เราเช็คเอ้าท์ออกจาก Coco Beach Resort แล้วนั่งแท๊กซี่ไป Bus Station ของ The Sihn Tourist เพื่อนั่งรถไปยังเมืองดาลัด ซึ่งใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมง แต่ครั้งนี้เรานั่งรถนั่งไปกัน
ราคา
รถนั่งจากมุยเน่ไปดาลัด 79.000vnd/คน
The Sinh Tourist Bus station in Mui Ne
รถทัวร์ที่เรานั่งไปดาลัดวันนี้ เป็นรถทัวร์ธรรมดาๆ พวกเราไปถึงกันเป็นกลุ่มแรกก็มีสิทธ์ได้เลือกที่นั่งจากทั้งคันรถ เย้ แต่หลังจากนั้นก็มีอีกกลุ่มนึงขึ้นมา…
...เอ๊ะ อีกลุ่มนี้หน้าตาแม่งเหมือนคนไทยเลย
ขนาดตอนสบตากัน สายตาที่จ้องมายังเป็นภาษาไทยเลยอะ..
มิ้นท์ : (กระซิบ) มึงๆกูว่ากลุ่มนี้เขามาพร้อมเรา กูจำน้องเค้าได้ตอนลงเครื่องบินแล้วขึ้นรถบัสสาย 152 จากสนามบินคันเดียวกัน
เรา: ใช่หรอ
มิ้นท์: ใช่ๆ กูจำกระเป๋าโตโตโระของน้องเค้าได้
เรา: แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นน้อง
มิ้นท์ : ก็เค้าใช้กระเป๋าสะพายโตโตโระอะ
เรา: อ่อ
…
จ้ะ พวกกูคิดกันแค่นี้แหละ จ้ะ
แต่เราก็ยังไม่ได้ทักอะไรไปนะ นั่งเงียบๆ กลัวทักแล้วผิดคน เดี๋ยวหน้าแตก
น้องโตโตโระซุบซิบกับเพื่อนข้างๆ (แต่อีมิ้นท์ได้ยิน)
น้องๆ: ใช่กลุ่มนี้ปะ ที่นั่งรถเมล์ออกจากสนามบินพร้อมเรา
อีมิ้นท์ได้ยิน: ใช่ค่ะ!
(มิ้นท์! มึงหันไปตอบเค้าได้ยังง๊ายยย เค้าไม่ได้คุยกับมึง อีมิ้นนน เค้าคุยกับเพื่อนนนน)
น้องๆหันมาแบบอีพวกนี้ยังได้ยินกูอีกนะ .. โทษทีว่ะ เพื่อนพี่ขี้เสือก
ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย คนขับรถก็ขึ้นมา พร้อมกับพนักงานอีกคนทำท่าตรวจเช็คความเรียบร้อย
พนักงาน: โอเค รถขบวนนี้จะมีแต่พวกยูนะ
นั่นเท่ากับว่าขบวนรถที่จะขับไปดาลัด มีผู้โดยสารเพียง แปดคน นั่นคือกลุ่มเรากับกลุ่มน้องกระเป๋าโตโตโระ และเป็นคนไทยหมดเลย
เป็นการเดินทางสี่ชั่วโมงที่สบายที่สุด
อย่างน้อยๆ ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นในวันนี้แล้ว
เสน่ห์อย่างหนึ่งเวลาเราเจอคนภาษาเดียวกัน ในที่ต่างถิ่น เรามักจะปล่อยตัวสบายคล้ายๆเวลาอยู่บ้านเพื่อนคนสนิท อยากทำไรทำ อยากพูดไรพูด แล้วอีคนไทยห้าคนก็เริ่มปีนเบาะคุยข้ามที่นั่ง แหกปากพ่นภาษาไทย ไม่เกรงใจแผ่นดินชาติเวียดนามกันอย่างสนุกสนาน
อีฟ: นี่มาเที่ยวกันหรอ?
อีฟเริ่มทักทายกลุ่มน้องตามประสาคนอัธยาศัยดี
กลุ่มน้องกระเป๋าโตโตโระ : ..ใช่ค่ะ
มิ้นท์: อ่อ อันนี้มากันเองสามคนเหรอคะ
น้องๆกระเป๋าโตโตโระ: ช่ายยยค่ะ
อีฟ: อายุเท่าไหร่กันเนี่ย
น้องๆกระเป๋าโตโตโระ: 23 ค่ะ
อีฟ: อ่อ ก็รุ่นเดียวกับพวกเรานี่นาา
...
เรา: (กระซิบ) ไหนมึงบอกเค้าเด็กกว่า
มิ้น: ก็เค้าใช้กระเป๋าสะพายโตโตโระ!!!
