หลังจากส่งหัวข้อธีสิส สิ่งที่ตื่นเต้นกว่านำเสนอคนแรกก็คือประกาศอาจารย์ที่ปรึกษา ที่ถึงแม้จะคุ้นเคยกับอาจารย์ทุกท่านมาตลอด 4 ปี แต่ก็อดไม่ได้ ขอตื่นเต้นสักหน่อยก็ยังดี พอให้เป็นสีสันในการทำธีสิสเล็กน้อย
แน่นอนว่าหลังจากประกาศอาจารย์ที่ปรึกษาเราก็มีเวลาแยกย้ายกับไปทำงานถึง 4 สัปดาห์ด้วยกัน โดยทุก ๆ สัปดาห์เราจะต้องเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาผ่าน Zoom หรือจะเข้าพบที่มหาวิทยาลัยก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องทำระหว่างนี้ คือ การแก้ไขเนื้อเรื่อง หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำ อ่านวรรณกรรมและหนังสือภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะอ่านได้ เขียน Blog ต่อด้วยการลองวาดภาพประกอบ
และสิ่งสุดท้ายคือการออกไปสัมภาษณ์คนในหมู่บ้านกับจั๊กกี้สีแดง หรือจักรยานคู่ใจสีแดงสดใสที่มองจากหน้าซอยก็รู้ว่าใครคือเจ้าของ เพราะในหมู่บ้านมีอยู่คันเดียวที่เป็นสีแดง
การออกไปปั่นจั๊กกี้สีแดงมีจุดประสงค์หลักเพื่อคลายเครียดจากการทำงาน แต่ใครจะรู้ว่าการออกไปปั่นจักรยานสำหรับเด็กปี 4 ที่กำลังเผชิญหน้ากับธีสิสก็คือการออกไปทำงานอยู่ดี เพียงแค่เปลี่ยนจากนั่งที่โต๊ะทำงานเป็นนั่งคิดบนจั๊กกี้สีแดง เพราะระหว่างทางที่ปั่นไปก็พบว่าในซอยมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก และจำนวนเด็กที่เจอก็มีเพียง 3 คน
แม้ว่าจะทำเหมือนปั่นผ่าน ๆ ไป 2 รอบ แต่มีหรือเด็กปี 4 ที่กระหายแรงบันดาลใจในการทำงานจะไม่สนใจ เพราะทุกครั้งที่ปั่นผ่าน นอกจากตาที่ดูทางแล้ว หูก็ยังมีไว้ฟังบทสนทนารอบข้างอีกด้วย จนในรอบที่ 3 ก็ตัดสินใจให้จั๊กกี้คู่ใจจอดพักเพื่อคุยกับคุณยายแถวนั้นสักหน่อย
“อยู่คนเดียวแบบนี้ คุณยายเหงาไหมคะ”
“มันก็มีบ้างที่เหงาอะลูก แต่พอได้เล่นกับไอ้ตัวเล็กมันก็พอช่วยได้นะ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือวิ่งตามไม่ทัน”
จากการจอดคุยกับคุณยายแถวบ้านนักข่าวสาวกับจั๊กกี้สีแดงพบข้อสรุป ดังนี้
1. ประชากรในหมู่บ้านมีผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก
2. เมื่อเด็กน้อย จึงทำให้เพื่อนวัยเดียวกันน้อย เด็กจึงมีผู้สูงอายุเป็นเพื่อน
3. ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวมีกำลังใจจากการเล่นกับเด็ก
4. มีการฝากเลี้ยงเด็ก ๆ กับผู้สูงอายุข้างบ้าน
จึงเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ”ผู้สูงอายุที่เหงากับเด็กที่ไม่มีเพื่อน“
เมื่อมีแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เข้ามาก็ทำให้เนื้อเรื่องที่จากเดิมเป็นเรื่องราวระหว่างเด็กชายและคุณยายข้างบ้านก็เปลี่ยนเป็นเด็กชายและคุณยายที่อยู่บ้านพักคนชราแทน แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่ดูเป็นการบังคับกันเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่ามีเด็กที่เติบโตท่ามกลางบ้านพักคนชราอยู่จริง แล้วการกระทำของเด็กเล็กก็ทำให้ผู้สูงอายุมีกำลังใจในการใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน เมื่อคิดได้ดังนี้ก็มีหวั่นใจเล็กน้อย กลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี
ตอนนี้ได้แต่ Manifest ตัวเองแบบที่พี่ลูกเกดสอนมาว่า “ทำได้ไหม ฉันทำได้!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in