เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ใกล้shit เวียดนามwhenwehavetime
ตอนที่ 4 - มุยเน่ Fu*k Off

  • ไม่มีรีวิวเที่ยวเวียดนามที่ไหน ไม่พูดถึงมุยเน่

    ในฐานะผู้มาเยือน มุยเน่จึงไม่ใช่เมืองชายทะเลที่แปลกใหม่มากมายอะไรสำหรับเราเท่าไหร่นัก เหมือนดูหนังที่โดนคนอื่นสปอยมาแล้วนั่นเอง แต่ก็อย่างที่ใครๆเค้าว่าไว้ ว่าเรื่องบางเรื่องเนี่ย ถ้าเราไม่เจอกับตัวเองแล้ว เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไง

      ก็จริงๆแล้ว มุยเน่ควรจะเป็นไปตามแบบที่เราโดนสปอยมา ตามกระทู้ต่างๆว่ามุยเน่เป็นอย่างงั้น มุยเน่เป็นอย่างงี้ จนสุดท้ายแล้วเราไปดูมากับตาของพวกเราเอง แล้วพบว่า...



    มืด

    เรานั่งรถนอนจากโฮจิมินห์ มาถึงมุยเน่ ใช้เวลาประมาน 5 ชม.นิดๆ ถึงตอนประมาณทุ่มกว่าๆ ข้างนอกก็มืดแล้ว  ฝนยังตกอีก  ...    สัส
    ลืมคิดไปเลยว่า ช่วงที่จะมาแม่งหน้าฝน นี่ไม่ได้เตรียมเอาอะไรมาเลยนะ

    เดินข้าล๊อบบี้โรงแรมมา เปิดไฟสลัวๆไว้เพียงพอให้มองเห็นว่ากูไม่ใช่โรงแรมร้าง
    ระหว่างที่มิ้นท์กับอีฟกำลังทำเรื่องเช็คอินเข้าห้องพัก  เราก็พยายามจะซึมซับกับบรรยากาศรอบๆโรงแรม
    หันซ้าย - มืด
    หันขวา - มืด
    มองทางเดิน - มืด
    มองตัวบังกะโลที่พัก - มืด
    ...

    นี่กูไม่ได้ลอบเข้าเมืองมาใช่มั้ย! 

    เฮ้อ เช็คอินเสร็จแล้วพนักงานโรงแรมก็พาเดินเข้าไปในความมืด แบบมีฝนตกปอยๆ จนไปถึงบังกะโลที่เราจะเข้าพัก ก็ไขกุญแจ เปิดประตูให้เราและเปิดสวิซไฟให้ 

    กริ๊ก! (เสียงเปิดไฟ)

    ไฟที่โรงแรม ก็ยังเลือกใช้ไฟแบบสีนวลๆ แสงสลัวๆ ให้ฟิลลิ่งไม่ขัดกับบรรยากาศธรรมชาติ
    แม่งมืดเหมือนเดิมเลย
    บ้าที่สุด!

    แล้วยังไง กูจะต้องจัดของยังไง แสงที่ได้มีพอให้เราเห็นเป็นแค่เงาวัสดุ แต่สว่างไม่พอที่จะมองให้เห็นว่ามันคืออะไร และแสงที่มีประโยชน์ที่สุดตอนนั้นคือ แสงจากมือถือกับแสงจากฟ้าแล่บ เพราะฝนตกอยู่...

