เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Minho x Newt fanfictionsTippuri~ii*
minewt highschool AU aka #ฟิคนิวท์เงิบ
  • The Frustrating Classifications of Rice & Seaweed
    The Maze Runner fanfiction by Tippuri~ii * 

     

     

     

     

    Pairing:  Minho x Newt
    Fandom: The Maze Runner

    Type: AU fanfiction

     

     * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

     

    ************************************

     

     

    When the sun comes, you’re my shade.
    When the moon comes, you’re a little firefly.
    I love you more than I can say.
    No I’ll never fly away.

     

    I’m your firefly, I’m your shade.
    I wanna live in a house that we’ve made.
    I wanna love you everyday.
    And I’ll never fly away.

     

     

    – Your Firefly, by Ben Cocks (listen)

     

    *********

     

     

     

     

    สำหรับโรงเรียนเดอะเกลดไฮสคูลแล้ว…ทุกวันของชมรมกรีฑาเป็นอะไรที่ไม่ต่างจากวาเลนไทน์เลยสักนิด เพราะไม่ว่าจะเป็นวันไหนเดือนไหน…ม้านั่งริมสนามที่มีไว้ให้โค้ชนั่งหรือนักกีฬาวางของก็จะโดนใช้อย่างผิดจุดประสงค์ตลอดปี ซึ่งนั่นก็คือการเป็นที่รองรับกล่องของขวัญสีหวานแหวว ดอกไม้ช่อเล็กช่อน้อย ไปจนถึงขนมทุกประเภทในหีบห่อมากมายเท่าที่จะจินตนาการไหว

     

     

     

     

     

    แต่ไม่ว่าผู้ส่งข้าวของเหล่านี้จะมีเยอะแค่ไหน ผู้รับก็ยังคงเป็นคนคนเดียวเสมอ…ประธานชมรมผู้นอกจากจะมีสถิติเหรียญทองซ้อนกันเป็นโหลแล้ว เจ้าตัวก็ยังมีความสุขุมและนิสัยรักสันโดษเป็นตัวเสริมให้มาดเท่แบบกินขาดยิ่งสูงเสียดฟ้าเข้าไปอีก

     

     

     

     

     

    ซึ่งนิวท์ผู้เรียนชั้นเดียวและห้องเดียวกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่สมัยจูเนียร์ไฮนั้นก็รู้ถึงข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี เพราะถึงอาจจะไม่เคยเป็นหนึ่งในเจ้าของของขวัญในกอง…แต่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่แอบรู้สึกเกินเลยเส้นมิตรภาพกับคุณประธานชมรม – หรือมินโฮ – มาได้สักพักแล้ว

     

     

     

     

     

    (ซึ่งแน่นอน…‘สักพัก’ ของนิวท์หมายความได้ว่า ‘ตั้งแต่สมัยจูเนียร์ไฮ’)

     

     

     

     

     

    แต่ไม่ว่าจะรู้สึกชอบอีกฝ่ายมากขึ้นทีละนิดแค่ไหน…นิวท์ก็ไม่เคยคิดจะยอมให้ตัวเองถูกนับเป็นหนึ่งในเหล่าผู้คนที่ส่งของขวัญไปแบบไม่หยุดไม่หย่อน ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขายังมีมากไปเกินไป…เพราะฉะนั้น หนุ่มน้อยผมทองเลยพอใจกับการที่จะได้ชื่อว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นแล้วก็ใช้ชีวิตของตนไปตามปกติ ยินยอมให้ตัวเองมองไปทางคุณประธานชมรมกรีฑาแค่ตอนที่เจ้าตัวไม่ได้สังเกตเท่านั้น

     

     

     

     

     

    แล้วอีกเหตุผลก็คือ…มันเห็นกันได้อยู่ชัดๆ ว่ามินโฮไม่เห็นว่าของขวัญพวกนั้นมีค่าเลยน่ะสิ…

     

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มผมดำแสดงชัดเจนเสมอว่าตนไม่ได้ต้องการสิ่งของเหล่านี้เลย…พวกมันมักจะถูกมอบต่อให้เพื่อนๆ กลุ่มที่มินโฮสนิทด้วยในตอนจบวันเสมอ หรือไม่ก็เห็นได้ชัดๆ ว่าโดนทิ้งไว้หรือลงขยะไปด้วยซ้ำในบางที และนิวท์ไม่คิดว่าตัวเองจะรับได้ถ้าเห็นสิ่งที่ตนตั้งใจมอบให้มินโฮโดนอีกฝ่ายมองว่าเป็นแค่ข้าวของไร้ค่าอีกชิ้น

     

     

     

     

     

    ของขวัญพวกนี้เหมือนให้มาโดยไม่ได้สนใจว่ามินโฮอยากได้ไหม…เขาอยากให้สิ่งที่มินโฮต้องการจริงๆ มากกว่า…

     

     

     

     

     

    แผนนี้ดีไร้ที่ติ ยกเว้นแค่จุดเดียว…นิวท์ไม่เคยสนิทกับมินโฮมากพอที่จะถามได้ว่าเจ้าตัวชอบหรือไม่ชอบอะไร

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

    โปรเจค ‘นี่คือข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนะ’ ของชมรมทำสวนของโรงเรียนเดอะเกลดไฮสคูลคือโปรเจคการปลูกข้าวโพดให้ได้ออกมาในคุณภาพระดับเดียวกับที่ซื้อหาได้ในท้องตลาด ซึ่งมันก็สำเร็จลงได้อย่างสวยงามด้วยการสละเวลาว่างส่วนตัวของประธานและสมาชิกชมรมอย่างมากมายในการมาดูแลเหล่าต้นข้าวโพดเหล่านี้จนฝักงอกงามได้ที่

     

     

     

     

     

    และเพราะประธานและสมาชิกของชมรมทำสวนนี้คือตัวเขาเองคนเดียวทั้งคู่…นิวท์เลยต้องรับหน้าที่เป็นคนปิดโปรเจคนี้ด้วย ซึ่งนั่นก็คือการทำหน้าที่แจกเหล่าฝักข้าวโพดต้มสีเหลืองสดใสนี้ในเวลาพักทานอาหารกลางวันในโรงอาหารของเหล่านักเรียน
     

     

     
    ซึ่งถ้านั่นยังทำให้นิวท์รู้สึกอยากตายไม่พอ…การที่พี่หัวหน้าแม่ครัวอย่างเทรีซ่าบังคับให้เขาผูกผ้าสามเหลี่ยมบนศีรษะด้วยก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักความอยากตายให้ได้เป็นอย่างดี

     

     

     
    เพื่อนๆ ที่เดินเข้ามาตักอาหารล้อเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อน แถมไม่ใช่ทุกคนด้วยที่หยิบข้าวโพดไป…แต่เมื่อผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง นิวท์ก็เลิกงุ่นง่านใจแล้วเปลี่ยนมาหัวเราะไปด้วยตามประสาคนไม่คิดมาก…เพราะเขาก็รู้จริงๆ นั่นแหละว่าสภาพตัวเองตอนนี้มันตลกชะมัด

     

     

     
    แต่เสียงหัวเราะนั่นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นแค่ยิ้มเกร็งๆ ตอนที่มินโฮเลื่อนตัวมายืนตรงหน้าโต๊ะพร้อมถาดเปล่าในมือ…ท่าทางเจ้าตัวคงจะเพิ่งเสร็จจากคาบพละตอนเช้ามา เพราะมีผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องอยู่รอบคอและสีหน้าก็ดูเหนื่อยๆ อย่างสังเกตได้

     

     

     
    มินโฮไม่ได้ชี้ว่าจะเอาข้าวโพดแต่อย่างใด…เด็กหนุ่มผมดำแค่ถามสั้นๆ “มีแซนด์วิชมั้ย?”