เชี่ย..ไม่ยักรู้ ไอเทมโตโตโระแม่งโกงอายุได้
มิ้นท์จัดได้ว่าเป็นผู้โดยสารคุณภาพดีเกรดไทเทเนียม นั่นคือมันสามารถหลับในยานพาหนะได้ทุกชนิด ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใช้เวลานานหรือไม่นาน อีมิ้นท์สามารถสังเคราะห์ความง่วงของตัวเองออกมาได้ในตอนนั้น แล้วหลับคอพับคอเอียงจากโลกแห่งความจริงไปอย่างสงบ
ครั้งนี้ก็เช่นเคย ล้อรถหมุนออกจากสถานีได้ไม่ถึงสิบห้านาที แอร์ยังไม่ทันเย็นทั่วรถ มิ้นท์ก็หลับเข้าชานไปปรึกษาพระอินทร์ตามสูตรอัจฉริยะเทพในการนอนบนยานพาหนะ
...บางทีก็อยากเอาขวดน้ำแดงมาถวายบูชา แล้วจุดธูปขอหวยนะ
ตัดมาที่ด้านของอีฟผู้เมารถง่ายยิ่งกว่ากินเหล้า ไม่รู้ว่าการเขย่าของตัวรถมันทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของตัวอีฟมันสูงขึ้นหรือว่าอะไร แต่มันขี้เมารถเหลือเกิน เมาหยำเปได้ตลอดทาง อีฟจึงไม่ค่อยนอนบนรถเท่าไหร่ แล้วก็เลยชอบหาอะไรทำบนรถ
…
ความพอดีของพวกมึงสองคนอยู่ที่ไหน
ความบันเทิงตลอดระยะทางจากมุยเน่ไปดาลัด คือการมองทางจากทะเลขึ้นไปยังดงภูเขา รถขับผ่านภูเขาจากลูกนั้นไปอีกลูก ขับไปตามเหว่ภูเขาบ้าง ผ่านโค้ง ขึ้นเนิน ลงเนิน อีกทั้งคนขับรถคงจะเห็นว่าทั้งคันรถเป็นคนไทย จึงถือโอกาสแสดงการขับรถสไตล์รถเมลล์ไทยสาย8 ให้ดูเป็นการต้อนรับ
เรียกได้ว่าโดนธรรมชาติฟาดหน้าตลอดทาง พี่ครับ...ถึงโค้งแล้วมึงแตะเบรกบ้างก็ได้ ไม่ต้องรีบ พ่อพวกเราสบายดี พี่ไม่ต้องรีบขับไปหาพ่อใครทั้งนั้น
แถมมีแต่พวกเราที่อยู่ในรถคันนี้ เรากับอีฟจึงทำตัวบ้านนอกได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องอายใคร โดยการ ย้ายฝั่งไปถ่ายรูป ฝั่งซ้ายที ฝั่งขวาที ฝั่งข้างคนขับที
อีฟ: เธอคิดว่า โค้งตรงนี้หน้าตาเหมือนอะไร
งงดิ นั่งอยู่เฉยๆมาถามอะไรเกี่ยวกับหน้าตาโค้ง
ความสามารถพิเศษของอีฟ คือมันสามารถหาเรื่องคุยเข้าหาเราได้ตลอดเวลา โดยปกติเราไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครเท่าไหร่ พูดไม่เก่งแถมหน้าไม่เป็นมิตร จึงไม่ค่อยมีใครชวนคุยหรือเป็นเพื่อนด้วยตามสูตร ส่วนใหญ่แล้วจะมีคนอยู่สองประเภทที่จะมาชวนเราคุย คือพวกที่ชวนคุยเพราะเรื่องจำเป็นบางอย่าง เข้ามาถามนู้น ถามนี่ แล้วก็จากไป พวกที่สองคือ พวกที่ชวนเราคุยแล้ว เห็นทีท่าว่าเรายังไม่ค่อยพูดด้วย พูดคำตอบคำบ้าง (จริงๆแล้วเราแค่ไม่รู้จะชวนคุยอะไร) แล้วก็เริ่มตีตัวออกห่างไปเมื่อพบว่าเราคุยน้อย ไม่สนุก แต่อีฟไม่ใช่ทั้งสองแบบ
ในทีแรก เรางงแดกกับการสร้างมุนษย์สัมพันธ์ของอีฟเอามากๆ เพราะมันชวนคุยเก่งชิบหาย หาเรื่องคุยได้ตลอดเวลา ไม่ต้องคิดเรื่องจะชวนมันคุยกลับหรอกนะ พูดให้ทันมันก่อนเถอะและต่อให้เราไม่พูด อีฟก็จะสาธยายไปเรื่อย และเปลี่ยนหัวข้อคุยได้ไวมั่วซั่วมาก กระชากอารมณ์ตามกันแทบไม่ทัน เรียกได้ว่าต่อให้เราเป็นคนอัธยาศัยห่วยแตกไม่เป็นมิตรแค่ไหน เจอคนแบบอีฟเข้าไป รู้ตัวอีกทีก็สนิทกันเฉยเลย โดยมีมิ้นท์เป็นเซนอนุมัติขึ้นทะเบียนให้ว่า เราสองคนเคมีตรงกัน เข้ากันได้อย่างเป็นทางการเรียบร้อย
ถามจริงดิ!
