เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
ฝันร้าย (2)
  •             เย็นวันศุกร์กว่าลูคจะกลับมาถึงบ้าน พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว อากาศชื้นกลิ่นดินโชยแตะจมูกเพราะฝนเพิ่งจะหยุดตกได้สักพัก แสงไฟนีออนสว่างริบหรี่ที่หน้าบ้านแขวนป้ายอักษร W บนถนนกลูมมี่ ลูคกำลังยืนสำรวจตู้ไปรษณีย์ที่หน้าบ้าน เผื่อว่าจะมีจดหมายจ่าหน้าถึงเขา แต่เด็กหนุ่มกลับต้องเดินคอตกกลับเข้าบ้านเมื่่อพบแต่ความว่างเปล่า


               “แม่ครับ มีจดหมายมาถึงผมไหม” ลูคถามขณะที่เขากำลังหั่นชิ้นเนื้อบดในจาน


                ไม่มีนะลูก” เธอตอบและเดินไปหยิบถ้วยพุดดิ้งออกมาจากตู้เย็น 


                จดหมายจากใครล่ะ” เดซี่ถามต่อ และจ้องมองไปยังลูกชาย


                เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก” ลูคพยายามพูดให้แนบเนียนที่สุดว่าไม่มีอะไรเป็นพิรุธแต่มันกลับยิ่งทำให้เดซี่และเดซี่สงสัยมากขึ้นไปเสียได้จดหมายจากชั้นเรียนวิชาอัญมณีพยากรณ์น่ะครับอาจารย์ให้เพื่อนในชั้นเขียนจดหมายบอกผลการทำนายของตัวเองให้เพื่อนแต่ละคนในส่งชั้นเรียนเขาบุ้ยใบ้ไปเรื่องเรียนเพราะคิดว่ามันคงจะยังไม่ถึงเวลาแม่ควรจะรับรู้เรื่องนี้ก่อนจะรีบจัดการกับอาหารในจานและกลับเข้าห้องนอนไปทันที


                ท้องฟ้าในเช้าวันรุ่งขึ้นครึ้มอึมครึมด้วยเมฆฝนไม่ทันไรเม็ดฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา เมื่อครู่ลูคได้นัดกับเพื่อน ๆทั้งสามคนว่าให้ไปเจอกันที่ลูนคาเฟ่เพื่อติดตามจดหมายของแอนกับน้าจูเลียโดยเขาจะไปพร้อมกับซิดจ์และนัดเจอกับเบ็นจามินและชินที่ชานชาลาเซ็นเตอร์อาร์คก่อน


                ทันทีที่ลูคเดินมาถึงยังหน้าบ้านครอบครัวลอว์สันเจ้าซิลเวอร์ก็รีบวิ่งหางแกว่งเข้ามาทันทีมันทักทายเด็กหนุ่มด้วยการทิ้งคราบน้ำลายยืด ๆ ของมันไว้บนขาแล้วเจ้าหมาแก่ก็เห่าเสียงดังจนซิดจ์เดินออกมาดูมันที่นอกบ้าน 


                ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน แป๊ปเดียวเท่านั้น” ลูคมองไปยังเจ้าเพื่อนจอมขี้เกียจทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีเพียงแค่กางเกงขาสั้นใส่นอนตัวเดียวนั่นทำให้เดาได้ว่าคุณนายลอว์สันไม่อยู่บ้านตั้งแต่เช้าแล้วแน่ซิดจ์ถึงได้มีสภาพเช่นนี้ ซิดจ์เดินนำเขาเข้าบ้านแล้วรีบวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องไม่นานนักเขาก็ลงมาพร้อมกับสภาพที่พร้อมออกจากบ้าน


                ถึงแม้ว่าฝนจะตกและอากาศจะไม่เป็นใจต่อการออกจากไปทำกิจกรรมนอกบ้านแต่เซ็นเตอร์อาร์คก็ยังคงเนืองแน่นไปด้วยชาวเมืองเหมือนเคยผู้คนมากมายกำลังเดินกันขวักไขว่พร้อมกับร่มหลากสีสันหลายลวดลาย 


