เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวหนังสือแบบเครียดๆWanderingBook
-คน 10 บาทกับคน 10 ล้านบาท ‘มูลค่า’ กับ ‘คุณค่า’-
  • ถ้าคุณไม่เชื่อพระไตรปิฎกตาคุณไม่บอดหรอก แต่ถ้าคุณเชื่อพระไตรปิฎกโดยไม่กังขาคุณจะตาบอดทั้งสองข้าง
    เราต้องการประเมินชีวิตคนอื่นหรือให้คนอื่นประเมินชีวิตเราเป็น 'มูลค่า' หรือ 'คุณค่า'?


    ผมคิดว่าหลายคนน่าจะได้ฟังคลิปของผู้กองเบนซ์ เรื่อง 'พระพุทธเจ้าสอนเศรษฐี ถ้าอยากได้ดีให้เลิกคบเหี้ยก่อน'

    https://www.facebook.com/polcaptbenz/videos/2564881447100542/

    ผมเคยบอกแล้วว่าผู้กองเบนซ์ฉลาดที่นำพุทธศาสนาซึ่งมีอิทธิพลต่อสังคมไทยมาประยุกต์กับการตลาดและสร้างสไตล์การนำเสนอแบบของตน จนมีชื่อเสียงโด่งดัง คนติดตามเพจ 1.3 ล้าน คลิปนี้มีคนกดไลค์ 1 แสน แชร์ 3.5 หมื่น

    สิ่งที่ผู้กองเบนซ์พูดฟังดูถูกต้อง ฟังแล้วฮึกเหิม ชวนคิด แต่...

    เราตีค่าชีวิตมนุษย์เป็นเงิน 10 บาทกับ 10 ล้านได้จริงเหรอ? เชื่อว่าจะมีข้อถกเถียงว่ามันเป็นการเปรียบเทียบ ถึงกระนั้นมันก็ยังมีประเด็นให้ไตร่ตรองอยู่

    1-ผมไม่คิดว่าการเปรียบเทียบทำนองนี้เป็นอุปลักษณ์ที่เหมาะสมและมองเห็นคนคนหนึ่งอย่างที่เขาเป็น หรือยิ่งกว่านั้นคือมองคนไม่เท่ากัน โดยแบ่งแยกจากความร่ำรวย สถานะทางสังคม การศึกษา ชาติตระกูล และอื่นๆ ในโลกความเป็นจริง ถ้าเราแบ่งคนตามนี้ ด้วยรอยแตกทางสังคมอันใหญ่โต คน 10 บาทจะมีโอกาสเข้าใกล้คน 10 ล้านมั้ย? กลับกันถ้าผมเป็นคน 10 บาทหรือ 1,000 บาท คน 10 ล้านบาทจะยอมคบผมหรือเปล่า? ผมคิดว่าการแบ่งคนแบบนี้ ผิด


    ถ้าคุณไม่เชื่อโค้ชตาคุณไม่บอดหรอก แต่ถ้าคุณเชื่อโค้ชโดยไม่กังขาคุณจะตาบอดทั้งสองข้าง


    2-การพูดว่าไม่คบคนพาล ถ้าฟังแค่นี้ก็น่าจะถูกใช่มั้ย? ถามว่าคนพาลคืออะไร ถ้าเราบอกว่าคนนี้คือคนพาล ก็ต้องถามอีกหรือไม่ว่าอะไรทำให้เขาเป็นคนพาล ถ้าเพื่อนคุณทำผิดพลาดในชีวิต คุณจะบอกว่า ฉันเลิกคบแกเพราะแกเป็นคนพาลหรือ? เราทุกคนต่างเป็นคนพาลและบัณฑิตกันทั้งนั้น ไม่มีใครไม่เคยเป็นคนพาลและไม่มีใครเป็นบัณฑิตได้ตลอดเวลา

    3-ถูกที่ว่าในความสัมพันธ์ เราแยกระหว่างเพื่อนกับคนรู้จัก เราเลือกคบเฉพาะเพื่อน 10 ล้านได้จริงหรือ? และจากคลิป สิ่งนี้เรียกว่าการแสวงหามิตรภาพหรือการแสวงหาผลประโยชน์ เราคบเพื่อนจากประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับหรือ? เหมือนกับที่หนังสือ how to จำนวนหนึ่งแนะนำเรื่องการให้เพื่อที่เราจะได้รับกลับมามากกว่าที่ให้ไป ลักษณะนี้เรียกว่าการให้หรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เราจะคบหาบนฐานผลประโยชน์เท่านั้นใช่หรือเปล่า?

    4-โลกนี้เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย การเลือกคบเฉพาะคน 10 ล้าน ไม่น่าจะช่วยให้เรารู้จักโลกในทุกเหลี่ยมมุมได้ ใช่ ผมเป็นคนเข้าถึงยาก ดูข้างนอกก็ไม่น่าคบหา แต่ผมยินดีจะสนทนา รับฟัง และคบหาคน 10 บาท ถ้าเขารับความยากของผมได้ การทำงานพาผมไปเจอตั้งแต่พนักงานบริการทางเพศ ผู้ป่วยจิตเภท ผู้ต้องขัง ฆาตกร อดีตนักโทษประหาร เกษตรกร ชาวบ้านธรรมดา ผู้ติดเชื้อเอชไอวี รัฐมนตรี ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ ฯลฯ ไม่ว่าคุณจะตีค่าคนเหล่านี้ไม่ครบบาทหรือ 100 ล้านบาท พวกเขาก็เป็นมนุษย์ คุณจะผลักไสคน 10 บาทออกไปจากสังคมนี้หรือ?

