Pairing: Minho x Newt
Type: AU fanfiction
* แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
************************************
When the sun comes, you’re my shade.
I’m your firefly, I’m your shade.
I wanna live in a house that we’ve made.
I wanna love you everyday.
And I’ll never fly away.
– Your Firefly, by Ben Cocks (listen)
*********
สำหรับโรงเรียนเดอะเกลดไฮสคูลแล้ว…ทุกวันของชมรมกรีฑาเป็นอะไรที่ไม่ต่างจากวาเลนไทน์เลยสักนิด เพราะไม่ว่าจะเป็นวันไหนเดือนไหน…ม้านั่งริมสนามที่มีไว้ให้โค้ชนั่งหรือนักกีฬาวางของก็จะโดนใช้อย่างผิดจุดประสงค์ตลอดปี ซึ่งนั่นก็คือการเป็นที่รองรับกล่องของขวัญสีหวานแหวว ดอกไม้ช่อเล็กช่อน้อย ไปจนถึงขนมทุกประเภทในหีบห่อมากมายเท่าที่จะจินตนาการไหว
แต่ไม่ว่าผู้ส่งข้าวของเหล่านี้จะมีเยอะแค่ไหน ผู้รับก็ยังคงเป็นคนคนเดียวเสมอ…ประธานชมรมผู้นอกจากจะมีสถิติเหรียญทองซ้อนกันเป็นโหลแล้ว เจ้าตัวก็ยังมีความสุขุมและนิสัยรักสันโดษเป็นตัวเสริมให้มาดเท่แบบกินขาดยิ่งสูงเสียดฟ้าเข้าไปอีก
ซึ่งนิวท์ผู้เรียนชั้นเดียวและห้องเดียวกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่สมัยจูเนียร์ไฮนั้นก็รู้ถึงข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี เพราะถึงอาจจะไม่เคยเป็นหนึ่งในเจ้าของของขวัญในกอง…แต่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่แอบรู้สึกเกินเลยเส้นมิตรภาพกับคุณประธานชมรม – หรือมินโฮ – มาได้สักพักแล้ว
(ซึ่งแน่นอน…‘สักพัก’ ของนิวท์หมายความได้ว่า ‘ตั้งแต่สมัยจูเนียร์ไฮ’)
แต่ไม่ว่าจะรู้สึกชอบอีกฝ่ายมากขึ้นทีละนิดแค่ไหน…นิวท์ก็ไม่เคยคิดจะยอมให้ตัวเองถูกนับเป็นหนึ่งในเหล่าผู้คนที่ส่งของขวัญไปแบบไม่หยุดไม่หย่อน ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขายังมีมากไปเกินไป…เพราะฉะนั้น หนุ่มน้อยผมทองเลยพอใจกับการที่จะได้ชื่อว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นแล้วก็ใช้ชีวิตของตนไปตามปกติ ยินยอมให้ตัวเองมองไปทางคุณประธานชมรมกรีฑาแค่ตอนที่เจ้าตัวไม่ได้สังเกตเท่านั้น
แล้วอีกเหตุผลก็คือ…มันเห็นกันได้อยู่ชัดๆ ว่ามินโฮไม่เห็นว่าของขวัญพวกนั้นมีค่าเลยน่ะสิ…
เด็กหนุ่มผมดำแสดงชัดเจนเสมอว่าตนไม่ได้ต้องการสิ่งของเหล่านี้เลย…พวกมันมักจะถูกมอบต่อให้เพื่อนๆ กลุ่มที่มินโฮสนิทด้วยในตอนจบวันเสมอ หรือไม่ก็เห็นได้ชัดๆ ว่าโดนทิ้งไว้หรือลงขยะไปด้วยซ้ำในบางที และนิวท์ไม่คิดว่าตัวเองจะรับได้ถ้าเห็นสิ่งที่ตนตั้งใจมอบให้มินโฮโดนอีกฝ่ายมองว่าเป็นแค่ข้าวของไร้ค่าอีกชิ้น
ของขวัญพวกนี้เหมือนให้มาโดยไม่ได้สนใจว่ามินโฮอยากได้ไหม…เขาอยากให้สิ่งที่มินโฮต้องการจริงๆ มากกว่า…
แผนนี้ดีไร้ที่ติ ยกเว้นแค่จุดเดียว…นิวท์ไม่เคยสนิทกับมินโฮมากพอที่จะถามได้ว่าเจ้าตัวชอบหรือไม่ชอบอะไร
**
โปรเจค ‘นี่คือข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนะ’ ของชมรมทำสวนของโรงเรียนเดอะเกลดไฮสคูลคือโปรเจคการปลูกข้าวโพดให้ได้ออกมาในคุณภาพระดับเดียวกับที่ซื้อหาได้ในท้องตลาด ซึ่งมันก็สำเร็จลงได้อย่างสวยงามด้วยการสละเวลาว่างส่วนตัวของประธานและสมาชิกชมรมอย่างมากมายในการมาดูแลเหล่าต้นข้าวโพดเหล่านี้จนฝักงอกงามได้ที่
และเพราะประธานและสมาชิกของชมรมทำสวนนี้คือตัวเขาเองคนเดียวทั้งคู่…นิวท์เลยต้องรับหน้าที่เป็นคนปิดโปรเจคนี้ด้วย ซึ่งนั่นก็คือการทำหน้าที่แจกเหล่าฝักข้าวโพดต้มสีเหลืองสดใสนี้ในเวลาพักทานอาหารกลางวันในโรงอาหารของเหล่านักเรียน
ซึ่งถ้านั่นยังทำให้นิวท์รู้สึกอยากตายไม่พอ…การที่พี่หัวหน้าแม่ครัวอย่างเทรีซ่าบังคับให้เขาผูกผ้าสามเหลี่ยมบนศีรษะด้วยก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักความอยากตายให้ได้เป็นอย่างดี
เพื่อนๆ ที่เดินเข้ามาตักอาหารล้อเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อน แถมไม่ใช่ทุกคนด้วยที่หยิบข้าวโพดไป…แต่เมื่อผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง นิวท์ก็เลิกงุ่นง่านใจแล้วเปลี่ยนมาหัวเราะไปด้วยตามประสาคนไม่คิดมาก…เพราะเขาก็รู้จริงๆ นั่นแหละว่าสภาพตัวเองตอนนี้มันตลกชะมัด
แต่เสียงหัวเราะนั่นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นแค่ยิ้มเกร็งๆ ตอนที่มินโฮเลื่อนตัวมายืนตรงหน้าโต๊ะพร้อมถาดเปล่าในมือ…ท่าทางเจ้าตัวคงจะเพิ่งเสร็จจากคาบพละตอนเช้ามา เพราะมีผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องอยู่รอบคอและสีหน้าก็ดูเหนื่อยๆ อย่างสังเกตได้
มินโฮไม่ได้ชี้ว่าจะเอาข้าวโพดแต่อย่างใด…เด็กหนุ่มผมดำแค่ถามสั้นๆ “มีแซนด์วิชมั้ย?”
