บ้านใหม่ไป จนในที่สุดหมาทุกตัวในบ้านของฉันก็มีชีวิตรอดร่างกายแข็งแรงผ่านพ้นไปด้วยดี นั่นเป็นบทเรียนราคาแพงที่เต็มไปด้วยประสบการณ์


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in