     

     

     
    “มีสิ” นิวท์พูดทันที ลืมสนิทว่าตัวเองมีหน้าที่แค่แจกข้าวโพด “รอแป๊บนะ”

     

     

     
    ว่าจบ ร่างผอมบางก็หันไปหั่นขนมปัง ทาทูน่าสเปรดลงไป ตัดไข่ต้มเป็นแว่นๆ ตามด้วยมะเขือเทศและแตงกวา วางแผ่นชีสทับ ปิดท้ายด้วยขนมปังแผ่นบน…ทุกกระบวนการนี้รวดเร็วและยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ไม่เสียชื่อประวัติการทำครัวของนิวท์เลยจริงๆ

     

     

     
    “เอ้านี่” หนุ่มน้อยผมทองวางจานลงในถาด ยิ้มให้…รอยยิ้มที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าสดใสเหลือเกิน “แซนด์วิชได้แล้ว”

     

     

     
    “ขอบใจนะ…” มินโฮพูด ก่อนจะเผลอถอนหายใจขึ้นกลางประโยค

     

     

     
    “มีอะไรหรือเปล่า?” นิวท์ถามอย่างรวดเร็วเกินจำเป็นเพราะเริ่มวิตกจากกิริยานี้ “ให้ตาย…นายจะเอาแซนด์วิชแฮมชีสสินะ…”

     

     

     
    “อ๋อ เปล่าๆๆ…ไม่มีอะไรๆ” มินโฮส่ายหน้า ก่อนจะแค่ยักไหล่แล้วพูดเนือยๆ “ฉันแค่…ฉันอยากกินข้าวห่อสาหร่ายมากๆ เลยก็เท่านั้นแหละ”

     

     

     
    นิวท์เงียบลงแล้วพยักหน้าพร้อมส่งเสียงอือออแทน บอกตัวเองให้สงบสติซะ…ความเงียบที่มินโฮคงตีความเป็นความไม่พอใจ เพราะคุณประธานชมรมกรีฑาชะงักไปแล้วชะโงกตัวข้ามเคาเตอร์เข้ามาอีกนิด…เพื่อจะสบสายตาให้ได้ชัดๆ ตอนพูดประโยคต่อมา

     

     

     
    “ไม่ใช่ว่าแซนด์วิชนี่ไม่น่ากินนะ…” ผงกศีรษะนิดๆ ไปที่อาหารบนถาด “อันที่จริง…ฉันว่านี่เป็นแซนด์วิชที่น่ากินที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเลยล่ะ”

     

     

     
    ว่าจบ คนมาดนิ่งก็ยิ้มบางๆ แล้วหยิบข้าวโพดเพิ่มไปด้วยก่อนจะเดินออกไป…ซึ่งนิวท์ก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่กิริยาง่ายๆ แบบนี้จะทิ้งให้หัวใจตนเต้นไม่เป็นจังหวะได้ขนาดนี้

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

    นิวท์ไม่รู้หรอกว่าคนคิดค้นอินเทอร์เน็ตกับเว็บไซต์ยูทูปชื่ออะไร…แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร เด็กหนุ่มขอให้พระเจ้าคุ้มครองคนทั้งคู่ไปตลอดชีวิต

     

     

     
    เพราะด้วยความช่วยเหลือของวิทยาการทั้งสองอย่างนี้…เด็กหนุ่มก็ได้ค้นหาข้อมูลส่วนประกอบของข้าวห่อสาหร่ายและดูวิธีทำอย่างละเอียด เมนูอาหารตะวันออกเป็นอะไรที่ดูท้าทายขัดกับหน้าตาอันเรียบง่าย…แต่หลังจากดูคลิปวิธีทำซ้ำๆ สักหน่อย นิวท์ก็ไม่รีรอที่จะเริ่มต่อกรกับมัน

     

     

     
    แล้วถ้าจะให้ตัดสินจากการที่มันออกมาหน้าตาเหมือนกับในคลิปสอนทำและรสชาติใกล้เคียงกับตามร้านที่เขาเคยกิน…นิวท์ก็คิดว่าตัวเองชนะในการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใช้ได้พอดูเลยทีเดียว

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

    ในวันจันทร์ถัดมา…นิวท์ก็รอจนการซ้อมเลิกเรียนของชมรมกรีฑาจบลงแล้วจึงค่อยปรากฏตัวขึ้นที่ริมสนามกีฬาของโรงเรียน

     

     

     
    สมาชิกคนอื่นของชมรมกลับบ้านกันไปหมดแล้ว…เหลือไว้เพียงคุณประธานชมรมที่นั่งดื่มน้ำอยู่บนพื้นหญ้ารอบนอกวงแหวนสำหรับการวิ่ง เพราะวันนี้ ม้านั่งที่ควรได้เป็นที่พักของนักกีฬาได้เต็มแน่นไปด้วยกองของขวัญและช่อดอกไม้เหมือนเดิม…สีส้มแก่ของแสงอาทิตย์อัสดงอาบย้อมไปทั่วบริเวณ สีสดที่กลับดูนุ่มนวลอย่างประหลาดยามที่เขามองมันแตะแต้มบนวงหน้าพราวเหงื่อของมินโฮ

     

     

     
    “อ้าว นิวท์?” เด็กหนุ่มผมดำทักเมื่อเห็นว่าเป็นเขาที่เดินมาใกล้ เช็ดหน้าเช็ดตาด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กตอนถามต่อ “ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?”