“มีสิ” นิวท์พูดทันที ลืมสนิทว่าตัวเองมีหน้าที่แค่แจกข้าวโพด “รอแป๊บนะ”
ว่าจบ ร่างผอมบางก็หันไปหั่นขนมปัง ทาทูน่าสเปรดลงไป ตัดไข่ต้มเป็นแว่นๆ ตามด้วยมะเขือเทศและแตงกวา วางแผ่นชีสทับ ปิดท้ายด้วยขนมปังแผ่นบน…ทุกกระบวนการนี้รวดเร็วและยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ไม่เสียชื่อประวัติการทำครัวของนิวท์เลยจริงๆ
“เอ้านี่” หนุ่มน้อยผมทองวางจานลงในถาด ยิ้มให้…รอยยิ้มที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าสดใสเหลือเกิน “แซนด์วิชได้แล้ว”
“ขอบใจนะ…” มินโฮพูด ก่อนจะเผลอถอนหายใจขึ้นกลางประโยค
“มีอะไรหรือเปล่า?” นิวท์ถามอย่างรวดเร็วเกินจำเป็นเพราะเริ่มวิตกจากกิริยานี้ “ให้ตาย…นายจะเอาแซนด์วิชแฮมชีสสินะ…”
“อ๋อ เปล่าๆๆ…ไม่มีอะไรๆ” มินโฮส่ายหน้า ก่อนจะแค่ยักไหล่แล้วพูดเนือยๆ “ฉันแค่…ฉันอยากกินข้าวห่อสาหร่ายมากๆ เลยก็เท่านั้นแหละ”
นิวท์เงียบลงแล้วพยักหน้าพร้อมส่งเสียงอือออแทน บอกตัวเองให้สงบสติซะ…ความเงียบที่มินโฮคงตีความเป็นความไม่พอใจ เพราะคุณประธานชมรมกรีฑาชะงักไปแล้วชะโงกตัวข้ามเคาเตอร์เข้ามาอีกนิด…เพื่อจะสบสายตาให้ได้ชัดๆ ตอนพูดประโยคต่อมา
“ไม่ใช่ว่าแซนด์วิชนี่ไม่น่ากินนะ…” ผงกศีรษะนิดๆ ไปที่อาหารบนถาด “อันที่จริง…ฉันว่านี่เป็นแซนด์วิชที่น่ากินที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเลยล่ะ”
ว่าจบ คนมาดนิ่งก็ยิ้มบางๆ แล้วหยิบข้าวโพดเพิ่มไปด้วยก่อนจะเดินออกไป…ซึ่งนิวท์ก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่กิริยาง่ายๆ แบบนี้จะทิ้งให้หัวใจตนเต้นไม่เป็นจังหวะได้ขนาดนี้
**
นิวท์ไม่รู้หรอกว่าคนคิดค้นอินเทอร์เน็ตกับเว็บไซต์ยูทูปชื่ออะไร…แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร เด็กหนุ่มขอให้พระเจ้าคุ้มครองคนทั้งคู่ไปตลอดชีวิต
เพราะด้วยความช่วยเหลือของวิทยาการทั้งสองอย่างนี้…เด็กหนุ่มก็ได้ค้นหาข้อมูลส่วนประกอบของข้าวห่อสาหร่ายและดูวิธีทำอย่างละเอียด เมนูอาหารตะวันออกเป็นอะไรที่ดูท้าทายขัดกับหน้าตาอันเรียบง่าย…แต่หลังจากดูคลิปวิธีทำซ้ำๆ สักหน่อย นิวท์ก็ไม่รีรอที่จะเริ่มต่อกรกับมัน
แล้วถ้าจะให้ตัดสินจากการที่มันออกมาหน้าตาเหมือนกับในคลิปสอนทำและรสชาติใกล้เคียงกับตามร้านที่เขาเคยกิน…นิวท์ก็คิดว่าตัวเองชนะในการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใช้ได้พอดูเลยทีเดียว
**
ในวันจันทร์ถัดมา…นิวท์ก็รอจนการซ้อมเลิกเรียนของชมรมกรีฑาจบลงแล้วจึงค่อยปรากฏตัวขึ้นที่ริมสนามกีฬาของโรงเรียน
สมาชิกคนอื่นของชมรมกลับบ้านกันไปหมดแล้ว…เหลือไว้เพียงคุณประธานชมรมที่นั่งดื่มน้ำอยู่บนพื้นหญ้ารอบนอกวงแหวนสำหรับการวิ่ง เพราะวันนี้ ม้านั่งที่ควรได้เป็นที่พักของนักกีฬาได้เต็มแน่นไปด้วยกองของขวัญและช่อดอกไม้เหมือนเดิม…สีส้มแก่ของแสงอาทิตย์อัสดงอาบย้อมไปทั่วบริเวณ สีสดที่กลับดูนุ่มนวลอย่างประหลาดยามที่เขามองมันแตะแต้มบนวงหน้าพราวเหงื่อของมินโฮ
“อ้าว นิวท์?” เด็กหนุ่มผมดำทักเมื่อเห็นว่าเป็นเขาที่เดินมาใกล้ เช็ดหน้าเช็ดตาด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กตอนถามต่อ “ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?”