    ลูคเห็นเบ็นจามินกำลังยืนเตะแอ่งน้ำขังบนพื้นเล่นก่อนจะรีบวิ่งปรี่เข้ามาหาทันทีที่เห็นทั้งสอง

                ว่าแต่ได้จดหมายตอบกลับจากแอนหรือยัง” เบ็นจามินเอ่ยถามก่อนเคี้ยวกล้วยหอมที่ซื้อมาจากร้านขายของในสถานีตุ้ยๆ


                ลูคส่ายหน้า


                หวังว่าบ้านของแอนจะไม่ใช่บ้านคฤหาสน์ที่ท้ายซอยซูเคร่นะ”


                ไม่ใช่หรอก” ลูคตอบเบ็นจามิน 


                แล้วคฤหาสน์ท้ายซอยนั่นมันทำไมเหรอ” ซิดจ์ถามแทรกขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เต็มเปี่ยม


                ก็พวกนายไม่เคยได้ยินกันหรือไง ว่าซูเคร่น่ะไม่ใช่ซอยธรรมดา ๆมันเป็นหนึ่งในซอยเก่าแก่ของเมืองที่ผ่านการบูรณะมาอย่างโชกโชนเชียวแหล่ะว่ากันว่ามันเป็นซอยของผู้มีอิทธิพลของฟอร์ทอีสต์” เบ็นจามินเล่าอย่างออกรส 


                หนึ่งในนั้นก็เจ้าคฤหาสน์หลังนั้นนั่นแหละเลยมีเรื่องเล่ากันว่าคฤหาสน์นั้นมีสิ่งเร้นลับอาศัยอยู่ แต่เพราะว่าซอยซูเคร่มันลึกมากคนเลยย้ายออกจากด้านในออกมาอยู่อาศัยกันที่ต้นซอยกันหมดมีคนเคยบอกว่าได้ยินเสียงกรีดร้องหรือเสียงร้องประหลาด ๆดังมาจากด้านในของคฤหาสน์หลังนั้นด้วยฉันแอบได้ยินตอนที่ป้าแมริแอนคุยกับแม่ฉันเมื่อคืนนี้เอง” เบ็นจามินตอบ


                จะยังไงก็แล้วแต่ฉันอยากเห็นคฤหาสน์เก่าหลังนั้นจัง” เสียงพูดดังจากเพื่อนตัวแสบที่ยืนอยู่ข้าง ๆความจริงลูคก็รู้สึกอยากรู้ไม่แพ้ซิดจ์เหมือนกันแต่เขาคิดว่าไม่ควรจะไปหาเรื่องเพิ่มให้กับตัวเอง


    ลมฝนพัดเย็นกระทบผิวของเด็กหนุ่มสี่คนที่กำลังเดินกางร่มไปตามทางสู่เซนต์ฟรานซิสเมื่อถึงยังหน้าปากซอยซูเคร่ เด็ก ๆเดินเลยจากบ้านฮันเตอร์ไปยังลูนคาเฟ่ที่อยู่อีกฝั่งของถนนเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งต้อนรับแขกผู้มาเยือนน้าจูเลียก็ออกปรากฏตัวจากในครัวทันที


                เธอนั่นเอง สวัสดีจ้ะ” เธอยิ้มต้อนรับพวกเขาพร้อมทั้งทำท่าทีว่าจะจัดโต๊ะที่นั่งให้แต่ก็ถูกขัดโดยใครบางคนที่ลูคไม่คาดคิดว่าจะเจอในร้าน


                อ้าวพวกนายมาได้ยังไงกัน ทางนี้!” คลีโอโบกมือเรียกทั้งสามจากโต๊ะด้านในมีแก้วชาที่ดูเย็นชืดวางอยู่บนโต๊ะหนึ่งถ้วย