     

     

     
    นิวท์ส่ายหน้า มือกำเนื้อพลาสติกของกล่องทัพเพอร์แวร์ที่ถืออยู่แน่นขึ้นอีกนิดตอนพูดตอบ “ไม่ล่ะ…เพราะฉัน…อืม…”

     

     

     
    รู้สึกรำคาญถ้อยคำไม่เป็นศัพท์ของตัวเองยิ่งนัก นิวท์เลยหยุดเพื่อรวมสติ…ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับมินโฮ พูดเรียบๆ ด้วยเสียงอันเป็นปกติ

     

     

     
    “ฉันยังไม่กลับเพราะฉันเอานี่มาให้นายน่ะ”

     

     

     
    มินโฮยังคงเงียบและดูงงนิดๆ…แต่ก็ยื่นมือมารับกล่องทัพเพอร์แวร์ไปโดยดี ก่อนจะเปิดมันออกดู…ข้างในมีข้าวห่อสาหร่ายหลายคำบรรจุอยู่จนเต็มกล่อง

     

     

     
    “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้เอามาให้นายแบบของขวัญแฟนคลับพวกนั้น” นิวท์ผงกหัวไปทางม้านั่ง “นายแค่บอกว่านายอยากกินข้าวห่อสาหร่าย…แล้วนั่นแหละ ฉันก็ทำมาให้ แค่นั้นเอง”

     

     

     
    มินโฮเลิกคิ้วนิดๆ “นายจำได้?”

     

     

     
    “จำได้สิ” นิวท์พูดตอบ ประโยคหลังตามมาอย่างไม่ทันห้าม “ฉันต้องจำได้อยู่แล้ว…”

     

     

     
    มินโฮยังคงมีสีหน้าพิศวง…แต่ก็เหมือนจะมีรอยยิ้มแตะแต้มจางๆ ตรงมุมปากด้วย ดวงตาพินิจก้อนข้าวห่อสาหร่ายสักครู่…ก่อนจะพูดออกมา

     

     

     
    “ที่ฉันอยากกินคือคิมบับของเกาหลีล่ะ” รอยยิ้มนั่นแปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะนิดๆ “…แต่นี่มันมากิซูชิของญี่ปุ่นนะ”

     

     

     
    คุณประธานชมรมทำสวนและมือวางอันดับหนึ่งด้านการทำอาหารแทบอ้าปากค้างอย่างไม่อาจทำใจเชื่อความพลาดของตนได้ลง…เขกหัวตัวเองในใจรัวๆๆๆ กับความไม่ได้เรื่องนี้ และนึกสงสัยปนอยากน้ำตาไหลว่าทำไมคนเอเชียถึงมีหลากเมนูอันไม่ซ้ำกันในต่างๆ ประเทศแต่ดันเรียกมันว่าข้าวห่อสาหร่ายเหมือนกันหมดแบบนี้

     

     

     
    ให้ตายเถอะ…เห็นได้ชัดว่าพระเจ้ากูเกิ้ลเกลียดเขา…

     

     

     
    นิวท์มัวแต่ยืนนิ่งงันอย่างทำอะไรไม่ถูก…จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้มินโฮเริ่มหยิบชิ้นข้าวขึ้นมาทานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่มีความขัดข้องใจใดเลยที่เมนูนี้มาจากต้นตำหรับที่ผิดประเทศ และตอนที่นิวท์ได้สติ…เขาก็ได้แค่มองคนตรงหน้าตนเคี้ยวอาหารฝีมือตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ไหวติง

     

     

     
    “นั่งเถอะ” มินโฮวางกล่องทัพเพอร์แวร์ลงบนตักแล้วเอามือข้างที่ว่างตบแปะๆ ลงตรงพื้นหญ้าข้างตัว ก่อนจะยิ้มเย้าๆ “…หรือนายกะจะมาแค่ให้อาหารแล้วยืนมองฉันกันหา?”

     

     

     
    นั่นจึงทำให้นิวท์เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังยืนกอดอกค้ำศีรษะมินโฮอยู่…หนุ่มน้อยผมทองรีบเคลื่อนตัวไปนั่งข้างๆ อีกฝ่ายทันที ก่อนที่ความเงียบจะทิ้งตัว…นิวท์ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี และมินโฮก็ดูจะสนใจแค่ข้าวห่อสาหร่ายในมือ

     

     

     
    “แล้ว…”

     

     

     
    ความเงียบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนหนุ่มน้อยผมทองทนไม่ไหวเอง…เขาเริ่มบทสนทนาขึ้น “แล้ว…คิมบับที่นายอยากกินมันเป็นไงล่ะ?”

     

     

     
    “ไส้มันจะไม่เหมือนกับของญี่ปุ่นน่ะ” มินโฮอธิบายง่ายๆ “ของญี่ปุ่นจะเป็นพวกปลาดิบ…แต่คิมบับจะไส้เป็นผักกับเนื้อวัวน่ะ”

     

     

     
    เจ้าตัวแอบขำนิดๆ…ดูจะเป็นเพราะเอ็นดูมากกว่าเยาะเย้ย พูดเสริมยิ้มๆ “แต่ยังไงมันก็คือข้าวห่อสาหร่ายล่ะนะ…ไม่แปลกหรอกที่นายจะสับสนน่ะ”

     

     

     
    พ่อครัวเอกหน้าร้อนไปถึงหู พึมพำว่าเข้าใจแล้วว่าตนผิดไปยังไง…และก็ไม่ชอบเลยที่มินโฮเอ่ยประโยคนี้ตามมา

     

     

     
    “แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ทำมาให้ฉัน…ฉันชอบนะ”

     

     

     
    “โอเค…” นิวท์ปรับท่าเป็นนั่งกอดเข่า หวังจะซ่อนหน้าตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย “…ชอบก็ดี”

     

     

     
    ความเงียบโอบล้อมอีกครั้ง…ดวงตาของเด็กหนุ่มผมทองหลุบต่ำ มองเพียงภาพเบื้องหน้า…สนามหญ้าเขียวขจีกับวงลู่วิ่งสีน้ำตาลแดงโดนอาบย้อมให้ดูเจือด้วยสีเหลืองทองของยามเย็น ดวงอาทิตย์สีส้มแก่กำลังคล้อยลงหาผืนดิน…สายลมพัดกรูให้ความรู้สึกเย็นชื้น บอกให้รู้ว่าแรกรัตติกาลใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว

     

     

     
    “นี่…”

     

     

     
    คราวนี้เป็นมินโฮบ้างแล้วที่เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา ทำให้นิวท์หันกลับไปมองอีกฝ่ายอย่างเผลอตัว…ได้พบว่าเด็กหนุ่มผมดำกำลังจ้องมองมากิซูชิคำสุดท้ายอยู่

     

     

     
    “อืม…” มินโฮส่งเสียงฮึมฮัม ก่อนจะพูดขึ้น…เรียบนิ่งตรงไปตรงมา “ต่อไปน่ะ…ถ้ามีใครมาขอให้นายทำข้าวห่อสาหร่ายให้—”

     

     

     
    “โอเคๆ…ฉันรู้แล้วน่า” นิวท์แทรกขึ้น คิดดีใจที่ตนไม่ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไป…เพราะเห็นได้ชัดว่าเขาควรตัดใจได้แล้ว “…ฉันจะถามเขาให้ดีก่อนว่าเขาจะเอาคิมบับหรือมากิซูชิ พอใจมั้ย?”