นิวท์ส่ายหน้า มือกำเนื้อพลาสติกของกล่องทัพเพอร์แวร์ที่ถืออยู่แน่นขึ้นอีกนิดตอนพูดตอบ “ไม่ล่ะ…เพราะฉัน…อืม…”
รู้สึกรำคาญถ้อยคำไม่เป็นศัพท์ของตัวเองยิ่งนัก นิวท์เลยหยุดเพื่อรวมสติ…ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับมินโฮ พูดเรียบๆ ด้วยเสียงอันเป็นปกติ
“ฉันยังไม่กลับเพราะฉันเอานี่มาให้นายน่ะ”
มินโฮยังคงเงียบและดูงงนิดๆ…แต่ก็ยื่นมือมารับกล่องทัพเพอร์แวร์ไปโดยดี ก่อนจะเปิดมันออกดู…ข้างในมีข้าวห่อสาหร่ายหลายคำบรรจุอยู่จนเต็มกล่อง
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้เอามาให้นายแบบของขวัญแฟนคลับพวกนั้น” นิวท์ผงกหัวไปทางม้านั่ง “นายแค่บอกว่านายอยากกินข้าวห่อสาหร่าย…แล้วนั่นแหละ ฉันก็ทำมาให้ แค่นั้นเอง”
มินโฮเลิกคิ้วนิดๆ “นายจำได้?”
“จำได้สิ” นิวท์พูดตอบ ประโยคหลังตามมาอย่างไม่ทันห้าม “ฉันต้องจำได้อยู่แล้ว…”
มินโฮยังคงมีสีหน้าพิศวง…แต่ก็เหมือนจะมีรอยยิ้มแตะแต้มจางๆ ตรงมุมปากด้วย ดวงตาพินิจก้อนข้าวห่อสาหร่ายสักครู่…ก่อนจะพูดออกมา
“ที่ฉันอยากกินคือคิมบับของเกาหลีล่ะ” รอยยิ้มนั่นแปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะนิดๆ “…แต่นี่มันมากิซูชิของญี่ปุ่นนะ”
คุณประธานชมรมทำสวนและมือวางอันดับหนึ่งด้านการทำอาหารแทบอ้าปากค้างอย่างไม่อาจทำใจเชื่อความพลาดของตนได้ลง…เขกหัวตัวเองในใจรัวๆๆๆ กับความไม่ได้เรื่องนี้ และนึกสงสัยปนอยากน้ำตาไหลว่าทำไมคนเอเชียถึงมีหลากเมนูอันไม่ซ้ำกันในต่างๆ ประเทศแต่ดันเรียกมันว่าข้าวห่อสาหร่ายเหมือนกันหมดแบบนี้
ให้ตายเถอะ…เห็นได้ชัดว่าพระเจ้ากูเกิ้ลเกลียดเขา…
นิวท์มัวแต่ยืนนิ่งงันอย่างทำอะไรไม่ถูก…จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้มินโฮเริ่มหยิบชิ้นข้าวขึ้นมาทานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่มีความขัดข้องใจใดเลยที่เมนูนี้มาจากต้นตำหรับที่ผิดประเทศ และตอนที่นิวท์ได้สติ…เขาก็ได้แค่มองคนตรงหน้าตนเคี้ยวอาหารฝีมือตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ไหวติง
“นั่งเถอะ” มินโฮวางกล่องทัพเพอร์แวร์ลงบนตักแล้วเอามือข้างที่ว่างตบแปะๆ ลงตรงพื้นหญ้าข้างตัว ก่อนจะยิ้มเย้าๆ “…หรือนายกะจะมาแค่ให้อาหารแล้วยืนมองฉันกันหา?”
นั่นจึงทำให้นิวท์เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังยืนกอดอกค้ำศีรษะมินโฮอยู่…หนุ่มน้อยผมทองรีบเคลื่อนตัวไปนั่งข้างๆ อีกฝ่ายทันที ก่อนที่ความเงียบจะทิ้งตัว…นิวท์ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี และมินโฮก็ดูจะสนใจแค่ข้าวห่อสาหร่ายในมือ
“แล้ว…”
ความเงียบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนหนุ่มน้อยผมทองทนไม่ไหวเอง…เขาเริ่มบทสนทนาขึ้น “แล้ว…คิมบับที่นายอยากกินมันเป็นไงล่ะ?”
“ไส้มันจะไม่เหมือนกับของญี่ปุ่นน่ะ” มินโฮอธิบายง่ายๆ “ของญี่ปุ่นจะเป็นพวกปลาดิบ…แต่คิมบับจะไส้เป็นผักกับเนื้อวัวน่ะ”
เจ้าตัวแอบขำนิดๆ…ดูจะเป็นเพราะเอ็นดูมากกว่าเยาะเย้ย พูดเสริมยิ้มๆ “แต่ยังไงมันก็คือข้าวห่อสาหร่ายล่ะนะ…ไม่แปลกหรอกที่นายจะสับสนน่ะ”
พ่อครัวเอกหน้าร้อนไปถึงหู พึมพำว่าเข้าใจแล้วว่าตนผิดไปยังไง…และก็ไม่ชอบเลยที่มินโฮเอ่ยประโยคนี้ตามมา
“แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ทำมาให้ฉัน…ฉันชอบนะ”
“โอเค…” นิวท์ปรับท่าเป็นนั่งกอดเข่า หวังจะซ่อนหน้าตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย “…ชอบก็ดี”
ความเงียบโอบล้อมอีกครั้ง…ดวงตาของเด็กหนุ่มผมทองหลุบต่ำ มองเพียงภาพเบื้องหน้า…สนามหญ้าเขียวขจีกับวงลู่วิ่งสีน้ำตาลแดงโดนอาบย้อมให้ดูเจือด้วยสีเหลืองทองของยามเย็น ดวงอาทิตย์สีส้มแก่กำลังคล้อยลงหาผืนดิน…สายลมพัดกรูให้ความรู้สึกเย็นชื้น บอกให้รู้ว่าแรกรัตติกาลใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
“นี่…”
คราวนี้เป็นมินโฮบ้างแล้วที่เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา ทำให้นิวท์หันกลับไปมองอีกฝ่ายอย่างเผลอตัว…ได้พบว่าเด็กหนุ่มผมดำกำลังจ้องมองมากิซูชิคำสุดท้ายอยู่
“อืม…” มินโฮส่งเสียงฮึมฮัม ก่อนจะพูดขึ้น…เรียบนิ่งตรงไปตรงมา “ต่อไปน่ะ…ถ้ามีใครมาขอให้นายทำข้าวห่อสาหร่ายให้—”
“โอเคๆ…ฉันรู้แล้วน่า” นิวท์แทรกขึ้น คิดดีใจที่ตนไม่ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไป…เพราะเห็นได้ชัดว่าเขาควรตัดใจได้แล้ว “…ฉันจะถามเขาให้ดีก่อนว่าเขาจะเอาคิมบับหรือมากิซูชิ พอใจมั้ย?”
