.

"เอ็ดมันด์" กับ "เทอร์รี่" สองพี่น้องแห่งครอบครัวดับเบิิ้ลผู้มีน้ำหนักต่างกันสุดขั้ว เอ็ดมันด์นั้นออกจะอ้วนและมีน้ำหนักเกินไปหน่อย ส่วนเทอร์รี่ก็ออกจะผอมไปสักหน่อย แต่ถึงจะแตกต่างกัน กระนั้นสองพี่น้องก็ยังรักกันมากแบบที่ขาดใครไปไม่ได้เลยเชียว แต่แล้ววันหนึ่งในขณะที่กำลังปีนโขดหินเล่นกันในป่าทั้งสองคนก็ได้พลัดหลงเข้าไปในดินแดนใต้พิภพที่ซึ่งมีประเทศอยู่ข้างใต้สองประเทศ ประเทศหนึ่งคือประเทศทินนิเฟอร์ของเหล่าคนผอม และอีกประเทศหนึ่งคือประเทศแฟตตี้พัฟท์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นประเทศที่ตรงข้ามกับทินนิเฟอร์สุดขั้ว ชาวทินนิเฟอร์นั้นกินอาหารแค่วันละสองมื้อ พวกเขาผอมจนมีแต่หนังหุ้มกระดูก ชอบทำงานหนัก และตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่พวกแฟตตี้พัฟท์นั้นกินแทบทุกชั่วโมง พวกเขาอารมณ์ดีและเกียจคร้านอยู่เสมอ และที่สำคัญสองประเทศนี้ไม่ถูกกัน อันที่จริง เรียกได้ว่ากำลังจะมีสงครามระหว่างสองประเทศเพราะข้อพิพาทเรื่องเกาะที่ดันมาตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสองประเทศ พวกเขาตกลงกันไม่ได้ว่าควรจะให้เกาะชื่อว่าแฟตตี้เฟอร์หรือทินนิพัฟท์ เอ็ดมันด์กับเทอร์รี่ที่หลงเข้าไปอยู่ในความวุ่นวายนี้จะทำยังไงกันนะ?

.

"ศึกอ้วนผอม" เป็นหนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนที่ตัวพุดดิ้งอ่านชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ขนาดที่ว่าพอตัวหนังสือหายไปก็ต้องรีบไปคุ้ยหาจากกองหนังสือในร้านหนังสือมือสองที่งานหนังสือเลยทีเดียว หนังสือเล่มนี้เป็นวรรณกรรมที่มีจินตนาการอันลึกล้ำ แฝงด้วยอารมณ์ขัน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดก็สามารถบรรยายออกมาให้ผ่อนคลายในแบบที่เด็กๆ อ่านก็เข้าใจได้และไม่เกิดความรู้สึกหวาดกลัว "ศึกอ้วนผอม" พาเราไปพบกันชีวิตความเป็นอยู่ของสองประเทศที่แตกต่างกันและไม่ถูกกันโดยสิ้นเชิงเพียงเพราะน้ำหนักเป็นเหตุผ่านสายตาของเด็กชายทั้งสองอย่างเอ็ดมันด์และเทอร์รี่ ความน่าสนใจของ "ศึกอ้วนผอม" คือการค่อยๆ พาเราไปสู่โลกใต้พิภพอันน่าพิศวงตลอดจนถึงการพยายามคลายปมความขัดแย้งที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน การทะเลาะเบาะแว้งอย่างเอาเป็นเอาตายจะจบลงแบบไหนกันนะ บอกตามตรงว่าพุดดิ้งอ่านเองก็จำความรู้สึกตอนอ่านครั้งแรกไม่ได้แล้วเพราะมันนานเหลือเกิน แต่ที่แน่ๆ คือไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะต้องยิ้ม และนั่งพินิจพิจารณารูปประกอบสวยๆ ในเล่มอยู่เสมอ ถ้าจะมีหนังสือเล่มไหนที่เรียกว่าเป็นมาสเตอร์พีซในคลังของตัวเอง "ศึกอ้วนผอม" ก็คงติดโผอย่างไม่ต้องสงสัย