     

     

     
    มินโฮส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่ใช่ ก่อนจะหันมาสบตา…ยิ้มบางๆ ตอนที่เอ่ยประโยคนี้

     

     

     
    “ถ้ามีใครมาขอให้นายทำข้าวสาหร่ายให้…นายบอกขอโทษเขาไปนะ” รอยยิ้มนุ่มนวลนั่นกว้างขึ้นอีกนิด…เจ้าเล่ห์กวนๆ เล็กน้อย “…เพราะต่อไปนี้ นายจะทำข้าวห่อสาหร่ายมาให้ฉันคนเดียวแล้ว โอเคมั้ย?”

     

     

     
    นิวท์รู้สึกเหมือนมีพายุผีเสื้อพัดวูบอยู่ในหัว…ทิ้งให้เขาทำได้เพียงอ้าปากค้างนิดๆ พร้อมหน้าแดงซ่าน ก่อนจะขยับๆ เข้าไป…ยังคงไม่ค่อยแน่ใจและลังเล…แต่สุดท้าย เขาก็เข้าไปได้ใกล้พอจะพิงตัวและอิงศีรษะเข้ากับท่อนแขนและไหล่ของมินโฮ

     

     

     
    อีกฝ่ายไม่ได้พูดหรือมีท่าทีปฏิเสธอะไร…นิวท์จึงกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยตอบคำถามที่ค้างเติ่งอยู่เมื่อครู่

     

     

     
    “…โอเค”

     

     

     
    เสียงหัวเราะเบาๆ ของมินโฮสะท้อนฮึมฮัมผ่านสัมผัสมาให้นิวท์ได้รับรู้…มันฟังดูมีความสุขจนน่าโมโหชะมัด และนั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มผมทองตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าข้าวห่อสาหร่ายคำสุดท้ายมาจัดการเองเป็นการเอาคืน

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

    หลังจากวันนั้น…มาตรการไม่รับของขวัญใดๆ ทั้งปวงก็ถูกเริ่มต้นใช้อย่างจริงจังโดยประธานชมรมกรีฑาแห่งโรงเรียนเดอะเกลดไฮสคูล

     

     

     
    นั่นจึงทำให้ม้านั่งนักกีฬาได้ว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในเวลาหลายเดือน…แต่จะเรียกว่าไม่มีอะไรเลยก็คงไม่ถูก เพราะถึงตอนนี้จะไร้เงาของของขวัญหรือช่อดอกไม้แล้ว…เจ้าม้านั่งนี่ก็ยังคงมักจะมีกล่องทัพเพอร์แวร์หน้าตาธรรมดาไร้ความโรแมนติกมาวางไว้อยู่เสมอ

     

     

     
    ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมประธานชมรมกรีฑาผู้สีหน้าไม่เคยเปลี่ยนกับขนมแพงๆ กล่องไหนกลับอมยิ้มเสมอเวลาเห็นเจ้ากล่องพลาสติกนี่ และก็ไม่มีใครกล้าถามด้วยว่าข้างในกล่องนี้จะเป็นอะไร…ทุกคนได้แต่เพียงจินตนาการว่ามันคงเป็นของที่อร่อยมากของมากที่สุด

     

     

     
    นั่นจึงทำให้วันที่เจ้ากล่องนี้ถูกถือมาโดยประธานชมรมทำสวน…คำเฉลยจึงทำให้ทุกคนผิดหวังไม่น้อย

     

     

     
    “โทษทีที่ช้านะวันนี้…เอ้า ข้าวห่อสาหร่ายของนาย”

     

     

     
    ไม่มีใครเข้าใจว่านี่มันเป็นอะไรที่พิเศษยังไง แต่ประธานชมรมกรีฑากลับหัวเราะอย่างเอ็นดูปนยินดี…แล้วก็โน้มตัวเข้าไปจูบแก้มแดงๆ ของอีกฝ่ายเบาๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Fin.

  • The Unpredictable Ratio of Pocky Sticks per Encounters
    The Maze Runner fanfiction by Tippuri~ii *       

    Pairing: Minho x Newt  
    Fandom: The Maze Runner
    Type: AU fanfiction          
      

    * แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *


    จะบอกว่าเป็นตอนต่อของ The Damned Classifications of Rice & Seaweed ก็ได้ค่ะ

    ************************************        

    So we made our own computer  
    Out of macaroni pieces
    And it did our thinking  
    While we lived our lives  
    It counted up our feelings  
    And divided them up even  
    And it called our calculation  
    Perfect love    

    – The Calculation, by Regina Spektor      


    ******************        

     

     

     

    นิวท์อยากจูบมินโฮ

     

     

     

     

    จูบแบบจริงๆ น่ะ

     

     

     

     

    จูบแบบจูบ

     

     

     

     

    บนริมฝีปากน่ะ

     

     

     

     

    นั่นแหละ แบบนั้นแหละ

     

     

     

     

    นั่นจึงเป็นสาเหตุให้คุณประธานชมรมทำสวนวงช่องหมายเลขสิบเอ็ดของเดือนพฤศจิกายนบนหน้าปฏิทินไว้ด้วยปากกาสีแดงเส้นใหญ่…พระเจ้ากูเกิ้ลอาจจะเกลียดเขาถ้าตัดสินจากกรณีข้าวห่อสาหร่าย แต่พระเจ้าอินเตอร์เน็ตโดยรวมยังพอจะใจดีอยู่บ้าง เพราะจากการค้นหา นิวท์ก็ได้ข้อมูลพอสังเขปว่าวัน 11-11 ของประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ถือเป็นป็อกกี้เดย์ วันที่มีวิธีปฏิบัติไม่ต่างจากวาเลนไทน์มากนัก…แค่เปลี่ยนจากช็อกโกแล็ตเป็นเจ้าขนมบิสกิตแท่งเคลือบครีมแทนเท่านั้นเอง

     

     

     

     

    และจากการเปิดเว็บไซต์ต่างๆ แล้วได้เห็นรูปทั้งภาพถ่ายและภาพวาดเป็นคู่รักสองคนที่จะกินป็อกกี้กันคนละด้าน…นิวท์ก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าตนก็ควรจะต้องรักษาประเพณีของประเทศญี่ปุ่นด้วย อ้างกับตัวเองระดับที่สีข้างเจ็บไปหมดว่าขนบธรรมเนียมอันดีงามไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดด้วยเชื้อชาติซะหน่อย

     

     

     

     