มินโฮส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่ใช่ ก่อนจะหันมาสบตา…ยิ้มบางๆ ตอนที่เอ่ยประโยคนี้
“ถ้ามีใครมาขอให้นายทำข้าวสาหร่ายให้…นายบอกขอโทษเขาไปนะ” รอยยิ้มนุ่มนวลนั่นกว้างขึ้นอีกนิด…เจ้าเล่ห์กวนๆ เล็กน้อย “…เพราะต่อไปนี้ นายจะทำข้าวห่อสาหร่ายมาให้ฉันคนเดียวแล้ว โอเคมั้ย?”
นิวท์รู้สึกเหมือนมีพายุผีเสื้อพัดวูบอยู่ในหัว…ทิ้งให้เขาทำได้เพียงอ้าปากค้างนิดๆ พร้อมหน้าแดงซ่าน ก่อนจะขยับๆ เข้าไป…ยังคงไม่ค่อยแน่ใจและลังเล…แต่สุดท้าย เขาก็เข้าไปได้ใกล้พอจะพิงตัวและอิงศีรษะเข้ากับท่อนแขนและไหล่ของมินโฮ
อีกฝ่ายไม่ได้พูดหรือมีท่าทีปฏิเสธอะไร…นิวท์จึงกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยตอบคำถามที่ค้างเติ่งอยู่เมื่อครู่
“…โอเค”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของมินโฮสะท้อนฮึมฮัมผ่านสัมผัสมาให้นิวท์ได้รับรู้…มันฟังดูมีความสุขจนน่าโมโหชะมัด และนั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มผมทองตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าข้าวห่อสาหร่ายคำสุดท้ายมาจัดการเองเป็นการเอาคืน
**
หลังจากวันนั้น…มาตรการไม่รับของขวัญใดๆ ทั้งปวงก็ถูกเริ่มต้นใช้อย่างจริงจังโดยประธานชมรมกรีฑาแห่งโรงเรียนเดอะเกลดไฮสคูล
นั่นจึงทำให้ม้านั่งนักกีฬาได้ว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในเวลาหลายเดือน…แต่จะเรียกว่าไม่มีอะไรเลยก็คงไม่ถูก เพราะถึงตอนนี้จะไร้เงาของของขวัญหรือช่อดอกไม้แล้ว…เจ้าม้านั่งนี่ก็ยังคงมักจะมีกล่องทัพเพอร์แวร์หน้าตาธรรมดาไร้ความโรแมนติกมาวางไว้อยู่เสมอ
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมประธานชมรมกรีฑาผู้สีหน้าไม่เคยเปลี่ยนกับขนมแพงๆ กล่องไหนกลับอมยิ้มเสมอเวลาเห็นเจ้ากล่องพลาสติกนี่ และก็ไม่มีใครกล้าถามด้วยว่าข้างในกล่องนี้จะเป็นอะไร…ทุกคนได้แต่เพียงจินตนาการว่ามันคงเป็นของที่อร่อยมากของมากที่สุด
นั่นจึงทำให้วันที่เจ้ากล่องนี้ถูกถือมาโดยประธานชมรมทำสวน…คำเฉลยจึงทำให้ทุกคนผิดหวังไม่น้อย
“โทษทีที่ช้านะวันนี้…เอ้า ข้าวห่อสาหร่ายของนาย”
ไม่มีใครเข้าใจว่านี่มันเป็นอะไรที่พิเศษยังไง แต่ประธานชมรมกรีฑากลับหัวเราะอย่างเอ็นดูปนยินดี…แล้วก็โน้มตัวเข้าไปจูบแก้มแดงๆ ของอีกฝ่ายเบาๆ
Fin.
* แฟนฟิคชั่นเเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น BL…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
นิวท์อยากจูบมินโฮ
จูบแบบจริงๆ น่ะ
จูบแบบจูบ
บนริมฝีปากน่ะ
นั่นแหละ แบบนั้นแหละ
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้คุณประธานชมรมทำสวนวงช่องหมายเลขสิบเอ็ดของเดือนพฤศจิกายนบนหน้าปฏิทินไว้ด้วยปากกาสีแดงเส้นใหญ่…พระเจ้ากูเกิ้ลอาจจะเกลียดเขาถ้าตัดสินจากกรณีข้าวห่อสาหร่าย แต่พระเจ้าอินเตอร์เน็ตโดยรวมยังพอจะใจดีอยู่บ้าง เพราะจากการค้นหา นิวท์ก็ได้ข้อมูลพอสังเขปว่าวัน 11-11 ของประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ถือเป็นป็อกกี้เดย์ วันที่มีวิธีปฏิบัติไม่ต่างจากวาเลนไทน์มากนัก…แค่เปลี่ยนจากช็อกโกแล็ตเป็นเจ้าขนมบิสกิตแท่งเคลือบครีมแทนเท่านั้นเอง
และจากการเปิดเว็บไซต์ต่างๆ แล้วได้เห็นรูปทั้งภาพถ่ายและภาพวาดเป็นคู่รักสองคนที่จะกินป็อกกี้กันคนละด้าน…นิวท์ก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าตนก็ควรจะต้องรักษาประเพณีของประเทศญี่ปุ่นด้วย อ้างกับตัวเองระดับที่สีข้างเจ็บไปหมดว่าขนบธรรมเนียมอันดีงามไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดด้วยเชื้อชาติซะหน่อย
ด้วยคำแนะนำนิดๆ หน่อยๆ จากโทมัส เพื่อนร่วมห้องของเขา…นิวท์ก็จัดการสมัครแอคเคาท์เว็บอะเมซอนและกรอกข้อมูลการจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างเรียบร้อย หนุ่มน้อยนั่งเปิดหาสินค้าที่ต้องการในหน้าเว็บ…คำนวณวันเวลาที่ของจะมาส่งได้ถึงบ้านตน แล้วก็วงวันบนปฏิทินไว้ด้วยปากกาอีกสีว่าวันไหนจะเป็นวันที่ตนควรกดสั่งซื้อจริงๆ
เพราะมันแพงเอาเรื่องเลยนี่นา…เขาก็อยากได้ของล็อตที่ใหม่ๆ หน่อยสิ…
แต่ถ้าตัดประเด็นนั้น ตัวเว็บที่เหลือก็ให้ข้อมูลชัดเจนอย่างน่ารักมาก…นิวท์เลยมั่นใจว่าด้วยคำอวยพรของพระเจ้าอะเมซอน แผนของเขาจะต้องไม่พลาดแบบ เงิบๆ อย่างตอนข้าวห่อสาหร่ายแน่นอน
**
“แล้วตกลงนายสมัครได้เรียบร้อยใช่มั้ย?”