    5-การอ้างมงคลชีวิต 38 ประการ ทุกวันนี้มีใครทำได้ทั้ง 38 ข้อบ้าง นักบวชยังทำไม่ได้เลย การทำให้แจ้งเพื่อพระนิพพาน...จะทำเพื่อ? ไม่คบคนพาล เลือกคบบัณฑิต ถามว่าศากยะมุนีใช้เส้นอะไรในการวัด? คนที่ปฏิบัติตามคำสอนเป็นบัณฑิต ไม่ปฏิบัติตามเป็นคนพาล? หรือเรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องดีโดยไม่ต้องตั้งคำถามอย่างความกตัญญู คิดว่าการบวชแล้วทิ้งให้พ่อแม่ดูแลตัวเองหรือให้พี่น้องคนอื่นดูแลแทนเป็นความกตัญญู? ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่อยากดูแลพ่อแม่ตัวเอง แต่ต่างก็มีข้อจำกัด แล้วแค่ไหนถึงจะกตัญญูหรืออกตัญญู คน 10 บาทที่ปากกัดตีนถีบเจียดรายได้น้อยนิดให้พ่อแม่กับคน 10 ล้านที่ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องใดๆ ดูแลพ่อแม่ด้วยสิ่งของ เงินตรา คนรับใช้ แต่แทบไม่เคยไปเจอหน้าพ่อแม่เลย ความกตัญญูของ 2 คนนี้ต่างกันหรือเปล่า? ยังไม่นับว่าคติความกตัญญูบางครั้งก็เป็นพันธนาการชีวิตคนคนหนึ่งได้อย่างน่ากลัว

    6-ทิศ 6 ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า ถ้ามีคนนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ความสัมพันธ์พังแน่และเป็นไปไม่ได้ในทางความเป็นจริง ยกตัวอย่างศิษย์ควรปฏิบัติกับอาจารย์ด้วยการยืนต้อนรับใช้หรือเชื่อฟัง แล้วทิศเบื้องขวาก็ไม่ได้บอกให้ครูรับค่าเล่าเรียนจากศิษย์ (!?!?!) ทิศเบื้องหลังภรรยาควรทำงานบ้านให้เรียบร้อย ผู้หญิงทำได้แค่นี้หรnอ? ทิศเบื้องล่าง ลูกจ้างต้องเริ่มงานก่อน เลิกงานทีหลังนายจ้าง จริงไหมในโลกปัจจุบัน? แล้วทำไมนักบวชถึงต้องอยู่ทิศเบื้องบน แทนที่จะเป็นพ่อแม่ นักบวชควรบอกทางสวรรค์แก่คฤหัสถ์ เรื่องนรก-สวรรค์นี่หรือเปล่าที่ฉุดรั้งคนไทยจำนวนมากให้เชื่อบุญบารมี เชื่อลำดับชั้นในสังคม คนจนไม่เท่าคนรวย?

    สำหรับผม พระไตรปิฎกคือบันทึกปะปนเรื่องแต่ง แถมมีการเมืองผสมด้วย ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไรขนาดนั้น (และผมเชื่อเช่นนี้กับคัมภีร์ในทุกศาสนา) มันอาจถูกเมื่อ 2,500 ปีก่อน แต่มันไม่จำเป็นต้องถูกในอีก 2,500 ปีให้หลัง ก็ใช่ มันอยู่ที่การตีความให้เป็นประโยชน์ ทว่า การตีความค่อนไปทางเถรตรงแบบนี้น่าจะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ เมื่อผ่านการเปรียบเทียบในคลิป กลับยิ่งแบ่งแยกคนออกจากกัน

    จากยอดไลค์ แสดงว่ามีคนเห็นดีเห็นงามไม่น้อย แต่ผมอยากให้ถอยกลับออกมาเล็กน้อยและมองความหลากหลายของผู้คน

    "ถ้าคุณไม่รู้ประวัติศาสตร์ก็ตาบอดข้างหนึ่ง แต่ถ้าคุณเชื่อประวัติศาสตร์ไม่มีข้อกังขาคุณตาบอดสองข้าง" ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดไว้อย่างนี้

    ผมขอนำมาปรับใช้-ถ้าคุณไม่เชื่อพระไตรปิฎกตาคุณไม่บอดหรอก แต่ถ้าคุณเชื่อพระไตรปิฎกโดยไม่กังขาคุณจะตาบอดทั้งสองข้าง

    ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณไม่เชื่อโค้ชตาคุณไม่บอดหรอก แต่ถ้าคุณเชื่อโค้ชโดยไม่กังขาคุณจะตาบอดทั้งสองข้าง

    เราต้องการประเมินชีวิตคนอื่นหรือให้คนอื่นประเมินชีวิตเราเป็น 'มูลค่า' หรือ 'คุณค่า'?

    รูปประกอบจาก http://www.thaigoodview.com/node/204242

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in