    ด้วยคำแนะนำนิดๆ หน่อยๆ จากโทมัส เพื่อนร่วมห้องของเขา…นิวท์ก็จัดการสมัครแอคเคาท์เว็บอะเมซอนและกรอกข้อมูลการจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างเรียบร้อย หนุ่มน้อยนั่งเปิดหาสินค้าที่ต้องการในหน้าเว็บ…คำนวณวันเวลาที่ของจะมาส่งได้ถึงบ้านตน แล้วก็วงวันบนปฏิทินไว้ด้วยปากกาอีกสีว่าวันไหนจะเป็นวันที่ตนควรกดสั่งซื้อจริงๆ

     

     

     

     

    เพราะมันแพงเอาเรื่องเลยนี่นา…เขาก็อยากได้ของล็อตที่ใหม่ๆ หน่อยสิ…

     

     

     

     

    แต่ถ้าตัดประเด็นนั้น ตัวเว็บที่เหลือก็ให้ข้อมูลชัดเจนอย่างน่ารักมาก…นิวท์เลยมั่นใจว่าด้วยคำอวยพรของพระเจ้าอะเมซอน แผนของเขาจะต้องไม่พลาดแบบ เงิบๆ อย่างตอนข้าวห่อสาหร่ายแน่นอน

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

    “แล้วตกลงนายสมัครได้เรียบร้อยใช่มั้ย?”

     

     

     

     

    โทมัสถามเขาเอาตอนสองสัปดาห์กว่าๆ ถัดมา…เวลาที่น่าจะเรียกได้ว่าช้าไปมาแล้วในการไถ่ถามความเป็นไปของชีวิตในโลกไซเบอร์ แต่เพราะนี่เป็นวันที่สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ดที่ของที่นิวท์สั่งมาถึงบ้านเขาพอดี…หนุ่มน้อยผมสีคาราเมลจึงไม่ถือสาอะไรที่จะตอบแบบดีๆ ด้วยความตื่นเต้นในใจ

     

     

     

     

    “เรียบร้อยแล้วล่ะ” รอยยิ้มจางๆ ระบายเต็มเรียวปาก…เพราะนิวท์ต้องห้ามตัวเองไว้ไม่ให้ยิ้มกว้างแบบโง่ๆ สุดขีด “ของมาถึงแล้วด้วย”

     

     

     

     

    คุณประธานมารู้สึกว่าตัวเองพลาดไปที่พยักเพยิดไปทางกระเป๋าเรียนของตน…เพราะโทมัสถามต่ออย่างไม่คิดอะไรมากขึ้นมา

     

     

     

     

    “เอามาโรงเรียนด้วยเหรอ? นายสั่งอะไรไปน่ะ?”

     

     

     

     

    ตอนนี้เป็นช่วงพักระหว่างคาบของช่วงเช้า…ทำให้นักเรียนทั้งห้องนั่งกระจุกกันไม่เป็นที่ บ้างก็ยืนคุยกันตรงมุมห้อง บ้างก็ล้อมวงรอบโต๊ะเรียน แต่ถึงจะไม่มีใครอื่นที่อยู่ตรงนี้นอกจากเขากับโทมัสที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวข้างๆ…นิวท์ก็ไม่ค่อยอยากจะหยิบของที่ตัวเองสั่งมาขึ้นมาอยู่ดี เพราะตรงอีกสองสามแถวเยื้องๆ ไปนั้น…มินโฮกำลังนั่งเล่นเกมในมือถือตัวเองง่วนอยู่

     

     

     

     

    แต่ครั้นจะไม่ตอบ…นิวท์ก็รู้ดีว่าโทมัสจะต้องตามเซ้าซี้ถามไม่เลิกแน่ เพราะงั้น…การตอบตามตรงดูจะเป็นการเก็บความลับที่ดีกว่าบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องใส่ใจ

     

     

     

     

    “นี่ไง” เขาเลยหยิบกล่องกระดาษใบเล็กขึ้นมาจากกระเป๋า…สีแดงสดใสของมันยิ่งทำให้รูปแท่งบิสกิตเคลือบครีมช็อกโกแล็ตยิ่งเด่นชัด “ป็อกกี้ ขนมญี่ปุ่นน่ะ”

     

     

     

     

    โทมัสส่งเสียงอ๋อพร้อมพยักหน้าหงึกๆ…ดูจะไม่ได้ใส่ใจจะถามอะไรต่อนอกจากเรื่องนี้ “อร่อยมั้ยน่ะ?”

     

     

     

     

    นิวท์กระพริบตา…เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็ไม่รู้คำตอบของคำถามนี้ และนั่นเองที่ทำให้แผนการวัน 11-11 ของเขาเริ่มโคลงเคลงทันที…เพราะประเพณีอะไรก็ไม่มีความหมายทั้งนั้นถ้าเทียบกับการที่เขาจะต้องให้ของไม่อร่อยกับมินโฮ

     

     

     

     

    ไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด…เสียชื่อตายเลยแบบนั้น…

     

     

     

     

    คุณประธานชมรมทำสวนระดมสมองคิดอย่างด่วนจี๋ และตอนที่กำลังสติแตกอยู่นั่นเอง…ที่โทมัสเสนอขึ้นมาอย่างสบายๆ

     

     

     

     

    “กล่องนึงมันมีตั้งหลายแท่งนี่ เปิดชิมเลยมั้ยล่ะ?”

     

     

     

     

    นิวท์หรี่ตาคิด…เป้าหมายของวันนี้คือการกินป็อกกี้แท่งเดียวกัน เพราะงั้นก็อาจจะไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งถ้าป็อกกี้แท่งที่ว่าจะมาจากกล่องที่โดนเปิดแล้ว…เพราะอย่างไรก็ดี มันก็ไม่ได้เก่าเก็บหรือค้างมาจากไหน

     

     

     

     

    แล้วก็ยังกับว่ามีทางเลือกเยอะอย่างนั้นแหละ…

     

     

     

     

    “โอเค” นิวท์พยักหน้า เปิดกล่องสีแดงสดแล้วฉีกซองด้านใน พยายามอย่างดีไม่ให้สภาพของมันชอกช้ำ…หยิบขนมแท่งแรกขึ้นมากัด และอีกแท่งแบ่งให้โทมัสตามมารยาท “ลองด้วยมั้ย?”