โทมัสถามเขาเอาตอนสองสัปดาห์กว่าๆ ถัดมา…เวลาที่น่าจะเรียกได้ว่าช้าไปมาแล้วในการไถ่ถามความเป็นไปของชีวิตในโลกไซเบอร์ แต่เพราะนี่เป็นวันที่สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ดที่ของที่นิวท์สั่งมาถึงบ้านเขาพอดี…หนุ่มน้อยผมสีคาราเมลจึงไม่ถือสาอะไรที่จะตอบแบบดีๆ ด้วยความตื่นเต้นในใจ
“เรียบร้อยแล้วล่ะ” รอยยิ้มจางๆ ระบายเต็มเรียวปาก…เพราะนิวท์ต้องห้ามตัวเองไว้ไม่ให้ยิ้มกว้างแบบโง่ๆ สุดขีด “ของมาถึงแล้วด้วย”
คุณประธานมารู้สึกว่าตัวเองพลาดไปที่พยักเพยิดไปทางกระเป๋าเรียนของตน…เพราะโทมัสถามต่ออย่างไม่คิดอะไรมากขึ้นมา
“เอามาโรงเรียนด้วยเหรอ? นายสั่งอะไรไปน่ะ?”
ตอนนี้เป็นช่วงพักระหว่างคาบของช่วงเช้า…ทำให้นักเรียนทั้งห้องนั่งกระจุกกันไม่เป็นที่ บ้างก็ยืนคุยกันตรงมุมห้อง บ้างก็ล้อมวงรอบโต๊ะเรียน แต่ถึงจะไม่มีใครอื่นที่อยู่ตรงนี้นอกจากเขากับโทมัสที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวข้างๆ…นิวท์ก็ไม่ค่อยอยากจะหยิบของที่ตัวเองสั่งมาขึ้นมาอยู่ดี เพราะตรงอีกสองสามแถวเยื้องๆ ไปนั้น…มินโฮกำลังนั่งเล่นเกมในมือถือตัวเองง่วนอยู่
แต่ครั้นจะไม่ตอบ…นิวท์ก็รู้ดีว่าโทมัสจะต้องตามเซ้าซี้ถามไม่เลิกแน่ เพราะงั้น…การตอบตามตรงดูจะเป็นการเก็บความลับที่ดีกว่าบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องใส่ใจ
“นี่ไง” เขาเลยหยิบกล่องกระดาษใบเล็กขึ้นมาจากกระเป๋า…สีแดงสดใสของมันยิ่งทำให้รูปแท่งบิสกิตเคลือบครีมช็อกโกแล็ตยิ่งเด่นชัด “ป็อกกี้ ขนมญี่ปุ่นน่ะ”
โทมัสส่งเสียงอ๋อพร้อมพยักหน้าหงึกๆ…ดูจะไม่ได้ใส่ใจจะถามอะไรต่อนอกจากเรื่องนี้ “อร่อยมั้ยน่ะ?”
นิวท์กระพริบตา…เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็ไม่รู้คำตอบของคำถามนี้ และนั่นเองที่ทำให้แผนการวัน 11-11 ของเขาเริ่มโคลงเคลงทันที…เพราะประเพณีอะไรก็ไม่มีความหมายทั้งนั้นถ้าเทียบกับการที่เขาจะต้องให้ของไม่อร่อยกับมินโฮ
ไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด…เสียชื่อตายเลยแบบนั้น…
คุณประธานชมรมทำสวนระดมสมองคิดอย่างด่วนจี๋ และตอนที่กำลังสติแตกอยู่นั่นเอง…ที่โทมัสเสนอขึ้นมาอย่างสบายๆ
“กล่องนึงมันมีตั้งหลายแท่งนี่ เปิดชิมเลยมั้ยล่ะ?”
นิวท์หรี่ตาคิด…เป้าหมายของวันนี้คือการกินป็อกกี้แท่งเดียวกัน เพราะงั้นก็อาจจะไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งถ้าป็อกกี้แท่งที่ว่าจะมาจากกล่องที่โดนเปิดแล้ว…เพราะอย่างไรก็ดี มันก็ไม่ได้เก่าเก็บหรือค้างมาจากไหน
แล้วก็ยังกับว่ามีทางเลือกเยอะอย่างนั้นแหละ…
“โอเค” นิวท์พยักหน้า เปิดกล่องสีแดงสดแล้วฉีกซองด้านใน พยายามอย่างดีไม่ให้สภาพของมันชอกช้ำ…หยิบขนมแท่งแรกขึ้นมากัด และอีกแท่งแบ่งให้โทมัสตามมารยาท “ลองด้วยมั้ย?”
โทมัสรับขนมไปกัดกร้วมๆ…ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “อร่อยดีนะ…ให้ผ่านๆ”
นิวท์มัวแต่ชะเง้อคอมองว่ามินโฮจะหันมาเห็นไหมจนห้ามไม่ทันเมื่อเพื่อนข้างตัวเอื้อมมาหยิบป็อกกี้อีกหลายแท่งไปกิน
**
เพราะกลัวว่ากล่องที่ถูกเปิดแล้วจะทำให้แท่งป็อกกี้หล่นออกมาถ้าเก็บไว้ในกระเป๋าหนังสือเหมือนทีแรก…นิวท์เลยเอากล่องขนมใบเล็กนั่นใส่กระเป๋าเบลเซอร์เครื่องแบบโรงเรียนติดตัวเอาไว้แทน
กล่องป็อกกี้นี้กว้างพอดีกับกระเป๋าเบลเซอร์ แต่ด้วยความสูงที่เกินมานิดหน่อย…สีแดงสดของมันจึงตัดกับสีเนื้อผ้าจนเป็นที่สังเกตจนได้
“นั่นอะไรเหรอนิวท์?”
เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก…บุคคลที่ถามคือชัค รุ่นน้องที่เขารู้จักเพราะเด็กชายสนิทกับโทมัส ตอนนี้ทั้งสองกำลังต่อคิวรอถ่ายเอกสารอยู่ในห้องธุรการ…นิวท์เดาเอาว่าชั้นเรียนของชัคคงได้คาบว่าง ส่วนเขานั้นโดนส่งมาที่นี่กะทันหันด้วยคำสั่งจากครูประจำวิชา
“อ๋อ นี่น่ะเหรอ” ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองกล่องสีแดง “ป็อกกี้น่ะ”
ชัคตาโตเป็นประกายทันที “นายมีป็อกกี้เหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าหนูน้อยเคยกินเจ้าขนมนี่และรู้ดีแล้วแน่ๆ ว่ามันอร่อย…และนิวท์ก็ไม่ใจร้ายพอจะปฏิเสธ เขาเลยได้แต่ถามออกไป
“จะกินมั้ยล่ะ?”
ชัคพยักหน้ารัวๆ…ก่อนที่จะถามแบบหงอยๆ เมื่อรุ่นพี่ยื่นขนมมาให้ “แท่งเดียวเองเหรอ…”
นิวท์รู้สึกอยากจะเอาหน้าฟาดเครื่องซีรอกซ์กับความใจดีไม่เข้าเรื่องของตัวเองรัวๆ…เพราะมันทำให้เขาได้แต่เปิดกล่องขนมแล้วปล่อยให้มือป้อมๆ ของชัคหยิบป็อกกี้ออกไปเป็นกำตามใจเจ้าตัว
**
มินโฮอยากจูบนิวท์
จูบแบบจริงๆ น่ะ
จูบแบบจูบ
บนริมฝีปากน่ะ
นั่นแหละ แบบนั้นแหละ
อย่าเข้าใจผิดไป…วันคืนของข้าวห่อสาหร่ายและการได้หอมแก้มแดงๆ ของนิวท์นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี(ดีมากด้วย ถ้าจะต้องพูดให้ชัดๆ) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเพียงพอในเมื่อความรู้สึกในใจมันเพิ่มขึ้นทุกวัน หากมันก็แค่เพราะว่าพวกเขายังคงไม่ได้พูดอะไรกันให้เป็นเรื่องเป็นราว…เลยยังไม่มีอะไรที่มากมายกว่านั้นเกิดขึ้น
แล้วพอวันที่มินโฮอยากจะพูดอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวมาถึง…นิวท์ก็เริ่มปฏิบัติการแจกขนมคนทั้งแผ่นดินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
นี่มันหมายความว่าอะไรกันหา…???
หน้านิ่งๆ ของคุณประธานชมรมกรีฑาวันนี้เลยได้มีคิ้วขมวดๆ มาประดับแต่เช้า…ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้แม้แต่คนนอกที่ไม่ได้สนิทอะไรกับมินโฮมากก็ยังสังเกตได้ นั่นจึงทำให้ไม่มีใครกล้ากวนใจอะไรหนุ่มน้อยผมดำเลย…เพราะทุกคนรู้ดีว่ามาดนิ่งๆ แบบนี้ไม่ได้การันตีความสงบใดๆ ได้เลยเวลากำลังโมโหแล้วได้ถูกกวนใจเพิ่มเติม
ดวงตาเรียวสีเข้มมองไปทางคนที่สำหรับตัวเขาเองแล้วนั้นเด่นชัดกว่าใคร…โปรเจค ‘นี่คือข้าวโพดที่ฉันปลูกเองนะ’ ของนิวท์ได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่เฟส 2 ได้แล้ว นั่นจึงทำให้คุณประธานชมรมทำสวนต้องมาโพกผ้าสามเหลี่ยมยืนแจกข้าวโพดต้มอีกรอบแล้ว
นิวท์หยุดคุยกับอัลบี้และแกลลี่นานกว่าปกติตอนที่ทั้งสองเดินมายืนหน้าเคาเตอร์…ไม่น่าแปลกใจอะไรในเมื่อทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนในกลุ่มของเจ้าตัว และทั้งๆ ที่ไม่ได้ยินหรอกว่าคุยอะไรกัน…มินโฮก็ยังคงไม่ละสายตาไปไหนอยู่ดี
“โทมัสบอกฉันมา” อัลบี้พูดยิ้มๆ “นายแจกขนมอยู่เหรอ?”
นิวท์กลอกตา นึกในใจว่าจะโทมัสจะต้องชดใช้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง “ไม่ได้แจก…ฉันแค่แบ่งเขาชิมเฉยๆ”
“มันคือป็อกกี้ใช่มั้ย” แกลลี่ถาม ก่อนประกาศโต้งๆ “โทมัสบอกอร่อย…เอามาชิมมั่งดิ”
นิวท์เขม็งสายตา เขาไม่เคยปล่อยให้แกลลี่มาสั่งหรือวางท่าอะไรใส่มาก่อน…และก็ไม่มีแผนจะยอมให้มันเกิดขึ้นด้วย และสายตาแบบนี้นี่เองที่ทำให้อีกฝ่ายพอจะรู้ตัว…แกลลี่เลยถอนหายใจ พูดฮึ่มๆ
“โทษทีน่า ไม่ได้ตั้งใจโอเคมั้ย” ยักไหล่นิดๆ และพึมพำ…การขอโทษแบบไม่เอ่ยออกมาตามฉบับของเจ้าตัว “โทมัสบอกอร่อย ชัคก็บอกอร่อย…ก็แค่นั้นแหละ”
นิวท์ถอนหายใจ เขาก็ไม่คิดจะโกรธอะไรแกลลี่จริงจังหรอก…แล้วก็ไม่ได้อยากมีปัญหาอะไรให้ต้องหมองใจต่อกันด้วย มือเรียวเลยคีบฝักข้าวโพดต้มแปะใส่จานของแกลลี่และอัลบี้อย่างมัดมือชก…แล้วหยิบเอากล่องป็อกกี้ขึ้นมา
“เอ้า เอาไปชิม” บิสกิตโดนยื่นให้คนละแท่ง “แล้วก็กินข้าวโพดนั่นด้วยล่ะ อย่าเหลือเชียวนะ”
สองหนุ่มพยักหน้าพร้อมพูดขอบคุณแล้วเดินออกไป…เมื่ออยู่คนเดียวแล้ว นิวท์ก็แอบมองๆ ไปทางโต๊ะของมินโฮ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณประธานชมรมกรีฑาจะมัวแต่ยุ่งกับมื้อกลางวันของตัวเองอยู่จนไม่สังเกตว่าเขามีขนมอะไรในมือ
แต่ที่นั่งประจำนั้นว่างเปล่า…มินโฮลุกออกไปแล้ว
**
“ทำไมวันนี้นายกินเสร็จไวจัง?”