                พวกเธอรู้จักกับคลีโอเหรอจ๊ะ”


                ใช่ครับ เราเป็นเพื่อนร่วมหอพักมหาลัย” เด็ก ๆ ตอบ


                ช่างบังเอิญจริง ๆ นะ -- ตายแล้ว! พายของฉัน!” เธออุทานขึ้นและรีบเดินกลับเข้าครัวไปอย่างรวดเร็วไม่นานนักเธอก็กลับออกมาพร้อมกับถาดแก้วที่มีพายแอปเปิ้ลถาดใหญ่เกรียมจัดแต่หอมกรุ่นและถ้วยใส่ชา 


                เอ่อ เรื่องจดหมายน่ะครับ” ลูครีบถามก่อนที่เธอทำท่าว่าจะเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง

                ส่งไปตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่แล้วจ้ะนี่เธอมาหาฉันถึงที่นี่เพราะเรื่องจดหมายนี้เองเหรอ” เธอตอบยิ้มๆ ก่อนจะเดินจากไป


                ไม่ยักรู้ว่าพวกนายชอบมาร้านนี้” คลีโอกล่าว


                แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ทุกคนถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน


                อ้าว ก็บ้านฉันอยู่ถัดไปจากซูเคร่ 2 ซอยเองฉันชอบมานั่งหาขนมกินที่นี่ น้าจูเลียอบขนมเก่งใช่เล่นเลยล่ะพวกนายรู้หรือเปล่าคลีโอตอบกลางลูบท้องและเลียปากงั้นพวกนายก็รู้แล้วสิว่าร้านนี้เป็นของฌองเด็กสาวพูดต่อ 


                ถามจริง!” เด็ก ๆตะโกนลั่นร้านจนลูกค้าคนอื่นหันมองด้วยสายตาตื่นตกใจ


                แล้วเขาอยู่ไหนล่ะฉันไม่ยักกะเห็น” ซิดจ์ถาม


    คงนอนอุตุอยู่ในห้องมั้งปกติในสัปดาห์หนึ่งเจ้าตัวเล็กนั่นจะนอนเยอะก็แค่วันเสาร์วันเดียวเท่านั้นแหละไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทุกเช้าที่ฉันตื่นไปยิมก็จะเห็นเจ้านั่นนั่งอยู่หน้าทีวีตลอด”คลีโอตอบ


                ในร้านมีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ เพราะงานครัวของคุณน้าจูเลียล้นมือเด็ก ๆจึงเสนอตัวเข้าช่วยต้อนรับและบริการลูกค้าแทนซึ่งโดยมากก็หนีไม่พ้นเด็กวัยเรียนที่นัดกันมาอ่านหนังสือหรือนั่งพูดคุยกัน


                สวัสดีครับ เมนูแนะนำของร้านวันนี้มีแอปเปิ้ลพายอบสดใหม่จากเตารับสักชิ้นไหมครับ” ลูคพูดต้อนรับเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ดูมีอายุมากกว่าเขาประมาณสองถึงสามปีได้เด็กคนนั้นมีหน้าตาซีดเผือดราวกับตุ้กตากระเบื้องเคลือบเส้นผมสีประหลาดที่เหมือนกับสีเปลวเพลิงถูกมัดรวบเป็นจุกไว้ตรงท้ายทอยนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสดใสกำลังจ้องมองบนป้ายเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่แขวนอยู่กับกำแพงด้านหลังของลูค


                พายแอปเปิ้ลมีแบบเย็น ๆ ไหม” เขาถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาลงจากป้ายเมนู


                มีครับ อร่อยมากด้วยครับเป็นสูตรลับประจำร้าน” ซิดจ์ที่ยืนรับลูกค้าอยู่ข้างๆ รีบเสริม