     

     

     

     

    โทมัสรับขนมไปกัดกร้วมๆ…ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “อร่อยดีนะ…ให้ผ่านๆ”

     

     

     

     

    นิวท์มัวแต่ชะเง้อคอมองว่ามินโฮจะหันมาเห็นไหมจนห้ามไม่ทันเมื่อเพื่อนข้างตัวเอื้อมมาหยิบป็อกกี้อีกหลายแท่งไปกิน

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

    เพราะกลัวว่ากล่องที่ถูกเปิดแล้วจะทำให้แท่งป็อกกี้หล่นออกมาถ้าเก็บไว้ในกระเป๋าหนังสือเหมือนทีแรก…นิวท์เลยเอากล่องขนมใบเล็กนั่นใส่กระเป๋าเบลเซอร์เครื่องแบบโรงเรียนติดตัวเอาไว้แทน

     

     

     

     

    กล่องป็อกกี้นี้กว้างพอดีกับกระเป๋าเบลเซอร์ แต่ด้วยความสูงที่เกินมานิดหน่อย…สีแดงสดของมันจึงตัดกับสีเนื้อผ้าจนเป็นที่สังเกตจนได้

     

     

     

     

    “นั่นอะไรเหรอนิวท์?”

     

     

     

     

    เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก…บุคคลที่ถามคือชัค รุ่นน้องที่เขารู้จักเพราะเด็กชายสนิทกับโทมัส ตอนนี้ทั้งสองกำลังต่อคิวรอถ่ายเอกสารอยู่ในห้องธุรการ…นิวท์เดาเอาว่าชั้นเรียนของชัคคงได้คาบว่าง ส่วนเขานั้นโดนส่งมาที่นี่กะทันหันด้วยคำสั่งจากครูประจำวิชา

     

     

     

     

    “อ๋อ นี่น่ะเหรอ” ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองกล่องสีแดง “ป็อกกี้น่ะ”

     

     

     

     

    ชัคตาโตเป็นประกายทันที “นายมีป็อกกี้เหรอ?”

     

     

     

     

    เห็นได้ชัดว่าหนูน้อยเคยกินเจ้าขนมนี่และรู้ดีแล้วแน่ๆ ว่ามันอร่อย…และนิวท์ก็ไม่ใจร้ายพอจะปฏิเสธ เขาเลยได้แต่ถามออกไป

     

     

     

     

    “จะกินมั้ยล่ะ?”

     

     

     

     

    ชัคพยักหน้ารัวๆ…ก่อนที่จะถามแบบหงอยๆ เมื่อรุ่นพี่ยื่นขนมมาให้ “แท่งเดียวเองเหรอ…”

     

     

     

     

    นิวท์รู้สึกอยากจะเอาหน้าฟาดเครื่องซีรอกซ์กับความใจดีไม่เข้าเรื่องของตัวเองรัวๆ…เพราะมันทำให้เขาได้แต่เปิดกล่องขนมแล้วปล่อยให้มือป้อมๆ ของชัคหยิบป็อกกี้ออกไปเป็นกำตามใจเจ้าตัว

     

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

    มินโฮอยากจูบนิวท์

     

     

     

     

    จูบแบบจริงๆ น่ะ

     

     

     

     

    จูบแบบจูบ

     

     

     

     

    บนริมฝีปากน่ะ

     

     

     

     

    นั่นแหละ แบบนั้นแหละ

     

     

     

     

    อย่าเข้าใจผิดไป…วันคืนของข้าวห่อสาหร่ายและการได้หอมแก้มแดงๆ ของนิวท์นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี(ดีมากด้วย ถ้าจะต้องพูดให้ชัดๆ) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเพียงพอในเมื่อความรู้สึกในใจมันเพิ่มขึ้นทุกวัน หากมันก็แค่เพราะว่าพวกเขายังคงไม่ได้พูดอะไรกันให้เป็นเรื่องเป็นราว…เลยยังไม่มีอะไรที่มากมายกว่านั้นเกิดขึ้น

     

     

     

     

    แล้วพอวันที่มินโฮอยากจะพูดอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวมาถึง…นิวท์ก็เริ่มปฏิบัติการแจกขนมคนทั้งแผ่นดินขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

     

     

     

    นี่มันหมายความว่าอะไรกันหา…???

     

     

     

     

    หน้านิ่งๆ ของคุณประธานชมรมกรีฑาวันนี้เลยได้มีคิ้วขมวดๆ มาประดับแต่เช้า…ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้แม้แต่คนนอกที่ไม่ได้สนิทอะไรกับมินโฮมากก็ยังสังเกตได้ นั่นจึงทำให้ไม่มีใครกล้ากวนใจอะไรหนุ่มน้อยผมดำเลย…เพราะทุกคนรู้ดีว่ามาดนิ่งๆ แบบนี้ไม่ได้การันตีความสงบใดๆ ได้เลยเวลากำลังโมโหแล้วได้ถูกกวนใจเพิ่มเติม

     

     

     

     

    ดวงตาเรียวสีเข้มมองไปทางคนที่สำหรับตัวเขาเองแล้วนั้นเด่นชัดกว่าใคร…โปรเจค ‘นี่คือข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนะ’ ของนิวท์ได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่เฟส 2 ได้แล้ว นั่นจึงทำให้คุณประธานชมรมทำสวนต้องมาโพกผ้าสามเหลี่ยมยืนแจกข้าวโพดต้มอีกรอบแล้ว

     

     

     

     

    นิวท์หยุดคุยกับอัลบี้และแกลลี่นานกว่าปกติตอนที่ทั้งสองเดินมายืนหน้าเคาเตอร์…ไม่น่าแปลกใจอะไรในเมื่อทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนในกลุ่มของเจ้าตัว และทั้งๆ ที่ไม่ได้ยินหรอกว่าคุยอะไรกัน…มินโฮก็ยังคงไม่ละสายตาไปไหนอยู่ดี

     

     

     

     

    “โทมัสบอกฉันมา” อัลบี้พูดยิ้มๆ “นายแจกขนมอยู่เหรอ?”

     

     

     

     

    นิวท์กลอกตา นึกในใจว่าจะโทมัสจะต้องชดใช้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง “ไม่ได้แจก…ฉันแค่แบ่งเขาชิมเฉยๆ”

     

     

     

     

    “มันคือป็อกกี้ใช่มั้ย” แกลลี่ถาม ก่อนประกาศโต้งๆ “โทมัสบอกอร่อย…เอามาชิมมั่งดิ”

     

     

     

     

    นิวท์เขม็งสายตา เขาไม่เคยปล่อยให้แกลลี่มาสั่งหรือวางท่าอะไรใส่มาก่อน…และก็ไม่มีแผนจะยอมให้มันเกิดขึ้นด้วย และสายตาแบบนี้นี่เองที่ทำให้อีกฝ่ายพอจะรู้ตัว…แกลลี่เลยถอนหายใจ พูดฮึ่มๆ

     

     

     

     

    “โทษทีน่า ไม่ได้ตั้งใจโอเคมั้ย” ยักไหล่นิดๆ และพึมพำ…การขอโทษแบบไม่เอ่ยออกมาตามฉบับของเจ้าตัว “โทมัสบอกอร่อย ชัคก็บอกอร่อย…ก็แค่นั้นแหละ”

     

     

     

     