นี่คือประโยคแรกที่นิวท์มีให้เมื่อเจ้าตัวเห็นเขา…เพราะคาบบ่ายของวันนี้เป็นคาบชมรม มินโฮเลยสามารถโดดได้อย่างไม่มีปัญหาด้วยอภิสิทธิ์ของตำแหน่งประธาน…เขาสั่งให้ทุกคนซ้อมหรืออยากทำอะไรก็ทำไป แอบแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่มีใครซักถามหรือหืออืออะไรเลย…สมาชิกชมรมของเขาแค่พยักหน้าหงึกๆ รัวๆ ราวกับกลัวว่าจะมีภูเขาไฟระเบิดถ้าไม่รีบตอบตกลงโดยดี
“ไม่หิว” มินโฮตอบสั้นๆ…ไม่รู้ตัวเลยว่ามีกระแสกรุ่นๆ ในน้ำเสียง ยังคงยืนกอดอกพิงต้นไม้ต้นใหญ่อยู่เหมือนเดิม พื้นที่หลังโรงเรียนนี้เขียวขจีด้วยร่มเงาของต้นไม้ใบหญ้า(และแปลงต้นข้าวโพด) บรรยากาศตรงนี้เงียบสงบไร้ผู้คน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรหรอกในเมื่อมันเป็นพื้นที่ของชมรมทำสวน…และสมาชิกชมรมมีแค่นิวท์คนเดียว
ดวงตาโตสีน้ำตาลคู่นั้นมีแววพิศวงนิดๆ…เพราะนิวท์กำลังงงจริงๆ ว่ามินโฮหงุดหงิดอะไรมา แต่ก็พยายามจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นด้วยการยิ้มให้ “นายโอเครึเปล่าน่ะ? มีอะไรหรือเปล่า?”
มินโฮไม่เคยเป็นคนใช้คำพูดสวยๆ ได้เก่งเลย…และนั่นจึงทำให้แม้จะใช้เวลาในการถอนหายใจหนักๆ อยู่หลายเฮือกพร้อมคิดเรียบเรียงอย่างงุ่นง่านอยู่อีกสักพัก ประโยคจากปากของเขาก็ไม่ได้ฟังดูสละสลวยหรือนุ่มหูเลยอยู่ดี
“นายไม่ชอบฉันแล้วเหรอ?”
ถ้ามีอะไรอยู่ในมือ…นิวท์ก็คงทำมันร่วงกราวลงพื้นไปแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง สีแดงแล่นปราดบนผิวแก้ม…ริมฝีปากที่เผลออ้าค้างเปลี่ยนมาเป็นพูดละล่ำละลักตะกุกตะกักแทน “ฮะ เฮ้…อะไรน่ะ…ทำไม…เฮ้ ทำไมถึง…”
พักสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อรวมสติ…และชั่ววินาทีสั้นๆ ตอนนั้นนั่นเองที่ทำให้นิวท์ได้คิดทบทวน คำถามของมินโฮตรงไปตรงมาจนเขาเตรียมใจไม่ทัน…แต่ก็ไม่แน่ว่าที่อีกฝ่ายกำลังงุ่นง่านอยู่ตรงนี้ก็เพราะต้องการจะรู้คำตอบ ด้วยถึงทุกอย่างระหว่างกันจะเริ่มก่อตัว…แต่หนึ่งในนั้นมันไม่มีความชัดเจนอยู่ด้วยเลย
“นายถามบ้าอะไรของนาย…” นิวท์พึมพำ รู้สึกโดยส่วนตัวว่าประโยคนี้ตัดทิ้งไม่ได้…ก่อนจะพึมพำต่อ “ฉันชอบนายมาเป็นชาติแล้ว…แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเถอะ ให้ตาย…ฉันจะไปหยุดชอบนายได้ยังไง…”
มินโฮก็รู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้วตามที่นิวท์ว่าจริงๆ…เพราะคงไม่มีคนสติดีที่ไหนหรอกที่แทบจะลืมความโมโหปนน้อยใจที่สะสมมาทั้งวันได้แค่เพียงเพราะได้ฟังประโยคง่ายๆ ติดจะสับสนเสียด้วยประโยคเดียวอย่างนี้
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ” หนุ่มเกาหลีพยายามตีหน้ายุ่งเหมือนเดิม “นายเอาแต่สนใจคนอื่น…เอาแต่แจกขนมคนอื่นนี่…”
นิวท์นิ่งไป สมองประมวลผลชั่วครู่…ก่อนจะพูดช้าๆ ออกมา
“ที่นายคิดว่าฉันไม่ชอบนายแล้ว…ก็เพราะฉันไม่ได้ให้ป็อกกี้นายเหรอ?”