    ..แล้วเราก็รู้ซึ้งถึงคำว่า ชืวิตด้านมืดมันเป็นยังไง

    เรา: โอ๊ย! (เดินเตะกระเป๋า)
    มิ้นท์ : อันนี้ เสื้อใครอะ
    เรา: สีอะไรอะ
    มิ้นท์:  มองไม่ออกอะ  แปบนะ มือถือแบตจะหมดแล้ว ไม่มีไฟส่องแล้วอะ - -
    อีฟ:  ใครเอาแชมพูมาบ้าง
    เรา: มีๆ อยู่ในกระเป๋าอะ
    มิ้นท์: ปลั๊กไฟอยู่ไหนวะ
    อีฟ:  กระเป๋า..อยู่ไหน
    มิ้นท์: อันนี้ใช่ รูปลั๊กไฟมั้ยวะ
    เรา:  เอ้ย! มะกี้ เหยีบอะไรวะ!
    อีฟ: มันจะมี... จิ้งจกมั้ยอะ
    เรา: ไม่เอา อย่ามีนะจิ้งจกอะ.. มิ้นนน .. แชมพูอยู่ไหนวะ
    มิ้นท์: ในถุงไง กูก็มองไม่เห็น…
    ปัง!
    เรา: โอ้ย! (เดินชนขอบเตียง)
    อีฟ: อีฟว่า มันต้องมีจิ้งจกแน่ๆ แค่เรามองไม่เห็น
    เรา: …
    มิ้นท์ : ข้างนอกมีปลั๊กไฟมั้ยอะ

    ...
     นี่มาพักผ่อนหรือมาฝึกเอาตัวรอดบนหาดมุยเน่ หะ

       วิกฤตชีวิตด้านมืดของพวกเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะพอจัดของเสร็จแล้วเราก็จะออกไปกินอาหารในร้านอาหารโรงแรมกัน บังกะโลที่นี่เป็นบ้านหลังๆ มีไฟตามทางไว้ให้ สว่างแบบรำไร ระยะทางจากบังกะโลเราไปห้องอาหารของโรงแรมไกลประมาณ หนึ่งเมื่อยกับอีกสองมืด

    ถึงร้านอาหารโรงแรม

    เปิดเมนู


    เมนูที่นี่แปลกๆนะครับ เค้าใช้หมึกสีดำพิมพ์ลงในกระดาษสีดำ...
    ...ไม่ใช่และ...


    เจอไอ้มืดอีกแล้ว!


    มืดตืดตื๋อ มืดจนอ่านเมนูไม่ได้ ต้องควักโทรศัพท์ออกมาฉายแสงต่อสู้กับพี่มืดเพื่อเอาชีวิตรอด จนเราสั่งอาหารกันได้สำเร็จ

    พนักงานเอาจานเอาช้อนมาแจก หกจาน ช้อนส้อม หกคู่
    แต่พวกเรามากัน ห้าคน
    (...)

    โอเค ทุกคน นอกจากเรากำลังโดนล้อมรอบไปด้วยความมืดแล้ว ไม่ควรชวนคุยเรื่องผีๆให้ขี้ขึ้นหัวกัน

    มืดพอแล้ว อย่าดาร์คไปมากกว่านี้

    สรุป1 มื้อนั้น เราแทบไม่รู้ว่าจานไหนเป็นจานไหน 
    สรุป2 ใครนึกภาพไม่ออกก็ลองหลับตาเดินดูนะ


    ...



  • ทะเลทราย


    ทะเลทรายคือแลนด์มาร์คโคตรไฮไลท์ของมุยเน่ มันเป็นความวิเศษระดับที่คนไทยอย่างเราต้องร้อง 
    เหยดดดดด เพราะว่า ที่ประเทศตัวเองไม่มีทะเลทรายให้ดู แต่มุยเน่มีให้ดู! และมุยเน่อยู่เวียดนาม! และเวียดนามอยู่ใกล้ๆ ไทยนี่เองเว้ย ทะเลทรายมุยเน่จึงกลายเป็นที่จับจ้อง ต้องไปถ่ายรูป
     นี่แหละ เซเลบบิตี้ประจำมุยเน่

     เราซื้อแพคเกจเที่ยวมุยเน่แบบครึ่งวัน กับ The Sihn Tourist ตั้งแต่วันที่เราไปฟามงูเหลากันวันแรก (ถ้าจำไม่ได้ลองกลับไปอ่านดู ตอน Sleeping Bus ) แพคเกจที่ว่า นี่มันดีงามตรงที่เราซื้อวันนั้นแล้วบอกชื่อโรงแรมให้เค้า แล้วจะมีรถจิ๊บมารับเราถึงหน้าโรงแรมที่มุยเน่ตามเวลานัดหมาย ขับพาไปเที่ยวทะเลทรายแล้วก็ขับกลับมาส่งเราที่โรงแรม สะดวกมากๆ


