เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Europe Chapter 2KanSiri
บทที่ 9 ฮาโลวีน และคริสต์มาส
  •            จะว่าไปนี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ผมมีโอกาสอยู่ต่างประเทศในเทศกาลสำคัญๆ แต่ที่จริงน่าจะคิดเองแหละ โดยเฉพาะฮาโลวีน ที่ UK ดูเหมือนว่าคนจะไม่ได้อินกับวันนี้ซักเท่าไหร่ วันปล่อยผีกลายเป็นวันปาร์ตี้ใส่คอสเพล์ซะอย่างงั้น ระหว่าช่วงเทศกาลนี้ผมก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปไหนเท่าไหร่นอกจากจะต้องเขียนงานส่งแล้วก็ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบเพราะใกล้จะหมดเทอมแรกแล้ว ทุกอย่างต้องเสร็จก่อนเทศกาลคริสต์มาส

                ระหว่างอยู่ที่หอพักกับเด็กป.ตรี มันก็มีเรื่องกวนใจของผมอยู่ นั่นก็คือ ใครเอาชามกูไปไหนวะชามสีเขียวใบเดียว ใช้แล้วล้างใช้แล้วล้างมันมีคนโด้เอาไป ไม่เอามาคืนซักทีสอบถามกับเพื่อมแฟลตเมทก็ได้ใจความว่าไม่มีใครหยิบไป แล้วหมาที่ไหนมันหยิบไปวะ?’ เออนั่นน่ะซิ

                มีโอกาสเจอทิมมี่เลยถามไปว่าเจอชามไอไหมอะ “Did you see my bowl? The green one” เห็นชามข่อยไหมสีเขียวๆอะ?

                ทิมมี่: “I don’t think I see yours”

                โอเคไม่เจอก็ไม่เจอผมก็ไม่ได้ว่าอะไรจังหวะพอดีกับที่อิทิมมี่หยิบฟักทองออกมาพร้องกับถ้วยใส่เม็ดฟักทองในตู้เย็น

                Me: “That’s it!” ผมชี้ไปที่ถ้วย “It’s mine!!” นั่นแหละถ้วยกูไอ้ชะมดน้อยแล้วมาบอกว่าไม่เห็น

                ทิมมี่: Oh! Is it yours? Sorry, but the color inside is white not green!”

                ยังยังจะมาเถียงข้างในสีขาวแต่ข้างนอกสีเขียวไง ไอมันสำปะหลัง กูหาตั้งนานทิมมี่ทำท่าทีแก้เขิน โอเคๆ คืนให้ก็ได้แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องมาที่สลักฟักทองหน้าผีเฉย เออแต่ก็สนุกดี กูยกโทษให้ก็ได้กลายเป็นว่าเปิดประสบการณ์ทำหัวฟักทองผีซะแทน

                และแล้วคืนฮาโลวีนก็มาถึงไม่มีอะไรพิเศษ แต่หอพักผมไฟไหม้ สัญญาณร้องดังจนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมา เท่าที่รู้ไหม้ไม่มาก รู้ตัวอีกทีคนออกไปหน้าหอกันหมดแล้ว มีผมนั่งชิลอยู่ในห้องเพราะคิดว่าเดี๋ยวสัญญาณก็ดับ ที่ไหนได้ คนเค้าอพยพออกไปหมดแล้วจ้า แต่ก็ไม่ได้มีอะไรโหดร้ายคืนนั้น หลายคนยกโน๊ตบุ๊คหนีลงมาเขียนรายงานด้วยเพราะกลัวงานโดนไปไหม้ อันนี้คือสุดจริง

                อากาศเริ่มเย็นลง พระอาทิตย์ตกเร็วขึ้น สี่ห้า โมงก็มืดแล้วช่วงฮาโลวีนใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยดี แต่จะสวยยังไงเราก็รู้สึกได้ว่าการเดินเล่นข้างนอกช่วงอากาศหนาวมันเป็นอะไรที่ทรมานชิบเป๋ง มือชา หูชา ไอ้นั่นก็ชา ชาไปหมด ด่านนี้ถือว่าปราบเซียนคนอยู่ต่างประเทศก็ว่าได้ไม่มีทางออก มีแต่ต้องทน ฮ่าๆ ขนาดใส่เสื้อหนาๆแล้วมือไม้ที่ต้องใช้ตลอดเวลาก็ชาไปสิ แต่อย่างนั้นจริงๆแล้วสิ่งที่เลวร้ายมันไม่ใช่อากาศหนาวหรอกมันคือลมที่พักมาต่างหาก พัดมาทีก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้วไม่ต้องพูดถึงวันฝนตกเลย บอกได้คำเดียว บรรเทิง

