วิชาฝึกงาน เป็นวิชาที่นิสิตนักศึกษาทุกคนจะได้ประสบการณ์จากการฝึกงาน บางคนคิดไว้แล้วว่าชอบทำงานแบบไหน บางคนก็เลือกทำงานในแบบที่ตัวเองถนัดที่สุดแต่ก็ยังไม่รู้ว่าชอบที่สุดแล้วหรือยัง เราเป็นหนึ่งในคนที่รู้แล้วว่าตัวเองชอบและถนัดแบบไหน
เราลิสต์สถานที่ฝึกงานไว้สำหรับตัวเอง ผลโหวตที่ได้คือ โรงเรียน และ ห้องสมุด สิ่งที่ทำให้เราเลือกก็เพราะเรารู้ว่าถ้าไปโรงเรียนก็จะได้เจอเด็กอนุบาล (ซึ่งความจริงเราไม่ได้ชอบเด็กขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเด็กนะ แหะแหะ) และได้บรรยากาศคึกคักเพราะจะได้เจอคนมากมาย แต่ถ้าเราไปห้องสมุดเราก็จะได้เจอหนังสือ บรรยากาศสงบ กลุ่มที่เจอก็เป็นเด็ก ๆ และพ่อแม่ผู้ปกครอง
เราจึงมาตั้งโหวตอีกทีว่าจะไปสมัครฝึกงานที่ไหนดี คิดไปคิดมา เราก็เลือก "โรงเรียน" เป็นอันดับ 1 จากนั้นเราก็ส่งหนังสือขออนุญาต ประวัติส่วนตัว และแฟ้มสะสมผลงานของเราไปยังโรงเรียนที่เราตั้งใจจะไปฝึก
และรอการตอบกลับประมาณสัปดาห์ถึงสองสัปดาห์ให้หลัง
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563
โรงเรียนที่เราตั้งใจจะไปสมัครฝึกงานคือ โรงเรียนแถวบ้านที่เราเคยเรียนช่วงอนุบาลจนถึงประถม หลายปีที่เราเรียนอยู่ที่นั่น เราก็คิดว่าเป็นโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีอุปกรณ์การเรียนครบครัน เราได้เจอคุณครูที่เราเคยเรียนด้วยตอนที่เรายังเป็นเด็กน้อย รวมถึงโรงเรียนนี้ก็ไม่ได้ไกลจากบ้านเรามาก ถ้าสมมติว่าเราได้ฝึกงานที่นี่จริง เราคงมีความสุขในการเดินทางไปฝึกงาน ในช่วงบ่ายของวันนี้เอง เราได้รับโทรศัพท์จากทางโรงเรียน เราตื่นเต้นมาก คิดว่าต้องมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแน่ ๆ ใช่แล้ว เรื่องดี ๆ ที่ว่าก็คือ เขาโทรมาบอกว่าจะรับเราเข้าฝึกงานที่นี่แน่ ๆ เลย
เรารับสายจากทางนั้น เขาเกริ่นนำเล็กน้อยเรืื่องที่เรายื่นฝึกงานและจบลงที่ประโยค
"ทางโรงเรียนไม่รับนิสิตฝึกงานแล้วนะคะ"
"อ๋อ ค่ะ...ขอบคุณนะคะ"
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ภาพที่เคยฝันไว้ว่าตัวเองจะได้ทำอะไรบ้างที่โรงเรียนก็ต้องสลายไปในพริบตาเลยจ้า
เรานั่งคิดนั่งเครียดนั่งหาเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ อาจเป็นเพราะสถานการณ์โรคระบาดตอนนี้ที่อาจทำให้ทางโรงเรียนไม่สามารถรับเราได้หรือเปล่า ? เราคิดว่าอาจจะใช่เพราะไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่เขาโทรมาแจ้ง ในไลน์ออฟฟิเชียลของโรงเรียนได้แจ้งกำหนดการเปิดเทอมใหม่ ซึ่งวันที่ที่เปิดเทอมนั้นมันเป็นช่วงกลางเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะกับการฝึกงาน
เราเสียใจและผิดหวังที่พลาดโอกาสนี้ไป แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำได้มากที่สุดก็คือ ต้องหาที่ฝึกงานใหม่แล้วล่ะ เย้ (ยิ้มแห้ง)
เวลา 15.56 น. ในวันเดียวกัน
เราติดต่อครูที่ปรึกษา เรื่องที่เราอกหักจากที่ถูกโรงเรียนปฏิเสธ
ตอนแรกเราท้อใจมาก คิดว่าเหลือเวลาไม่มากแล้วจะมีที่ไหนรับนิสิตฝึกงานในสถานการณ์ที่โควิดระบาดแบบนี้บ้าง ครูเลยแนะนำให้เราไปฝึกงานห้องสมุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกทีี่เราอยากไปฝึกงานเหมือนกัน เราจึงคิดไว้ในหัวว่าถ้าเป็นห้องสมุดล่ะก็ คงจะเลือก ห้องสมุดเด็กปฐมวัย ดรุณบรรณาลัย ไม่ก็ หอสมุดแห่งชาติ แต่ถ้าให้ตรงกับสายชาววรรณกรรมสำหรับเด็กที่สุดก็ต้อง ห้องสมุดเด็ก อยู่แล้ว
แล้วเราก็ได้ติดต่อกับเพื่อนของเราอีกคนที่กำลังฝึกงานอยู่ที่ห้องสมุดเด็ก ถามเรื่องงานที่ต้องทำที่ห้องสมุดว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อจะได้ชั่งน้ำหนักว่าเราควรจะยื่นสมัครกับทางห้องสมุดดีไหม แต่ในเวลาแบบนี้ เราไม่ได้มีทางเลือกให้เลือกขนาดนั้น
เลยตัดสินใจจะติดต่อสมัครฝึกงานห้องสมุดเด็กปฐมวัย ดรุณบรรณาลัย
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563 เวลา 10.06 น.
ในวันถัดมาเราได้ติดต่อดรุณบรรณาลัยผ่านทาง inbox ในเพจของห้องสมุด พี่ ๆ ให้เราส่งประวัติส่วนตัวเรซูเม่ และตอบคำถามเพิ่มเติมเล็กน้อย เราจึงรีบส่งรายละเอียดตามโจทย์ที่ได้ช่วงและรออย่างมีความหวัง วันนี้ต้องเป็นวันของเรา มีความหวังที่จะได้ทำงานกับห้องสมุดแห่งนี้
เวลา 18.36 น. ในวันเดียวกัน
เราได้รับข้อความตอบกลับจากพี่ ๆ
"น้องอุ่นใจจะสามารถมาเริ่มฝึกงานได้วันไหนคะ"
ใจเราฟูทันทีเมื่อได้อ่านข้อความนี้ ใช่แล้ว เราจะได้ฝึกงานที่ห้องสมุดเด็กปฐมวัย ดรุณบรรณาลัย อย่างเป็นทางการแล้ว เรารู้สึกว่าเป็นความโชคดีมาก มาก มาก มาก สำหรับเราที่ได้ที่ฝึกงานภายใน 2 วัน หลังจากอกหักจากที่เก่า เราเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับชีวิตนิสิตฝึกงานที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน
ขอให้ทุก ๆ วันที่ฝึกงานของเราเป็นวันที่ดีต่อใจนะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in