#อ่านแล้วรู้สึกปวดร้าวสงสารตั้งแต่2หน้าแรกพอบทถัดไปเริ่มเดือด?
#เพราะเราทุกคนคือคิมจียอง
#หนังสือที่บอกเล่าสังคมชายเป็นใหญ่ในเกาหลี
•
ชื่อหนังสือ : #คิมจียองเกิดปี82
ผู้เขียน : Cho nam joo
ผู้แปล : ตรองสิริ ทองคำใส
•
หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายที่ดำเนินเรื่องโดยตัวหลักคือ คุณคิมจียอง ที่อยู่มาวันหนึ่งสามีสังเกตเห็นว่าภรรยาของเค้าดูแปลกไปเหมือนกลายเป็นคนอื่น บางครั้งก็เรียกสามีว่าคุณลูกเขยแล้วทำท่าทางการพูดเหมือนแม่ของตัวเอง หรือเป็นรุ่นพี่คนสนิทที่เสียชีวิตไปแล้ว จนวันหนึ่งเป็นช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษของเกาหลี คุณคิมจียอง สามีและ ลูกสาว ต้องไปบ้านแม่สามี จนไปเกิดเหตุการณ์ที่คุณคิมจียองพูดเหมือนแม่ตัวเองแล้วระเบิดอารมณ์ที่เหมือนจะอัดอั้นอยู่ของในใจตัวเอง ออกมาต่อหน้าครอบครัวสามี จนทุกคนตกใจว่าทำไมคุณคิมจียองถึงเรียกสามีตัวเองว่า คุณลูกเขย แล้วระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาในความคิดว่าเป็นแม่ของตัวเอง (โอ๊ยงง)ประมาณว่า "เวลามีเทศกาลสำคัญลูกสาวของตัวเองก็อยากกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านบ้างไม่ใช่เทศกาลอะไรก็มาแต่บ้านแม่สามี" เป็นไงล่ะ ทุกคนที่ฟังอยู่อึ้งไปเลยจร้า ลูกสะใภ้ที่ดูเรียบร้อยพูดน้อย แต่วันนี้มีท่าทีกลายเป็นคนอื่นแล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ทำไงหล่ะ สามีก็คิดว่าท่าจะสถานการณ์ไม่ดี พากลับบ้านดีกว่า แล้วพาไปพบจิตแพทย์ (นี่ถ้าเป็นเราเหรออาการแบบนี้ไปเลยจ๊ะไปให้หมอปลาตบหลังตีท้ายสักสองสามที? ผัวนึกว่าผีเข้า?)
•
เนี๊ยะแค่บทแรกเรายังรู้สึกสงสารหดหู่ใจไปกับเค้าเลย ว่าเค้าไปเจออะไรมาอะไรทำให้เค้าเป็นแบบนี้ พอบทต่อไปผู้เขียนเริ่มเขียนเล่าถึงเหตุการณ์ที่คุณคิมจียองต้องเจอมาตั้งแต่เด็กจนมีครอบครัว หนังสือเล่าถึงชีวิตของผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่มีสิทธิและได้รับผลประโยชน์เหนือกว่าในแทบจะทุกด้าน สังคมที่ผู้หญิงโดนข่มเหงรังแกพูดจาลวนลามในที่ทำงานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
•
สรุปหนังสือเล่มนี้เหมือนเป็นหนังสือที่แฉให้รู้ว่าสังคมเกาหลีสมัยก่อนเป็นแบบนี้นะ (ถึงว่าหนังสือตอนตีพิมพ์ครั้งแรกโดนดราม่าเลย) ผู้ชายเอาเปรียบข่มเหงรังแกผู้หญิง ดูถูกผู้หญิงที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกทำงานบ้านสารพัดว่าเป็นปลิงเกาะสามี โดยไม่เข้าใจเลยว่า การที่ผู้หญิงเลือกทำแบบนั้นถือเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทิ้งงานที่ตัวเองรัก ต้องมาดูแลลูกไหนจะทำงานบ้าน มีสิทธิ์อะไรมาว่าเค้าเป็นปลิงว่ะ!!! คืออ่านไปก็เอาใจช่วยให้คุณคิมจียองเจอคนดีดี ปวดข้อมือจากการอุ้มลูกทั้งวัน ทำงานบ้าน ไปหาหมอ อิหมอผู้ชายก็พูดเหน็บมาอีกว่าแม่บ้านสมัยนี้สบายมีเครื่องอำนวยความสะดวกนู้นนี้นั้นสบายกว่าแม่บ้านสมัยก่อน "เอ้า!!!ไอ้หมอบ้านี่" คืออ่านไปแล้วเดือดมาก หลายเหตุการณ์ที่คุณคิมจียองต้องเจอ แต่ละเหตุการณ์นี่คือ หื้ม!!!!!อยากกระโดดถีบขาคู่จริงๆ แต่มีฉากนึงโคตรจะสะใจเลยแทบจะลุกขึ้นตบมือให้พี่สาวคุณคิมจียอง มันเป็นเหตุการณ์ที่สี่คนแม่ลูก มี แม่ พี่สาว น้องชาย และคุณคิมจียอง ต้มบะหมี่กินกัน โดยต้มในหม้อรวมกันแล้วค่อยมาตักแบ่งกัน แต่น้องชายตักบะหมี่ใส่ถ้วยตัวเองจนเต็ม แทนที่จะตักให้แม่ก่อน พี่สาวคุณคิมจียองจึงดุน้องชายว่า ถ้าตักแบบนั้นแล้วคนอื่นที่เหลือล่ะ ก็ต้องแบ่งเท่าๆกัน พี่สาวคุณคิมจียองจึงตักเส้นกับน้ำแกงให้แม่ แต่ไม่วายแม่ก็ยังจะตักเส้นกลับไปให้น้องชายอีก จนพี่คุณคิมจียองโมโห แล้วพูดว่าที่หลังก็ต้มหม้อละซองไปเลย แต่แม่คุณคิมจียองก็บอกว่าน้องยังเด็กเป็นน้องคนเล็ก พี่สาวคุณคิมจียองก็สวนกลับว่า "ไม่ใช่เพราะเป็นลูกคนเล็กหรอก แต่เพราะมันเป็นลูกชายต่างหาก" บราโว่!!!!!!!! ????? สะใจโว้ยยยยย!!!???