                จะว่าไปหลังจากที่เปิดเทอมผมยังไม่ได้มีโอกาสได้เล่าว่า แฟลทเมทในหอผมนั้นมีใครบ้างหลายๆคนก็เริ่มทะยอยมาก่อนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เรียงตามคนที่ผมได้เจอก็มี ดิโล่หนุ่มแอฟริกันจากไอร์แลนด์ จากนั้นผมก็เจอ ออเนอร์ (Honor) สาวจากเอดินบะระ แอนดริว หนุ่มจากอินเวอเนสคนนี้ผมได้มีโอกาสคุยเยอะพอสมควรเนื่องจากชอบดนตรีเหมือนกันอีกทั้งยังเป็นคนเข้ามาปลอบใจตอนผมอกหักด้วยโดยการเล่นเพลงให้ฟังหนึ่งเพลงถ้วน เฟรนลี่ไปไหน ต่อมาคือโจ หนุ่ม ฮอตสาวกรี๊ดที่มาๆหายๆไม่ค่อยอยู่ห้องแล้วผมก็ไม่ได้เสวนากับเขาเท่าไหร่อะนะ ดูเกรียนๆ แอนนา สาวจากที่ไหนจำไม่ได้รู้แค่ว่ามีพ่อเป็นคนเยอรมัน แอนนาชอบเอาช๊อกโกแลตมาฝากเธอมีจุดยืนชัดเจนว่าเป็นไบเซ็กชัวล์ กี่คนละนะ 5 คนแล้ว

                คนที่หกคือฮันน่า ห้องเธออยู่ติดกับผม นิสัยดี อัทธยาศัยดี น่ารัก คนที่เจ็ดคือ เคทลินสาวจากแดนมะกัน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่คุยกับผมบ่อยอยู่ เรียนเอกประวัติศาสตร์เอาเป็นว่าหลักๆก็น่าจะครบแล้วแหละ ซึ่งผมก็ แฮปปี้แหละ คนเยอะขนาดนี้ ?>@#$+$ คนแม่งเยอะไปไหน และผมซึ่งไม่ชอบคนเยอะต้องมาเจออีก 7 คนรวมผม เป็น 8 ในแฟลตเดียวกันบอกได้คำเดียว บรรเทิงอีกรอบ

                ในขณะที่ผมเข้าใจว่าในแฟลตมันมี 8 ห้องมาตลอด ผมก็ได้มาเจอกับตัวละครสุดท้ายนั่นก็คืออิทิมมี่ เนี่ยแหละ สรุปคือ ทิมมี่คือแฟลตเมท คนที่ 8 และทำให้ทั้งแฟลตมีห้องทั้งหมด 9 ห้อง ซึ่งตอนแรกผมไม่ได้เอะใจจนผมลองนับจำนวนคนตอนที่ซื้อขนมกลับไปฝากเพื่อนๆ ว่าเฮ้ย ทำไมมันมี 8 คนวะ รวมเรา ก็คือ 9 คนผมเลยกลับมาที่หอแล้วมาเดินนับห้องในแฟลตดู สรุป แม้งมี 9 ห้องจริงๆเอ่ออออ นี่ตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมากูเข้าใจผิดมาตลอดเลยหรอเนี่ย

                ฤดูใบไม่ร่วงผ่านไปถึงแม้ฮาโลวีนจะไม่ใช่เรื่องน่าจดจำเท่าไหร่สำหรับประสบการณ์ครั้งแรกที่มาอยู่ที่นี่แต่อย่างน้อยๆคริสต์มาสครั้งแรกก็มีความรู้สึกน่าสนใจไม่น้อย หลักๆก็น่าจะเป็นตลาดคริสต์มาสหรือที่เรียกว่า Christmas Market คือสิ่งที่....ดีจัง แต่ให้ฟีลลิ่งเหมือนเดินงานวัดที่ไทยบรรยากาศอาจต่างกันแต่ความรู้สึกนี้มันใช่เลย งานวัดชัดๆ ขายขนม เล่นเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ เอ้อ ดีๆ แต่ที่ชอบสุดน่าจะเป็น Ice Skate นี่แหละ 30 นาที 20 ปอนด์มั้ง ราวๆนี้แหละผมจำราคาเป๊ะๆไม่ได้แต่สนุกม๊ากกก ครั้งแรกมันก็จะเกาะราวอะนะ ลื่นบังคับทิศทางบ่ได้อะสู โดยรวมก็...เออเยี่ยมๆ

                ระหว่างที่มีความสุขกับคริสมาสต์ใดๆพอถึงวันที่ 25 ธันวาทุกอย่างจะปิดหมดจริงๆ อาจจะเหลือร้านซูเปอร์เล็กๆ แต่ห้างใหญ่ๆ ก็จะปิดรถเมล์จะไม่วิ่ง ร้านอาหารก็ปิด ก็มีเปิดบ้างแต่น้อยมาก ถือได้ว่าเป็นว่าหยุดแห่งชาติจริงๆผู้คนส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้าน อยู่กับครอบครัว ซะเป็นส่วนใหญ่

                ส่วนผมนั้น ก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนๆน้องๆคนไทยชวนไปงานปาร์ตี้เล็กๆ เพราะวันนี้พวกเราต้อง
    เตรียมอาหารเองนอกจากนี้ก็แอบมีแลกของขวัญจับฉลาก สร้างฟีลกันไป แต่ที่โชคร้ายหน่อนก็คือ คริสต์มาสปีนี้หิมะไม่ตกเป็นปีที่ตกซักสองสามวันแล้วก็ละลายหายไปกับสายลม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นประสบการณ์หิมะครั้งแรกคือ ไม่ได้ปั้นมนุษย์หิมะเลย เฮ้ออออ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in