    นิวท์ถอนหายใจ เขาก็ไม่คิดจะโกรธอะไรแกลลี่จริงจังหรอก…แล้วก็ไม่ได้อยากมีปัญหาอะไรให้ต้องหมองใจต่อกันด้วย มือเรียวเลยคีบฝักข้าวโพดต้มแปะใส่จานของแกลลี่และอัลบี้อย่างมัดมือชก…แล้วหยิบเอากล่องป็อกกี้ขึ้นมา

     

     

     

     

    “เอ้า เอาไปชิม” บิสกิตโดนยื่นให้คนละแท่ง “แล้วก็กินข้าวโพดนั่นด้วยล่ะ อย่าเหลือเชียวนะ”

     

     

     

     

    สองหนุ่มพยักหน้าพร้อมพูดขอบคุณแล้วเดินออกไป…เมื่ออยู่คนเดียวแล้ว นิวท์ก็แอบมองๆ ไปทางโต๊ะของมินโฮ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณประธานชมรมกรีฑาจะมัวแต่ยุ่งกับมื้อกลางวันของตัวเองอยู่จนไม่สังเกตว่าเขามีขนมอะไรในมือ

     

     

     

     

    แต่ที่นั่งประจำนั้นว่างเปล่า…มินโฮลุกออกไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

    “ทำไมวันนี้นายกินเสร็จไวจัง?”

     

     

     

     

    นี่คือประโยคแรกที่นิวท์มีให้เมื่อเจ้าตัวเห็นเขา…เพราะคาบบ่ายของวันนี้เป็นคาบชมรม มินโฮเลยสามารถโดดได้อย่างไม่มีปัญหาด้วยอภิสิทธิ์ของตำแหน่งประธาน…เขาสั่งให้ทุกคนซ้อมหรืออยากทำอะไรก็ทำไป แอบแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่มีใครซักถามหรือหืออืออะไรเลย…สมาชิกชมรมของเขาแค่พยักหน้าหงึกๆ รัวๆ ราวกับกลัวว่าจะมีภูเขาไฟระเบิดถ้าไม่รีบตอบตกลงโดยดี

     

     

     

     

    “ไม่หิว” มินโฮตอบสั้นๆ…ไม่รู้ตัวเลยว่ามีกระแสกรุ่นๆ ในน้ำเสียง ยังคงยืนกอดอกพิงต้นไม้ต้นใหญ่อยู่เหมือนเดิม พื้นที่หลังโรงเรียนนี้เขียวขจีด้วยร่มเงาของต้นไม้ใบหญ้า(และแปลงต้นข้าวโพด) บรรยากาศตรงนี้เงียบสงบไร้ผู้คน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรหรอกในเมื่อมันเป็นพื้นที่ของชมรมทำสวน…และสมาชิกชมรมมีแค่นิวท์คนเดียว

     

     

     

     

    ดวงตาโตสีน้ำตาลคู่นั้นมีแววพิศวงนิดๆ…เพราะนิวท์กำลังงงจริงๆ ว่ามินโฮหงุดหงิดอะไรมา แต่ก็พยายามจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นด้วยการยิ้มให้ “นายโอเครึเปล่าน่ะ? มีอะไรหรือเปล่า?”

     

     

     

     

    มินโฮไม่เคยเป็นคนใช้คำพูดสวยๆ ได้เก่งเลย…และนั่นจึงทำให้แม้จะใช้เวลาในการถอนหายใจหนักๆ อยู่หลายเฮือกพร้อมคิดเรียบเรียงอย่างงุ่นง่านอยู่อีกสักพัก ประโยคจากปากของเขาก็ไม่ได้ฟังดูสละสลวยหรือนุ่มหูเลยอยู่ดี

     

     

     

     

    “นายไม่ชอบฉันแล้วเหรอ?”

     

     

     

     

    ถ้ามีอะไรอยู่ในมือ…นิวท์ก็คงทำมันร่วงกราวลงพื้นไปแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง สีแดงแล่นปราดบนผิวแก้ม…ริมฝีปากที่เผลออ้าค้างเปลี่ยนมาเป็นพูดละล่ำละลักตะกุกตะกักแทน “ฮะ เฮ้…อะไรน่ะ…ทำไม…เฮ้ ทำไมถึง…”

     

     

     

     

    พักสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อรวมสติ…และชั่ววินาทีสั้นๆ ตอนนั้นนั่นเองที่ทำให้นิวท์ได้คิดทบทวน คำถามของมินโฮตรงไปตรงมาจนเขาเตรียมใจไม่ทัน…แต่ก็ไม่แน่ว่าที่อีกฝ่ายกำลังงุ่นง่านอยู่ตรงนี้ก็เพราะต้องการจะรู้คำตอบ ด้วยถึงทุกอย่างระหว่างกันจะเริ่มก่อตัว…แต่หนึ่งในนั้นมันไม่มีความชัดเจนอยู่ด้วยเลย

     

     

     

     

    “นายถามบ้าอะไรของนาย…” นิวท์พึมพำ รู้สึกโดยส่วนตัวว่าประโยคนี้ตัดทิ้งไม่ได้…ก่อนจะพึมพำต่อ “ฉันชอบนายมาเป็นชาติแล้ว…แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเถอะ ให้ตาย…ฉันจะไปหยุดชอบนายได้ยังไง…”

     

     

     

     

    มินโฮก็รู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้วตามที่นิวท์ว่าจริงๆ…เพราะคงไม่มีคนสติดีที่ไหนหรอกที่แทบจะลืมความโมโหปนน้อยใจที่สะสมมาทั้งวันได้แค่เพียงเพราะได้ฟังประโยคง่ายๆ ติดจะสับสนเสียด้วยประโยคเดียวอย่างนี้

     

     

     

     

    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ” หนุ่มเกาหลีพยายามตีหน้ายุ่งเหมือนเดิม “นายเอาแต่สนใจคนอื่น…เอาแต่แจกขนมคนอื่นนี่…”

     

     

     

     

    นิวท์นิ่งไป สมองประมวลผลชั่วครู่…ก่อนจะพูดช้าๆ ออกมา

     

     

     

     

    “ที่นายคิดว่าฉันไม่ชอบนายแล้ว…ก็เพราะฉันไม่ได้ให้ป็อกกี้นายเหรอ?”

