เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คิมินะระ เดะคิรุโยะjoonjaiii
งานทำมือของพวกเรา
  • เราเริ่มคุ้นเคยกับการทำงานที่นี่บ้างแล้ว 

    ไม่กี่วันหลังจากเริ่มงาน พี่ ๆ ก็ให้โจทย์งานใหม่ ๆ นอกเหนือจากงานบรรณารักษ์ด้วย งานนั้นก็คือ ทำบรรณนิทัศน์หนังสือนิทาน 20 เล่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาววรรณกรรมสำหรับเด็กทุกคนคุ้นเคยกันดี เพราะเราเคยทำบรรณนิทัศน์ส่งคุณครูในวิชาบันเทิงคดีสำหรับเด็กที่เรียนตอนปีสองมาแล้ว พี่ ๆ ให้เราเลือกนิทานที่เราชอบมาเขียนเรื่องย่อ ผู้แต่ง ผู้แปล ผู้วาดภาพประกอบ แล้วก็หาว่าแก่นเรื่องของแต่ละเรื่องคืออะไร นอกจากนี้ก็มีงานวิเคราะห์หนังสือที่พี่ ๆ จะให้วิิเคราะห์ลงในเพจ เพื่อให้ผู้ติดตามที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองอ่านเป็นความรู้ 

     ในห้องสมุดจะมีมุมหนึ่งเป็นมุมหนังสือภาษาต่างประเทศ เป็นพวกหนังสือภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส ลาว ฯลฯ หนังสือมุมนี้มีแค่บางเล่มที่มีอาสาสมัครรับไปแปลเป็นภาษาไทย แต่ก่อนที่เราจะนำหนังสือที่แปลแล้วเข้าชั้นหนังสือ จะต้องผ่านขั้นตอนบรรณาธิการกิจก่อน เราได้ลองทำบรรณาธิการกิจหนังสือภาษาต่างประเทศด้วยเหมือนกัน พี่จะให้หนังสือนิทานที่แต่ละหน้าจะมีโพสต์อิทแผ่นเล็ก ๆ ที่อาสาสมัครเขียนคำแปลภาษาไทยไว้ โพสต์อิทเหล่านั้นจะแปะทับตัวหนังสือที่เป็นภาษาต่างประเทศ แล้วพี่ก็จะให้เอกสารที่พิมพ์คำแปลภาษาไทยไว้ให้เรียบร้อยแล้วให้เราเขียนแก้ เราได้เรียนรู้สัญลักษณ์ที่บรรณาธิการใช้ในการแก้ภาษาด้วย พี่บอกว่าเวลาแก้ต้องใช้เวลาในการอ่านหลาย ๆ รอบเพราะเราไม่ได้แค่ดูว่าคำไหนเขียนผิด แต่ต้องแก้ภาษาที่ใช้ให้ถูกต้องและเหมาะกับเด็ก ๆ ด้วย 
    เรื่อง เกลือเค็ม (เล่มซ้าย) เรื่อง เราเป็นเพื่อนกันนะ (เล่มขวา)
    สองเรื่องนี้เป็นงานที่ค่อนข้างท้าทายมากเพราะเราไม่เคยทำบรรณาธิการกิจมาก่อน เรารู้แค่ว่าคนที่ทำงานนี้ต้องเก่งภาษามาก ๆ ต้องตาไวคิดไว  (ซึ่งเราก็ไม่ได้เป็นคนไวขนาดน้าน)  และต้องมีความรู้ในเรื่องที่อ่านด้วย ตามภาพที่เราแปะไว้ เล่มซ้ายจะเป็นสารคดีสำหรับเด็กภาษาเกาหลีเกี่ยวกับเกลือที่ทำจากน้ำทะเล คนแปลเป็นคนเกาหลีที่เรียนภาษาไทยแล้วอาสาแปลให้ ส่วนเล่มขวาเป็นนิทานภาษาญี่ปุ่นเกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อน เรื่องนี้มีคนเคยทำบรรณาธิการกิจไว้ก่อนแล้ว ตามต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นตัวละครร้องเพลงในตอนจบของเรื่อง พี่ก็เลยให้เราแต่งกลอนจากเพลงนั้น (ก็คือมีแปลเป็นประโยคภาษาไทยให้ แล้วเราก็เอาไปแต่งกลอน) ที่บอกว่าท้าทายไม่ใช่เรื่องหยอก ๆ นะจ๊ะ มันท้าทายจริง ๆ แต่ก็เป็นงานที่สนุกและได้ลองทดสอบตัวเองเรื่องการใช้ภาษาและพวกความรู้ทั่วไปด้วย 