    ราคา
    แพคเกจทัวร์ครึ่งวันของ The Sihn Tourist
    129.800vnd/คน


    ทะเลทรายขาว (White Sand Dune)

    เราซื้อแพคเกจช่วงครึ่งเช้าของวัน ตามคำบอกเล่าจากการค้นหาของอีฟ นางอยากจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายตอนเช้า สัมผัสความรู้สึกเบาๆหลังตื่นนอน (จริงๆคือกลัวดำ)

    ตามกำหนดการคือจะมีรถมารับเราตอน ตีสี่ครึ่ง ..เฮ้อ รู้สึกเหมือนขายวิญญาณให้กับซาตานยังไงยังงั้น

    ก็จะไม่ตื่นได้มั้ย  คำตอบคือ ไม่ได้ไง

    แล้วถามว่าตื่นแล้วจะมาสภาพมึนๆ ไปทะเลทรายทั้งๆที่หน้าสดได้มั้ย
    ไม่! เรามาเพื่อถ่ายรูป เราต้องแต่งหน้า จะมาปล่อยหน้าสดขอบตาดำๆไปเป็นหลุมดำกลางทะเลทราย

    ไม่ด๊ายยยยยยย

    หึ. ...แห้งกว่าทะเลทรายก็หน้ากูนี่แหละ

    ว่าแล้วตีสามก็แหกขี้ตากันตื่นมา แต่งตัว แต่งหน้า

    เมื่อถึงเวลาก็เดินออกมารอหน้าโรงแรม อุบ๊ะ พี่คนขับรถเค้าตรงต่อเวลาจริงๆ!

    จุดหมายแรกที่พี่คนขับรถจิ๊บพาเราไปคือ ทะเลทรายขาว

    เป็นที่ที่ห่างไกลจากที่พักเราที่สุด ได้ยินว่าเป็นทะเลทรายที่ใหญ่และมีเม็ดทรายเป็นสีขาวสวยอลังการสิบแปดล้านดาวมาก ก็ยังไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าตอนนั้นระหว่างทางที่รถจิ๊บขับไปนั้นพวกกูก็กรี๊ดแตก ไปกับทิวทัศน์ด้านนอกแล้ว

    ทางที่รถจิ๊บขับนั้น ช่วงแรกจะเป็นทางเรียบชายทะเล มีภูเขาประดับเป็นฉากหลัง ขับไปเรื่อยๆวิวรอบด้านจะเริ่มเป็นที่โล่ง มีพื้นทราย เนินเล็ก เนินใหญ่ ต้นไม้พุ่มเตี้ยๆ และบรรยากาศพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น


    เรามองเห็นทะเล ผิวเราสัมผัสทราย แต่มีกลิ่นอายของภูเขา
    นี่คือความวิเศษของมุยเน่อย่างแท้จริง   

     พอถึงทะเลทรายขาว ก็ลงจากรถจิ๊บที่นั่งมา แล้วเดินเข้าไป ที่นี่จะต้องมีค่าเข้าด้วยนะ ตอนแรกที่ดูจากรีวิวมา เค้าบอกว่ามีค่าเข้า 10,000vnd/คน แล้วจะเลือกเดิน เช่ารถจิ๊บ หรือขับ ATV ก็ได้ ถ้าเลือกสองอย่างหลังก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ก็จะไม่คิดค่าเข้าแทน ซึ่งเท่าที่อ่านมา เค้าบอกว่าเนินมันชันมาก เหนื่อยสัส ใครอยากเดินก็ไปเห๊อะะะ

    เรามากันห้าคน ก็เลยเลือกนั่งรถจิ๊บ คุ้มกว่าๆ (คันละ 800,000vnd) ซึ่งมันส์มากกกกอะ ขอบอก

    ถึงจุดบนเนินทะเลทรายขาว
    ก้าวแรกที่ลงมาจากรถแล้วสัมผัสทราย คือ ยวบ เท้าจมเข้าไปในทรายแทบมิด

    นี่ทรายหรือปุยนุ่น..