                งั้นเอา 1 เอ้ย 2 ชิ้นแล้วก็ช็อกโกแลตเย็นไม่ใส่น้ำตาลแก้วหนึ่ง กับใส่น้ำตาลเยอะ ๆ อีกแก้วหนึ่งขอบใจนะเด็กหนุ่มสั่งอย่างรวดเร็วจนลูคแทบจะจดรายการไม่ทันเขาหันไปที่หน้าประตูร้านก่อนกระทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย 


                เข้ามานั่ง!” เด็กผมสีเปลวไฟตะโกนดังลั่นจนคนในร้านทุกคนสะดุ้งเฮือกลูคมั่นใจว่าเสียงนั่นดังทะลุกระจกประตูร้านออกไปอย่างแน่นอน 


                ทันทีที่ผู้ที่ถูกเรียกเดินเข้ามาในร้านก็เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นเบาๆ ส่วนลูคหน้าถอดสี


                เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำขลับราวกับอีกาถูกเสยไปด้านหลังคิ้วคมเข้มของเขาผูกโบว์ยุ่งเหยิง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำที่มองเข้าไปแล้วลูครู้สึกราวกับว่ามันลึกลงไปราวกับหลุมดำเด็กปริศนาที่เขาเคยฝันเห็นเดินตัวเป็น ๆ มาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์


                ลูคช็อคไปชั่วขณะเขาไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงไม่มีทางที่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรอกใช่ไหมที่เขาจะเจอเข้ากับคนที่เคยอยู่ในความฝันและมันก็ไม่ใช่ฝันที่ดีเสียด้วยหลังจากที่เอารายการของลูกค้าส่งต่อให้กับเบ็นจามินที่อยู่ในครัวเขาก็กลับมายืนหน้านิ่วอยู่หน้าเคาน์เตอร์จนคลีโอที่ยืนเช็ดถ้วยชามอยู่แถวนั้นเห็นเข้า


                พวกเด็กปี 4 พวกนั้นนายไม่รู้จักเหรอ มีแต่คนพูดถึงอยู่บ่อยออกจะตาย” คลีโอกระซิบ


                ฉันได้ยินมาว่าคนที่ดูหน้าบึ้ง เขาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ที่ท้ายซอยซูเคร่นะ” สิ่งที่คลีโอพูดทำให้ลูคและซิดจ์ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเมื่อได้ยินคำว่าคฤหาสน์ที่ท้ายซอยซูเคร่


                ฉันอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับไอ้คฤหาสน์นั่นจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!” ซิดจ์พูดโวยวายออกมาเสียงดังทำเอาลูคกับคลีโอเอามือไปอุดปากมันไว้แทบไม่ทันเจ้าเพื่อนตัวดีที่ได้แต่ทำมือขอโทษขอโพย 


                ถ้าพวกนายอยากรู้เรื่องคฤหาสน์หลังนั้น ลองถามฌองดูสิหมอนั่นรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร” คลีโอบอก

                สักพักเบ็นจามินก็เดินถือถุงใส่ขนมและเครื่องดื่มออกมาจากครัวคงจะเป็นรายการที่เด็กสองคนนั้นสั่งเอาไว้ลูคพยายามตีหน้าซื่อทำเป็นว่าทุกอย่างปกติก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตัวที่เด็กหนุ่มปริศนาทั้งสองกำลังนั่งกันอยู่ 


                รายการที่สั่งได้แล้วครับ” ลูคยื่นถุงให้เด็กหนุ่มผมดำซึ่งไม่แสดงท่าทีสนใจใยดีของตรงหน้าแม้แต่น้อย


                ขอบคุณนะ” เด็กหนุ่มผมสีส้มสว่างตอบ


                ต้องขอโทษด้วยที่เพื่อนฉันเสียมารยาท” เด็กคนนั้นยิ้มแก้ต่างให้กับเพื่อนหน้าบึ้งของตน