•
ส่วนคุณคิมจียองอ่ะเหรอ เธอเป็นคนไม่พูดมีอะไรก็เก็บไว้ในใจ เราคิดว่านี้แหละคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอป่วย คนเราพอมีสิ่งที่มากระทบจิตใจสะสมเข้าไปเรื่อยจนเกิดเป็นความเครียดแล้วไม่ได้ระบายให้ใครฟัง หรือชอบเก็บเงียบไว้คนเดียว มันก็เหมือนระเบิดเวลา ที่วันหนึ่งมันต้องระเบิดเข้าสักวัน แต่มันจะระเบิดแบบไหนหล่ะ แบบเบาๆ หรือหนัก ถ้าให้เราคิดเราว่าการที่คุณคิมจียองป่วยกลายเป็นโรคหลายบุคลิก เพราะเกิดจากการที่เค้าโดนเอาเปรียบรังแกรู้สึกชีวิตไม่มีความยุติธรรมเลย แต่ก็เลือกที่จะเก็บเงียบไว้คนเดียว พออาการมันสะสมเข้ามากๆ มันเลยหาทางออกให้ตัวเองกลายเป็นคนอื่นที่เป็นแบบอย่างของผู้หญิงที่กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด เช่น แม่ของเธอ
•
มันเหมือนเป็นหนังสือที่เขียนแทนใจผู้หญิงเกาหลีอ่ะว่า "เห้ย!!!สิ่งที่คุณทำอยู่อ่ะ มันน่าขยะแขยงมากกว่าน่าภูมิใจนะที่ทำแบบนั้น เช่น เรื่องการคิดว่าการพูดดูถูกเพศหญิง การคิดจะลวนลามหรือทำอะไรกับร่างกายผู้หญิงเป็นสิ่งที่ถูก การคิดว่าผู้หญิงอยู่ต่ำกว่าตัวเองแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ การให้ผู้หญิงทำงานส่งเสียผู้ชายเรียนหนังสือ
•
แล้วก็อยากชื่นชมคนเขียนที่เขียนเรื่องนี้มาในรูปแบบนิยายแต่ก็มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงรองรับ เช่น บทความข่าว หรือเรื่องของกฏหมาย มันทำให้เรารู้สึกว่า "เห้ยถ้ามันมีบทความข่าวแบบนี้ออกมาแสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ต้องมีมูลซิ!!!มันถึงมีคนเขียนบทความข่าวออกมา เช่น บทความข่าว "รูปลักษณ์ภายนอกและความไม่เท่าเทียมทางเพศยังคงมีอยู่ในการเลือกพนักงานใหม่" , Yonhub News, วันที่ 11 ก.ค. 2005
•
แล้วก็อยากชื่นชมคนแปลด้วย แปลได้อ่านง่าย เห็นภาพชัดเจน ภาษาสวยมาก เราชอบประโยคนึงในหนังสือ "ความเสียใจน้อยใจโรยตัวลงทับถมบนสายสัมพันธ์คนทั้งคู่ดุจฝุ่นผงบนหลังตู้เย็นหรือชั้นติดผนังห้องน้ำ แม้จะเห็นเต็มสองตา แต่ก็เพียงปล่อยปละ ยอมรับให้เป็นไปเช่นนั้น"
•
สรุปคือรู้สึกเสียดายมากๆที่ไม่ยอมซื้อตั้งแต่ครั้งแรกที่ตีพิมพ์ แต่ก็มาซื้อจนได้เพราะผู้ชายเล่นหนังเรื่องนี้(อปป้ากงยู ลมหายใจแห่งภาคพื้นเอเชียของหนู)???
•
ให้10/10 ไปเลยจร้า ผู้หญิงก็อ่านได้รู้สึกเดือดดี? ส่วนผู้ชายถ้าอ่านก็ดีจะได้เข้าใจความรู้สึกผู้หญิงบ้าง การเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายและสบายอย่างที่คิด เราว่าไม่ใช่เฉพาะแค่สังคมเกาหลีหรอกที่เป็นแบบนี้ สังคมไทยบางบ้านก็ยังมีความคิดแบบนี้อยู่เลยด้วยซ้ำไป
•
#fernerydiary
#หนังสือดีบอกต่อ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in