     ไม่ผิดหวังกับการเลือกมาช่วงเช้าจริงๆ ได้เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้นท่ามกลางภูเขาและทะเลทราย

    แถมอากาศก็ไม่ร้อนอย่างที่คิดไว้ เม็ดทรายที่นี่เย็น นั่นเป็นความรู้สึกที่เกินคาดสำหรับเรามากที่ได้สัมผัสทรายที่เย็นแบบนี้ และการที่ทะเลทรายมี แม่น้ำคั่นกลางระหว่างสองฝั่ง ก็ถือว่าเป็นภาพที่แปลกตามากเช่นกัน

    เดินขึ้นไปอีกเนินดีกว่า น่าจะสวยกว่า

    เดิน เดิน ยวบ…
    เดิน ยวบบบบ เดิน เดิน เดินแล้วยวบ ...เดิน เดิน ยวบ ยวบ เดิน เดิน
    อ้าว เชี่ย ทรายเข้ารองเท้า เดิน เดิน ยวบอีก ยวบ เดิน ยวบ เดิน…
    เหนื่อยโฮก ทำไมมันเดินยากงี้!

    ทรายที่นี่ละเอียดมากจนนิ่ม เหยียบไปแล้วก็ยวบ นิ่มจนเราคิดว่าที่ผ่านมากูนั่งบนเบาะจริงๆใช่มั้ย ทำไมมันไม่นุ่มเท่านี้ และแน่นอนที่นี่สวยมากกก สวยจนเราคิดว่าเราเสียดายที่สายตาสั้น ต้องมองภาพเหล่านี้ผ่านกรอบแว่น นั่นทำให้เราเก็บรายละเอียดทิวทัศน์ที่นี้ไม่ค่อยได้มาก กก.. แปะ แปะ.. อ้าว 

    ฝนตก…

    สัส คนกำลังบิ๊ว


    แล้วฟ้าฝนก็ตกลงมาอย่างไม่เกรงใจความเป็นทะเลทราย…

    ปะ กลับๆ

    จบกัน จบ! จบ!!!!  จบโว้ยยยยย!!!!!!!


    สรุปค่าใช้จ่ายเพิ่มเติ่ม 
    (จ่ายแยกนะจ๊ะ ไม่ได้รวมอยู่ในราคาทัวร์)

    - ค่ารถจิ๊บขึ้นทะเลทราย: 800.000vnd/คัน

    GPS
    Hòa Thắng, Bắc Bình, Bình Thuận, Vietnam

    Map




  • ทะเลทรายแดง (Red Sand Dune)


    จุดหมายต่อไปคือ ทะเลทรายแดง ต่างจากทะเลทรายขาวคือ ทรายที่นี่เป็นสีเข้มซึ่ง สวยดี
    แต่ ฝนยังตกอยู่…(หนักด้วย)

    เอาน่า มาแล้วก็ขึ้นไปให้ถึงหน่อย เปียกก็เปียกเด้

    ทันทีที่เปิดประตูก้าวออกจากรถ มีเด็กตัวเล็กตัวน้อยนับสิบกรูกันเข้ามา ล้อมหน้าล้อมหลังรถจิ๊บทั้งคัน
    เห้ยยย ถ้ามีกล้องด้วยนี่กูเป็นดาราละนะ!

    แต่สิ่งที่เด็กๆเค้าถือมันไม่ใช่กล้อง มันคือกระดาน slider board ที่เด็กๆจะเข้ามาตื๊อให้เราซื้อกัน

    หึ อีน้อง พี่อ่านมาในพันทิปนะว้อยย พี่มาอย่างผู้รู้ แล้วฝนตกขนาดนี้ น้องคิดว่าน้องจะได้ขายพี่งั้นหรอ หึ ไม่ได้แอ้มเงินพี่หรอกน่าา ฮ่าฮ่าฮ่าาา หัวเราะอย่างมีชัย

    จบ.