                ฉันฮาลน์ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาทักทาย


                ส่วนหมอนั่นชื่อ เบอมิวด์ แกรนด์โกสต์” ฮาลน์พูด


                จะไปแนะนำตัวกับมันทำไม” เบอมิวด์พูดเสียงแข็ง


                มันเป็นมารยาทที่ดีที่แกทำเสียไปตั้งแต่แรกยังไงล่ะ” ฮาลน์หันไปสวนจนเบอมิวด์หน้าหงิกยิ่งกว่าเดิมรุ่นพี่ผู้ไม่เป็นมิตรลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินกระแทกไหล่ลูคออกประตูร้านไปทันที


                ต้องขอโทษอีกครั้งแทนเบอมิวด์นะ ไม่รู้ว่าวันนี้หมอนั่นมันเป็นอะไรของมัน”ฮาลน์รีบพูดขอโทษขอโพยลูคอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากร้านตามเพื่อนตัวเองไปบรรยากาศในร้านก็กลับมาคึกคักเช่นเดิมหลังจากน้าจูเลียจัดการงานครัวทุกอย่างเสร็จสิ้น เธอก็กลับมาประจำที่เคาน์เตอร์ เด็กๆ ก็กลับไปนั่งรอฌองที่โต๊ะตามเดิม


                มาทำอะไรกันที่นี่เหรอครับ” เสียงของฌองดังขึ้นจากบันไดที่มุมร้านเพื่อนตัวเล็กรีบเดินปรี่เข้ามานั่งร่วมโต๊ะทันทีหลังจากที่ฌองกินพายไปได้ครึ่งชิ้นลูคก็เอ่ยปากถามสิ่งที่คาใจพวกเขาอยู่ตั้งแต่นาทีที่อยู่บนรถราง


    ช่วยเล่าให้พวกเราฟังเรื่องคฤหาสน์ที่ท้ายซอยนี้หน่อยได้ไหม” ทุกคนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน 

    ฌองมีสีหน้าปั้นยากอยู่ชั่วครู่เขาวางส้อมลงบนจากอย่างเงียบกริบ กระแอมกระไอเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนเริ่มเล่า


                สมาชิกตระกูลแกรนด์โกสต์คือเจ้าของโดยชอบธรรมของคฤหาสน์หลังนั้นครับมันเป็นหนึ่งในคฤหาสน์เก่าแก่ที่สุดของฟอร์ทอีสต์ถ้าไม่นับคฤหาสน์บลองค์ในซอยโรเช่ตรงลูเซียสตรีทว่ากันว่าผู้เป็นต้นตระกูลแกรนด์โกสต์สร้างคฤหาสน์ขึ้นกว่า 300 ปีก่อน เรื่องประวัติแบบละเอียดของมันผมก็ไม่รู้สักเท่าไหร่หรอกครับแต่ถ้าเป็นเรื่องตระกูลแกรนด์โกสต์ผมคงพอจะตอบได้บ้าง” ฌองเล่า


      “เมื่อนานมาแล้ว มีการแต่งงานระหว่างตระกูลเกิดขึ้นครับ นั่นก็คือ ธีมัวร์แกรนด์โกสต์ และ รีลิค บลองค์การแต่งงานในครั้งนั้นทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้น” ฌองเว้นช่วงพักหายใจพลางใช้หลอดคนน้ำส้มในแก้วทรงสูงอย่างใจลอย


      “โศกนาฏกรรมของต้นตระกูล ฮาร์โป แกรนด์โกสต์ หรือที่รู้จักกันในนามฮาร์โปผู้ฟั่นเฟือน ผู้เป็นพ่อของธีมัวร์เขาไม่เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเป็นสิ่งที่ดีแต่กลับคิดว่ามันจะทำให้เชื้อสายตระกูลของเขาแปดเปื้อนมนทิลและยังทำลายสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลแกรนด์โกสต์ด้วยเป็นเรื่องรู้กันว่าสมาชิกตระกูลแกรนด์โกสต์มักจะสมรสกันเองในตระกูลเท่านั้น”