    ในมุมเดียวกันกับหนังสือภาษาต่างประเทศ จะมีจุดที่จัดนิทรรศการหนังสือตามตีมที่กำหนดไว้ ตีมแรกที่เรากับเพื่อนช่วยกันทำเป็นตีม Space หรือ อวกาศนั่นเอง พวกเราก็จะจัดหาหนังสือที่เนื้อหาอวกาศหรือใกล้เคียงกับอวกาศที่สุดมาจัด ซึ่งเวลาที่เด็ก ๆ มาดูหนังสือที่มุมนี้ก็มีหลายคนหยิบยืมกลับบ้านไปด้วยเหมือนกัน 

    เรากับเพื่อนช่วยกันตกแต่งผนัง เราทำดาวเสาร์กับดวงจันทร์ 

    อีกหนึ่งภารกิจที่เด็กฝึกงานจะได้ทำคือ โรงพยาบาลหนังสือ พี่ ๆ ที่ห้องสมุดบอกว่า โรงพยาบาลหนังสือคือกล่องสำหรับใส่หนังสือชำรุดของห้องสมุด พี่ ๆ จะเปลี่ยนโรงพยาบาลหนังสือทุกปี ปีที่แล้วมีเด็กฝึกงานมาฝึกที่นี่เขาก็ต้องทำโรงพยาบาลหนังสือให้ห้องสมุดด้วยเหมือนกัน มาปีนี้ก็ถึงตาเราที่ต้องทำบ้าง แต่เราแปลงโฉมให้ใหม่จาก โรงพยาบาลหนังสือ เป็น รถพยาบาลหนังสือ 

    รถพยาบาลหนังสือคันนี้กำลังจะออกเดินทางพาคุณหนังสือไปหาคุณหมอแล้วล่ะ !

    พี่ที่ห้องสมุดบอกว่าสีของรถเหมือนสีของมิกกี้เมาส์เลย ตอนแรกก็ไม่คิดว่าเหมือน แต่พอบอกเหมือน มันก็ดูเหมือนจริง ๆ 555 หลังจากที่เราทำเสร็จแล้วเราก็จะเอาไปวางไว้ที่ห้องนกน้อยปราดเปรียวไว้ให้เด็ก ๆ เอาหนังสือชำรุดมาใส่ไว้ เดี๋ยวพี่ ๆ ชาวดรุณจะเอาไปซ่อมให้ วิธีซ่อมหนังสือมีอยู่หลายวิธีเลย เพราะหนังสือแต่ละเล่มเข้าเล่มไม่เหมือนกัน สำหรับเราหนังสือที่ซ่อมยากที่สุดจะเป็นกลุ่มหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนา ๆ เช่น หนังสือสารคดีที่แถมลำโพงกับปุ่มเล็ก ๆ ให้กดฟัง เวลาที่ลำโพงเสียก็ต้องค่อย ๆ เอาออกมาจากเล่มก่อนถึงจะซ่อมได้ กับกลุ่มหนังสือที่ซ่อมจนเนื้อกระดาษตรงสันแถมไม่เหลือให้ซ่อมแล้วแต่ก็ต้องหาวิธีซ่อมให้หนังสือกลับมาดูดีที่สุด

    ถึงงานซ่อมหนังสือจะไม่ได้เป็นงานที่เราทำบ่อยที่สุดในช่วงฝึกงาน แต่ก็เป็นงานที่เราชอบมาก ๆ งานหนึ่งเลย เพราะหนังสือชำรุดที่เราเอามาซ่อมส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่เด็ก ๆ ชอบอ่านและยืืมกลับบ้าน สภาพหนังสือเลยยับยู่ยี่พร้อมหลุดติดมือตลอดเวลา การซ่อมหนังสือทำให้เรายังไม่อยากให้หนังสือเล่มไหนจากเราไปก่อน เพราะบางเล่มก็เป็นเล่มที่หาซื้อไม่ได้แล้วจริง ๆ 

    เราคิดว่าถ้าหนังสือที่เราเอามาซ่อมมันมีชีวิต มันคงอยากจะพูดกับเราว่าช่วยทำให้ฉันกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมด้วยนะ ฉันอยากให้เด็ก ๆ หยิบฉันมาอ่านแล้วก็พาฉันกลับบ้าน แต่บางทีการซ่อมหนังสือไม่ได้ทำให้สภาพกลับมาเหมือนใหม่ทั้งหมดซ้ำยังทำลายเนื้อกระดาษของหนังสือด้วย เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ยืมหนังสือจากห้องสมุดไม่ว่าจะเป็นหนังสือเล่มไหนก็ขอให้ทุกคนรักษาหนังสือดี ๆ ให้พวกเขาอยู่ให้คนอื่นยืมต่อไปนาน ๆ ด้วยนะ 




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in