    สรุปค่าใช้จ่ายเพิ่มเติ่ม 
    (จ่ายแยกนะจ๊ะ ไม่ได้รวมอยู่ในราคาทัวร์)
    ค่าแผ่นสไลด์เดอร์: 10.000vnd / คน

    GPS
    706B, Mũi Né, tp. Phan Thiết, Bình Thuận, Vietnam

    Map



  • หมู่บ้านชาวประมง (Fisherman Village)


    จากรีวิวอื่นๆ เค้าสปอยบอกว่าไฮไลท์ของหมู่บ้านชาวประมงคือ อาหารทะเลสดและถูกมาก
    และจะมีเรือหาปลาในท้องทะเลเยอะแยะเป็นฉากหลังให้ถ่ายรูป 

    แต่วันนี้หมู่บ้านชาวประมงมีอะไรให้เราได้เซอร์ไพรส์มากว่านั้น

    ...
    อย่างแรกคือ
    ช่วงเวลาที่เรามานั้นทะเลแถบเวียดนามใต้กำลังมีข่าวว่า มีสารพิษอันตรายเจือปน ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานอาหารทะเลใดใดช่วงนี้ 

    บาย ซีฟู๊ด. T - T


    อย่างที่สองคือ
    เพราะฝนตก เลยไม่มีรงเรืออะไรทั้งนั้นที่จะออกทะเลไปหาปลากันตอนนี้!
    เราก็เลยไม่มีเรือเป็นฉากหลังสวยๆให้ถ่ายรูปกันอย่างที่รีวิวอื่นเค้าสปอยมา TT - TT

    สรุป พวกเราไม่เจอและไม่ได้อะไรกลับจากหมู่บ้านชาวประมงเลย!!

    ฝนแม่ง
    เออ ตกไปเลยนะมึง ตกลงมาให้หมดฟ้าไปเลยนะมึง!

    หลังจากที่ฝนตกจึงทำให้เราพลาดที่เที่ยวไป สามที่แล้ว ระหว่างทางไปที่สุดท้ายก็เกิดอาการบั่นทอนจิตใจนิดหน่อย แน่สิ! อุตส่าห์เตรียมตัวมาเที่ยว สัมผัสทะเลทรายที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่อย่างเต็มที่ เจอฝนตกไป ทุกอย่างที่วางแผนไว้มันก็พังสิ  นี่ถ้ากินทรายเข้าไปได้คงกินไปแล้ว ให้สาสมกับที่อุตส่าห์มาถึง..

    มิ้นท์: นี่แกได้ ถ่ายรูปอะไรไปบ้างรึยัง
    เรา: นิดหน่อยอะ ก็ได้ถ่ายตรงทะเลทรายขาวไปนิดหน่อยก่อนฝนจะตก แต่ที่อื่นยังไม่ได้เลย…
    มิ้นท์: ...เป็นไรมั้ยอะ
    เรา:...
    อีฟ: ไม่เป็นไรนะเธอ ไม่ใช่ใครที่มาทะเลทรายแล้วจะได้เห็นฝนตกกันนะ ..นี่เป็นเรื่องหายากมากเลยนะ!

    เออ..จริงของมัน

    GPS

     Mũi Né,tp. Phan Thiết,Bình Thuận,Vietnam

    Map


  • Fairy Stream (ลำธารนางฟ้า)


    ไม่รู้จะเรียกชื่อภาษาไทยว่าอะไรดี บางรีวิวเรียกว่า แกรนด์แคนยอนเวียดนาม
    บางรีวิวเรียก ซุ่ยเทียน ก็ไม่รู้จะมีชื่อสอง ชื่อสาม ออกมาให้เรียกยากๆทำไม…

    ค้นในกูเกิ้ลแปลภาษามันแปลให้ว่า ลำธารนางฟ้า ฟังดูเทพนิยายดี 
    เออ งั้นเรียกอันนี้แหละ!