      “อย่าบอกนะว่าคือคนเดียวกันกับไอ้คนที่เราเรียนเจอในชั้นเรียนนั่นน่ะ!” ซิดจ์อุทาน ฌองพยักหน้าตอบ


               แต่มันเกี่ยวกันยังไงกับคฤหาสน์ท้ายซอยล่ะ” เบ็นจามินถามต่อด้วยความสงสัยใคร่รู้


               เพราะผู้ก่อตั้งคฤหาสน์แกรนด์โกสต์ขึ้นมาก็คือคนที่ชื่อว่าฮาร์โปนี่แหละครับว่ากันว่าเขาสร้างมันขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักส่วนตัวแต่มันก็มีข่าวลือมาว่าความจริงแล้วจุดประสงค์ที่เขาสร้างมันขึ้นมาก็เพื่อใช้เป็นที่ทดลองบางสิ่งบางอย่างที่ชั่วร้ายเพราะว่าคนที่อยู่ในระแวกใกล้ ๆ กับคฤหาสน์นั้นมักจะได้ยินเสียงแปลก ๆ” ลูครู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของฌองเปลี่ยนไปเพราะมันฟังดูสั่นเทาด้วยความกลัวและฌองก็หยุดเล่าเมื่อถึงจุดนี้


               เสียงอะไรล่ะ” ซิดจ์ถามต่อทันทีที่เห็นว่าฌองไม่ยอมเล่าต่อเขาได้แต่ส่ายหน้า


    ก็เสียงคนกรีดร้องขอความเมตตา แล้วก็เสียงร้องของสัตว์ประหลาดยังไงจ๊ะ”จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางห้องครัวด้านหลังร้านน้าจูเลียเดินเข้ามานั่งร่วมวงสนทนากับเด็ก ๆเธอคงจะเคลียร์งานภายในร้านจนหมดทุกอย่างแล้ว 


                ฮาร์โปเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลทั้ง 2 ให้ถึงจุดแตกหัก เพราะว่าการทดลองของเขานั่นแหละลือว่าเขาใช้มนุษย์เป็นหนูทดลองในการทดลองลับ ๆและเหยื่อที่น่าสงสารเหล่านั้นก็หนีไม่พ้นสมาชิกของตระกูลบลองค์” ทุกคนมองคุณน้าจูเลียอย่างตกตะลึง


                การทดลองของเขาได้ส่งผลมาถึงคนในตระกูลรุ่นต่อ ๆ มาด้วยเห็นว่าเจอหลักฐานที่น่าตกใจมากมายภายในห้องลับของคฤหาสน์แต่เรื่องที่น่าประหลาดที่สุดก็คงจะเป็นการหายตัวไปของฮาร์โปถึงตำรวจจะพยายามเสาะหาตัวเขาแค่ไหน จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครพบเขาอีกเลยเหมือนกับว่าเขาหายตัวไปในอากาศอย่างนั้นเลยเชียว” จูเลียเล่าส่วนซิดจ์ก็ทำท่าขนลุกขนพองอย่างโอเวอร์ แล้วบทสนทนาจบลงเอาดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น


    วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า พระอาทิตย์ตกแล้วจะกลับกันลำบากนะจ๊ะ” จูเลียตัดบทและหันมองออกไปนอกร้าน ความมืดเริ่มโรยตัวแล้วและมันคงจะไม่ปลอดภัยนักหากพวกเขาจะต้องเดินท่ามกลางความมืดเปลี่ยวของถนนในเซนต์ฟรานซิส    


               แย่จริง! พวกเราจะกลับกันยังไงล่ะทีนี้!” เบ็นจามินอุทาน


              คราวที่แล้วฉันกับลูคก็เดินกลับกันแบบมืด ๆ นี่แหล่ะ โคตรจะน่ากลัวเลย นึกว่าจะถูกปล้นจี้ตายข้างถนนไปแล้ว” ซิดจ์พูดติดตลก

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in