กูมีเคมีอะไรคล้ายๆ กับ อีนี่ตรงไหนวะ?
เรา: ไหน
อีฟ: นี่ไง รถจะเลี้ยวแล้วๆๆๆ
เรา: .. ตัว N
อีฟ: *0*
แค่นั้นมันก็ตื่นเต้นละอะ...มุขหลอกเด็กสัดๆ
อีฟ: นี่ๆ โค้งตรงนี้ โค้งเลข 7
เรา: นั่นโค้ง ตัวS
อีฟ: นี่ๆโค้งตรงนี้ๆ...มันเหมือน พับผ้าเลย ‘โค้งพับผ้า’
เรา: ...ทำไม ต้องพับผ้า
อีฟ: ก็มันเหมือนเวลา เราพับผ้าอีฟจะพับแบบนี้ๆ (ทำท่าพับโชว์)
เรา: มันเหมือน z กลับด้านมากกว่า
อีฟ: ใครๆเข้าก็พับผ้ากันทั้งนั้นแหละ
…
อื้อ กูยังหาจุดเชื่อมโยง ระหว่าง ทางโค้ง กับ พับผ้าไม่เจอเลยเนี่ยะ!
เรา: เฮ้ยย นั่น...งู!
อีฟ: ไหนๆ
เรา: ไม่ ไม่ใช่โค้งแล้ว หมายถึง งู บนถนน..แล้ว...รถทับงูไปแล้ว
อีฟ: !!!!!
สำหรับอีฟผู้เป็นมิตรแท้สัตว์โลก เรื่องนี้ร้ายแรงราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหลุดเข้ามาในเมืองเถื่อน มีคนแก่วิ่งหนีโจรป่าที่ไล่กระทืบผู้หญิง ชกเด็กอ่อน ด่าพระ กินเนื้อสด
อีฟแม่งช๊อกตาแข๊ง
อีฟ: เค้าไม่ตายใช่มั้ย
เรา: คือ...ก็ไม่รู้…
อีฟ: มันไม่ตายหรอกมั้ง เมื่อกี้งูเค้าอยู่ตรงระหว่างกลางล้อรถพอดี มันคงจะลอดผ่านไป
เรา: อือ..ใช่ๆ ..คงรอดไปได้แหละ
กลัวตอบว่ารถทับงูตายจริงๆ แล้วอีฟจะกระโดดพุ่งลงจากรถ วิ่งกลับไปจัดพิธีศพให้อีงูตัวนั้น จากนั้นฉีกเสื้อเอามาโพกหัว คว้าระเบิด จับปืนกล ออกแก้แค้น กราดปืนยิงใส่รถเราอย่างบ้าคลั่ง..
สัส นั่นมันมันแรมโบ้!
อีฟ: อุ๊ย!!
เรา: อะไรอีก!
อีฟ: หมูป่า!! น่าร๊ากกกกกกกกกก
เรา: …
อีฟ: มันมีลูกด้วย!! ลูกหมูป่า!!!!!! น่าเริ๊กกกกกกกก
อีฟร้องเสียงเหิน กรี๊ดกร๊าดกับฝูงหมูป่าข้างนอก อย่างกับว่าไม่เคยมีเหตุการณ์ฆาตกรรมงูตายมาก่อนหน้านี้ เปลี่ยนอารมณ์ไวยิ่งกว่าสไลด์จอมือถือ
…
อีฟ: เธออ ดูนี่ๆ ถ่ายรูปติดลูกหมูด้วย น่ารักมากเลย
อีฟเอ้ยยย
มิ้นท์: z Z ZZZZZZZZZZZZZZ...