    ฝนเริ่มหยุดตกพอดีตอนที่เราไปถึง ทางเข้าเป็นลำธารสายเล็กๆที่มีน้ำตื้นระดับตาตุ่มตลอดทางที่เราต้องเดินดุ่มๆไปเรื่อยๆ โดยสองข้างทางเป็นภูเขาดินทราย วูบแรกคิดว่า ที่นี่ไม่มีอะไรมากแน่เลย ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนักในรีวิว แต่เนื่องจากเป็นที่สุดท้ายของทัวร์ เราจึงไม่มีทางเลือกมากมายนัก ก็ยังดีกว่าพลาดเที่ยวเพราะฝนตกละวะ


     เดินไปสักพัก อีคนไทยห้าคนก็ต้องกรี๊ดเป็นป่าแตก ควักกล้องออกมาถ่ายรูปอีกครั้งเพราะ ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งสวย ภูเขาดินทรายสองข้างทางเริ่มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ มีสีแดงบ้าง มีสีขาวบ้าง ฟ้าหลังฝนเริ่มเปิดเป็นสีฟ้าสวยสดใส มองเป็นภูเขาที่เป็นทะเลสีแดงลิบๆ ยอดต่อยอด


    ภูเขาปกติก็กรี๊ดแล้ว แต่นี่มันภูเขาที่เป็นเนินทะเลทั้งลูก ลูกแล้วลูกเล่านั้นทำให้พวกเราฮือฮากัดปากซี๊ดซ้าดพออกพอใจกับความฮิปเตอร์แบบธรรมชาติๆของที่นี่มาก ผสมกับความดิบเถื่อนที่เราต้องถอดรองเท้าเดินลุยน้ำเข้ามา จากที่คิดว่าที่นี่คงจะไม่มีอะไรมากมาย กลายเป็นว่าเราอ้าปากหวอ ร้องสวยชิบหาย อะเกนแอนด์ อะเกน



    มิ้นท์: นี่ๆ เราลองขึ้นไปถ่ายรูปตรงยอดนู้นกันมั้ย เห็นคนเค้าขึ้นไปถ่ายกัน
    อีฟ: ไปสิ ปะๆ
    เรา: เดี๋ยวๆ
    แล้วอีฟกับมิ้นท์ก็พุ่งตัวปีนขึ้นยอดทรายแบบ ไม่รอเสียงเรียกใดใด

    กูล่ะ รอกูก๊อนนนน!!!


     ทรายที่ลำธารหยาบกว่าทรายที่ทะเลทรายขาวนิดหน่อย แต่ว่ามันอัดแน่นกันจนเป็นก้อน ทั้งนี้ทั้งนั้นทรายก็คือทรายครับ เป็นก้อนแค่ไหนถ้าเรากดน้ำหนักแรงๆมันก็จะทะลายเละยวบไม่เป็นทรง และก้อนๆที่ว่านั้นคือภูเขาหนึ่งลูก ซึ่งทั้งชันทั้งยวบ วิธีปีนคือต้องรีบๆเหยียบแบบไวไวขึ้นไปอย่างเร็ว ทิ้งน้ำหนักนานทรายจะแตก

    สรุปคือปีนยากม๊ากกกกกกกก

    ตัดภาพไปที่ อีฟกับมิ้นปีนตัวพลิ้วถึงยอดอย่างรวดเร็ว ทิ้งผู้พ่ายแพ้อ่อนด๋อยด้านกีฬาและพละกำลังที่ยังคงติดแหง่กอยู่ตรง เชิงเนิน ปีนขึ้นก็ยากแล้ว  มือยังต้องประคองกล้องที่ห้อยตรงคอถึงสองตัวเพื่อไม่ให้ตอนปีนเลนส์กล้องเหวี่ยงกระแทกไปมาอีก

    ปีน…
    ลื่น พรืดดดดด…
    ปีนใหม่
    ทรายแตก ลื่น อีกที…
    ปีนอีกที
    เหนื่อยแล้ว หัวใจ...