     

     

     

     

    มินโฮไม่ตอบ…และนั่นเองที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าเขาคิดถูก

     

     

     

     

    “โอ้ย…ให้ตายเหอะ…” หนุ่มน้อยผมทองกลั้นหัวเราะจนแก้มแดง ก้าวเข้าไปยืนเบื้องหน้าอีกฝ่าย…ใกล้จนแค่เพียงกระซิบก็ได้ยิน “ฟังนะ…”

     

     

     

     

    เอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อเปิดกล่องสีแดงในกระเป๋าเบลเซอร์…หยิบป็อกกี้แท่งสุดท้ายออกมา

     

     

     

     

    “จริงๆ แล้ว…ป็อกกี้กล่องนี้ทั้งกล่องเนี่ยเป็นของนาย แต่ฉันพลาดเองที่แจกชาวบ้านไปทั่ว” รอยยิ้มของนิวท์สดใสเขินอาย…และก็มีเพียงบิสกิตแท่งบางๆ เท่านั้นที่ขวางริมฝีปากของพวกเขาอยู่ “…แต่สบายใจเถอะ ฉันกะจะฉลองป็อกกี้เดย์กับนายแค่คนเดียวเลย”

     

     

     

     

    มินโฮยังไม่เปลี่ยนสีหน้า และนั่นก็ทำให้นิวท์แอบเริ่มใจเสียชอบกลว่าหรืออีกฝ่ายจะโกรธจริงจัง…เขาขยับจะพูดเพิ่มเติม แต่ก็ได้แต่อุทานเสียงหลงแทนเมื่อมือของมินโฮขยับมาคว้าแท่งป็อกกี้ไปแบบไม่กลัวมันหักเลย

     

     

     

     

    “รู้มั้ยนิวท์…” คุณประธานชมรมกรีฑาพูดแบบไม่สนความตกใจของเขาสักนิด “…ถ้านายอยากจะจูบฉันน่ะ นายไม่ต้องมารอเพื่อใช้ข้ออ้างเป็นวันขนมอะไรหรอกนะ”

     

     

     

     

    แล้วแท่งป็อกกี้นั่นก็โดนปล่อยให้ตกพื้น…เพื่อที่มินโฮจะได้ใช้มือว่างๆ นั่นมารั้งเขาเข้าไปจูบ

     

     

     

     

     

    จูบแบบจริงๆ เลย

     

     

     

     

     

    จูบแบบจูบ

     

     

     

     

     

    บนริมฝีปากเลย

     

     

     

     

     

    นั่นแหละ แบบนั้นแหละ

     

     

     

     

    แตกต่างก็เพียงแต่…ของจริงมันดีกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเลย

     

     

     

     

    จูบแรกห่างจากจูบที่สองแค่เพียงช่วงลมหายใจ…นิวท์เบียดตัวเข้าหาคนตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมสีดำสนิทนั้นไว้ และมินโฮก็ชอบความรู้สึกของการมีอีกฝ่ายอยู่ในอ้อมแขนแบบนี้ชะมัด แล้วตอนที่ทั้งสองผละจาก…มินโฮก็เพิ่มเข้าไปอีกว่าภาพนิวท์ที่หอบหายใจถี่รัวและเรียวปากแดงระเรื่อไปหมดแบบนี้ก็เป็นอะไรที่เขาชอบด้วยเหมือนกัน

     

     

     

     

    “นาย…” หนุ่มน้อยผมทองพูดพร้อมสูดลมหายใจ ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากของมินโฮ “…นายก็กินขนมมานี่นา?”

     

     

     

     

    เขาไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าตนรู้ได้เพราะว่ารสชาติหวานๆ นั่นยังติดอยู่บนปลายลิ้นของอีกฝ่าย

     

     

     

     

    คุณประธานชมรมกรีฑาถอนหายใจแบบคนโดนจับได้ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบของจากกระเป๋าเบลเซอร์ของตัวเองบ้าง…กล่องขนมหน้าตาคล้ายๆ ป็อกกี้ แต่สีบอกให้รู้ว่าคนละรสกันและตัวหนังสือบนกล่องนั้นเป็นคนละภาษา

     

     

     

     

    นิวท์เอียงคอนิดๆ ตอนอ่านตามช้าๆ “เป…เป…โร่?”

     

     

     

     

    “สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ด” มินโฮยักไหล่ “เปเปโร่เดย์”

     

     

     

     

    คุณประธานชมรมทำสวนขมวดคิ้วทันที หยิบกล่องขนมของตัวเองมาชูโต้ “ไม่ใช่…สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ดมันป็อกกี้เดย์”

     

     

     

     

    “มันเป็นป็อกกี้เดย์ถ้านายอยู่ญี่ปุ่น” หนุ่มน้อยผมดำยักคิ้วตอบ เขย่ากล่องในมือตนเบาๆ “แต่มันเป็นเปเปโร่เดย์ถ้านายอยู่เกาหลี

     

     

     

     

     

    นิวท์มองกล่องป็อกกี้รสช็อกโกแล็ตสีแดงของตัวเองกับกล่องเปเปโร่รสคุกกี้แอนด์ครีมสีขาวของมินโฮ…รู้สึกอยากจะอ้าปากค้างกับการกลั่นแกล้งของอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง เพราะนี่ถึงจะไม่ใช่…แต่ระดับความพลาดก็ใกล้เคียงกับตอนข้าวห่อสาหร่ายเลยทีเดียว

     

     

     

     

    ทำไมเขาต้องมาเจอแต่อะไรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเนี่ย…

     

     

     

     

    นิวท์รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลพรากกับชะตากรรมความเงิบของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปเอากล่องเปเปโร่มาดูใกล้ๆ…ถามขึ้นมาเมื่อสังเกตถึงน้ำหนักของกล่อง

     

     

     

     

    “ทำไมหมดแล้วล่ะ?”

     

     

     

     

    …นายเอาไปให้ใครที่ไม่ใช่ฉันเหรอ? เป็นประโยคที่นิวท์ไม่กล้าถามต่อ

     

     

     

     

    “หมดแล้วล่ะ โทษที” มินโฮถอนหายใจ “ฉันกะจะมาให้นายนั่นแหละ…แต่หงุดหงิดเลยกินเองหมดแล้ว”

     

     

     

     

    หนุ่มเกาหลีลอบสังเกตสีหน้าของคนในอ้อมแขน…ความงี่เง่าของเขาไม่ได้ทำให้นิวท์โมโหอะไรอย่างที่กลัว หนำซ้ำ…หนุ่มน้อยผมทองยังขยับยิ้มเขินๆ ด้วยแก้มแดงๆ นั่นเสียด้วย…รอยยิ้มที่โผล่มาชั่ววูบ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระแอมกระไอแล้วพูดเสียงขรึม

     

     

     

     

     

    “ไม่หรอก ไม่เป็นไรหรอก…” ประโยคสั่นระริกนิดหน่อย ปลายนิ้วแตะไล้บนริมฝีปากของเขาแทนการอธิบาย “เพราะว่า…อืม…เอามาชิมอีกนิดก็ได้…”

     

     

     

     

    มินโฮหัวเราะหึๆ…ตอบให้นิวท์รู้ว่าเขาเข้าใจได้เองเป็นอย่างดีแล้วด้วยการจูบอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Fin.        
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in