รถขับมาจอดพักให้เข้าห้องน้ำและหาอะไรกินอยู่ที่กระท่อมกลางภูเขาลูกหนึ่ง พวกเราต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง
เรา - ลงมาเข้าห้องน้ำ
มิ้นท์ - ตื่นมาบิดขี้เกียด
อีฟ - ลงมาถ่ายรูปครอบครัวหมูป่า ข้างๆกระท่อมนั้น
(...)
ด้วยความที่รถจอดแล้วเปิดประตูทิ้งไว้ ก็มีแมลงตัวหนึ่งบินเข้ามาเช็คอินในรถของพวกเรา อีแมลงตัวที่หน้าตาเหมือนแมลงวัน แต่เหมือนจะมีเหล็กใน และตัวใหญ่ควายมาก บินเข้ามาโชว์เหนือ โชว์เทพ เรียกไลค์ ฝากร้าน กดแชร์ ผ่านสายตาพวกเราอย่างไปไม่ยำเกรง
และอีฟ ผู้กลัวสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมลงระดับขี้ขึ้นสมอง
แต่เนื่องจากทุกคนกลัวขีปนาวุธที่งอกออกมาจากตูดของแมลงตัวนี้มาก แถมพี่แกยังบินอันธพาลข่มขวัญไปทั่วทั้งคันรถ พวกเราจึงลงความเห็นกันว่ามนุษย์และอีแมลงตัวนี้อยู่ร่วมชายคารถคันเดียวกันไม่ได้ ต้องจัดการเท่านั้น!
พี่ต้า ผู้เป็นวิศวะกร เป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่อีอีฟชวนมาร่วมทริปมากับเราด้วย จึงอาสาเป็นเพชรฆาต พร้อมผู้ช่วย (คือกูเอง) ก็เลยต้องหาทางไล่อีแมลงตัวนี้ออกไปให้
หึ! เดี๋ยวเถอะมึง! ยังมีหน้ามาบินท้าทาย ! ทำตัวเป็นแมลงไปมา ไม่รู้ซะแล้วว่าชะตาชีวิตมึงจะขาดในอีกไม่ช้า เราชักอาวุธออกมา (นั่นคือถุงพลาสติก) พร้อมรอเวลาให้เป้าหมายบิน เกาะกระจกรถนิ่งๆเผลอๆ ท่ามกลางสักขีพยาน คนไทยห้าคนมองหาแมลง
จังหวะกำลังได้ที่…
มันเผลอแล้ว…
อีฟ: เดี๋ยว!
เรา: ?
อีฟ: อีฟขอ ออกไปรอข้างนอกรถดีกว่า
…
#รักแท้ไม่มีจริง
กลับมาเล็งเป้าหมายอีกครั้ง
มันเผลออีกแล้ว…..
อ้อมไปด้านหลัง…
แล้วก็...
ถุงพลาสติกครอบลงไปโดนเป้าหมายเต็มๆ แมลงติดกับตกอยู่ในกำมือของเราแล้ว!
ฮึฮึฮึ อุวะฮะฮ่า (หัวเราะใส่แมลง)
…
นานๆกูจะชนะอะไรสักอย่างที (แมลงกูก็นับเว้ย! )
เดินลงจากรถเพื่อนำแมลงไปปล่อย คืนสู่ป่า ก็เดินออกมาเจออีฟที่ยืนอยู่ข้างนอกพอดี
อีฟ: จับได้ด้วยเหรอ! เก่งจังเลยอะ
เรา: (เดินถือถุงเข้าไปใกล้ๆ)
อีฟ: (เดินถอยหลัง)
เรา: …
อีฟ: อย่า..นะ...….
เรา: ...
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นไม่ถึงสิบนาที ภาพที่น้องๆกระเป๋าโตโตโระอีกกลุ่มเห็น คือ คนไทยห้าคน วางแผนดักจับแมลง โวยวายรถแทบแตก ตบท้ายด้วยการเอาถุงใส่แมลงไปวิ่งไล่กรวดกันอยู่นอกรถ กลับขึ้นรถมาหอบ แฮ่กๆ แล้วบ่นว่า เกือบตายซะแล้ว
คิดว่ากลุ่มโตโตโระอาจจะเริ่มอายในใจที่ เผลอตัวตนว่าเป็นคนประเทศเดียวกัน แถมอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอีกลุ่มคนไทยห้าคนปัญญานิ่มกลุ่มนี้ เพราะที่ผ่านๆมาตลอดทาง กลุ่มนั้นทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไทยดีเด่นชาติตระกูลดี มีมารยาท แล้วดูพวกเราสิ...
แม่งไร้สาระชิบหาย ...
เขียนมาเอง ยังหาสาระอะไรไม่ได้ในบทนี้เลยเนี่ย!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in