    เพลงขึ้น แล้วเห็นตัวเองเป็นภาพสโลว์ปีนทรายอย่างทุลักทุเล
    “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึงงงง”

    เมื่อนางเอกถึงคราวที่ตกระกำลำบาก ก็มีเจ้าชายยื่นมาเข้ามาช่วยในทันใด

    พี่ต้า: มามา ไหวมั้ย 

    พร้อมกับยื่นมือมาดึงเราขึ้นไป กรี๊ดดดด เจ้าชาย เจ้าชายที่เป็นวิศวกรซะด้วยย

    แต่ทว่าท่าแม่งดูประหลาดมากกว่าเดิม แม่งไม่ใช่เจ้าหญิงเจ้าชายละ เหมือนพี่ต้าเป็นโจรเถื่อนกำลังฉุดกระชากเราขึ้นไปปล้นข้างบนยังไงยังงั้น โธ่วววว

    หลังจาก พลีชีพอยู่พักใหญ่ ก็ปีนถึงยอดเนินจนได้ รู้สึกเหนื่อยเหมือนไปวิ่งรอบโลกมา เดินตัวอ่อนตัวปลิวไปหาเพื่อน

    อีฟ: เหนื่อยมั้ย
    เรา: … (เหนื่อยจน พูดไม่ออก)
    อีฟ: ดูวิวๆ สวยแค่ไหนดูๆๆๆๆๆๆๆ
    มิ้นท์: ตอนแรกนึกว่า แกจะไม่ขึ้นมา
    เรา: …แม่ง….ไม่รอ….เลย….พี่ต้าต้องมาช่วยกูเนี่ย....แฮ่กก

    อีฟ: โอ๋ๆ มาๆ ง้อๆ มาๆถ่ายรูปกันเถอะ
    เรา: เดี๋ยว..แปบ…..เหนื่อย
    อีฟ: เธอ...ยอดเนินตรงนั้นก็สวยนะ เดินกันไปอีกได้มั้ย
    เรา: พอ...อ..แล๊วววววว (สิ้นใจตาย)

    อ๊ากกก

    คืออย่างงี้ ขึ้นไปสุดเนินมันยังมีอีกยอดเนินเว้ย มองข้ามไปอีกก็เจอ อีกยอด บนยอด มียอด และอีกยอด


    ยอดเยอะไปหมด...เยอะกว่านี้ก็ยอดหนี้ในบัญชีกูแล้วล่ะ

    ทัศนียภาพบนยอดเนินสวยมากเห็นลำธารไหลไปไกลสุดสายตา กับภูเขา
    นับว่าเหนื่อยแทบขาดใจ แต่คุ้มค่ามากสำหรับการปีนขึ้นมา
     (เป็นความคิดตอน หายเหนื่อยและได้สติกลับคืนมาแล้ว)  

      

    สรุป Fairy Stream หรือ ลำธารนางฟ้านั้น แตกต่างจากสถานที่สามแห่งที่เราไปมาโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง หรือ หมู่บ้านชาวประมงนั้น จะมีเหมือนกันหมดอย่างหนึ่งคือเมื่อเราไปถึงแล้ว ถ่ายรูปแล้วจบ รูปที่ถ่ายออกมาจึงเป็นได้แค่รูปถ่าย แต่อีลำธารแห่งนี้มันทำตัวเป็นสาวสวยซ่อนรูป ทำตัวเลอค่าแรร์ไอเทม การมาถึงที่นี่ตอนแรก เราจะยังไม่สามารถได้รูปสวยๆกลับไปง่ายๆ ยังต้องเดินเข้าไปอีกหนึ่งเมื่อย เดินลุยน้ำ ยิ่งเดินเข้าไปลึกยิ่งสวย  เลอะโคลนเลอะทราย ปีนทราย ปลุกปล้ำกับความธรรมชาติจนทุลักทุเล เริ่มคิดในใจว่า กูพาตัวเองมาที่นี่ทำไมฟะ