มินโฮไม่ตอบ…และนั่นเองที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าเขาคิดถูก
“โอ้ย…ให้ตายเหอะ…” หนุ่มน้อยผมทองกลั้นหัวเราะจนแก้มแดง ก้าวเข้าไปยืนเบื้องหน้าอีกฝ่าย…ใกล้จนแค่เพียงกระซิบก็ได้ยิน “ฟังนะ…”
เอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อเปิดกล่องสีแดงในกระเป๋าเบลเซอร์…หยิบป็อกกี้แท่งสุดท้ายออกมา
“จริงๆ แล้ว…ป็อกกี้กล่องนี้ทั้งกล่องเนี่ยเป็นของนาย แต่ฉันพลาดเองที่แจกชาวบ้านไปทั่ว” รอยยิ้มของนิวท์สดใสเขินอาย…และก็มีเพียงบิสกิตแท่งบางๆ เท่านั้นที่ขวางริมฝีปากของพวกเขาอยู่ “…แต่สบายใจเถอะ ฉันกะจะฉลองป็อกกี้เดย์กับนายแค่คนเดียวเลย”
มินโฮยังไม่เปลี่ยนสีหน้า และนั่นก็ทำให้นิวท์แอบเริ่มใจเสียชอบกลว่าหรืออีกฝ่ายจะโกรธจริงจัง…เขาขยับจะพูดเพิ่มเติม แต่ก็ได้แต่อุทานเสียงหลงแทนเมื่อมือของมินโฮขยับมาคว้าแท่งป็อกกี้ไปแบบไม่กลัวมันหักเลย
“รู้มั้ยนิวท์…” คุณประธานชมรมกรีฑาพูดแบบไม่สนความตกใจของเขาสักนิด “…ถ้านายอยากจะจูบฉันน่ะ นายไม่ต้องมารอเพื่อใช้ข้ออ้างเป็นวันขนมอะไรหรอกนะ”
แล้วแท่งป็อกกี้นั่นก็โดนปล่อยให้ตกพื้น…เพื่อที่มินโฮจะได้ใช้มือว่างๆ นั่นมารั้งเขาเข้าไปจูบ
จูบแบบจริงๆ เลย
จูบแบบจูบ
บนริมฝีปากเลย
นั่นแหละ แบบนั้นแหละ
แตกต่างก็เพียงแต่…ของจริงมันดีกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเลย
จูบแรกห่างจากจูบที่สองแค่เพียงช่วงลมหายใจ…นิวท์เบียดตัวเข้าหาคนตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมสีดำสนิทนั้นไว้ และมินโฮก็ชอบความรู้สึกของการมีอีกฝ่ายอยู่ในอ้อมแขนแบบนี้ชะมัด แล้วตอนที่ทั้งสองผละจาก…มินโฮก็เพิ่มเข้าไปอีกว่าภาพนิวท์ที่หอบหายใจถี่รัวและเรียวปากแดงระเรื่อไปหมดแบบนี้ก็เป็นอะไรที่เขาชอบด้วยเหมือนกัน
“นาย…” หนุ่มน้อยผมทองพูดพร้อมสูดลมหายใจ ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากของมินโฮ “…นายก็กินขนมมานี่นา?”
เขาไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าตนรู้ได้เพราะว่ารสชาติหวานๆ นั่นยังติดอยู่บนปลายลิ้นของอีกฝ่าย
คุณประธานชมรมกรีฑาถอนหายใจแบบคนโดนจับได้ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบของจากกระเป๋าเบลเซอร์ของตัวเองบ้าง…กล่องขนมหน้าตาคล้ายๆ ป็อกกี้ แต่สีบอกให้รู้ว่าคนละรสกันและตัวหนังสือบนกล่องนั้นเป็นคนละภาษา
นิวท์เอียงคอนิดๆ ตอนอ่านตามช้าๆ “เป…เป…โร่?”
“สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ด” มินโฮยักไหล่ “เปเปโร่เดย์”
คุณประธานชมรมทำสวนขมวดคิ้วทันที หยิบกล่องขนมของตัวเองมาชูโต้ “ไม่ใช่…สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ดมันป็อกกี้เดย์”
“มันเป็นป็อกกี้เดย์ถ้านายอยู่ญี่ปุ่น” หนุ่มน้อยผมดำยักคิ้วตอบ เขย่ากล่องในมือตนเบาๆ “แต่มันเป็นเปเปโร่เดย์ถ้านายอยู่เกาหลี”
นิวท์มองกล่องป็อกกี้รสช็อกโกแล็ตสีแดงของตัวเองกับกล่องเปเปโร่รสคุกกี้แอนด์ครีมสีขาวของมินโฮ…รู้สึกอยากจะอ้าปากค้างกับการกลั่นแกล้งของอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง เพราะนี่ถึงจะไม่ใช่…แต่ระดับความพลาดก็ใกล้เคียงกับตอนข้าวห่อสาหร่ายเลยทีเดียว
ทำไมเขาต้องมาเจอแต่อะไรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเนี่ย…
นิวท์รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลพรากกับชะตากรรมความเงิบของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปเอากล่องเปเปโร่มาดูใกล้ๆ…ถามขึ้นมาเมื่อสังเกตถึงน้ำหนักของกล่อง
“ทำไมหมดแล้วล่ะ?”
…นายเอาไปให้ใครที่ไม่ใช่ฉันเหรอ? เป็นประโยคที่นิวท์ไม่กล้าถามต่อ
“หมดแล้วล่ะ โทษที” มินโฮถอนหายใจ “ฉันกะจะมาให้นายนั่นแหละ…แต่หงุดหงิดเลยกินเองหมดแล้ว”
หนุ่มเกาหลีลอบสังเกตสีหน้าของคนในอ้อมแขน…ความงี่เง่าของเขาไม่ได้ทำให้นิวท์โมโหอะไรอย่างที่กลัว หนำซ้ำ…หนุ่มน้อยผมทองยังขยับยิ้มเขินๆ ด้วยแก้มแดงๆ นั่นเสียด้วย…รอยยิ้มที่โผล่มาชั่ววูบ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระแอมกระไอแล้วพูดเสียงขรึม
“ไม่หรอก ไม่เป็นไรหรอก…” ประโยคสั่นระริกนิดหน่อย ปลายนิ้วแตะไล้บนริมฝีปากของเขาแทนการอธิบาย “เพราะว่า…อืม…เอามาชิมอีกนิดก็ได้…”
มินโฮหัวเราะหึๆ…ตอบให้นิวท์รู้ว่าเขาเข้าใจได้เองเป็นอย่างดีแล้วด้วยการจูบอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง
Fin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in