       แต่รูปที่ถ่ายออกมานั้นกลายเป็นรูปถ่ายบันทึกทั้งภาพทั้งความทรงจำ ทุลักทุเลปนตื่นเต้น เจือความน่ารัก ให้เรามองรูปนี้ในอีกหลายปีต่อมา ก็ยังระลึกความหลังได้และตลกตัวเองในวันนั้น

    Fairy Stream นะ ชอบมากเลย
    ต้องมากันนะ เออ..

    GPS
     Huỳnh Thúc Kháng,khu phố 4, Hàm Tiến,tp. Phan Thiết,Bình Thuận, Vietnam

    Map


    [ช่วงแนะนำ] 
    Ke Ga Lighthouse


    ตอนหาข้อมูลนั้นมีคนแนะนำมา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจมาก คนไม่ค่อยรู้จักกัน อยู่ห่างจากตัวเมืองมุยเน่ไป 30นาที แต่เราพลาด ไม่ได้ไปเพราะมีเวลาไม่พอซ้ำยังฝนตก (น้ำตาไหล)  เราเลยมาแนะนำต่อเผื่อใครมีโอกาสได้ไป นอกเหนือจากทริปทะเลทรายนะจ้ะ



    Map



  •  

    CoCo Beach Resort Mui Ne

     หลังจากจบทริป รถจิ๊บก็ขับมาส่งเรากลับที่โรงแรมตอนประมาณสิบโมงเช้า และนั่นถือเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นหน้าตาและบรรยากาศโรงแรมแบบชัดๆ หลังจากนอนค้างไปแล้วหนึ่งคืน และประสบพบเจอแต่ความมืดแปดทิศ ทีนี้หละ ก็จะมาขอแนะนำโรงแรมซะหน่อย

       โรงแรมที่เราพักชื่อว่า CoCo Beach Resort

    เป็นโรงแรมแบบวิลล่าและบังกะโล เนื่องจากเรามากันห้าคนเราจึงได้พักแบบวิลล่ากัน ซึ่งเพิ่งมาเห็นตอนเช้าว่า มันใหญ่สัสๆ  CoCo Beach Resort จัดว่าอยู่ในระดับโรงแรมดูดีมีเซอร์วิสครบวงจร ตกแต่งสไตล์พื้นบ้านชายทะเล

     ส่วนตัวคิดว่าทะเลมุยเน่ไม่ค่อยแตกต่างจากทะเลหัวหินเท่าไหร่  มีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่คล้ายกัน ต้นมะพร้าว ทราย สีของทะเล มีตุ่มดินใส่น้ำ! มีนวดแผนไทยด้วยนะมึง!!  ( ...ไม่ตื่นเต้นหรอ น่าตื่นเต้นจะตาย)  บรรยากาศในโรงแรมให้ความรู้สึกสงบ เรียบง่าย ผ่อนคลายมากกว่า ไม่หวือหวาฮิปเตอร์อะไรมากมาย เพราะถ่ายรูปออกมาแล้วมองไม่ออกว่าที่นี่คือมุยเน่หรือหัวหิน ทุกอย่างเหมือนๆกันไปหมด

    ...ใช่จ้ะ...คนอย่างเรานี่แหละ เอาถ่ายรูปสวยไว้ก่อน
    #ทีมชิบหายไม่ว่า ขอภาพสวยกลับบ้านพอ

    ...

    เราก็เพิ่งเคยมามุยเน่ครั้งแรก ไม่เคยพักที่อื่นมาก่อน บางที Coco Beach Resort
    อาจจะไม่ใช่ที่พักที่ดีสุดของมุยเน่ก็ได้ แต่ว่า Coco Beach Resort ก็มีอะไรหลายอย่างให้เราได้จดจำกลับไปไม่น้อย

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in