เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
ความฝันประหลาด (1)
  • เนื้อตัวของเด็กชายตัวเล็กสั่นสะเทิมด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าบนพื้นห้องเต็มไปด้วยคราบของเหลวสีแดงฉานชายตัวสูงกำลังนั่งคร่อมกระหน่ำแทงมีดแหลมลงบนร่างหนึ่งซึ่งนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงจมกองเลือดอยู่เขาจำเจ้าของร่างนั้นได้เป็นอย่างดี ร่างไร้ลมหายใจของพี่ชายต่างสายเลือด


    เสียงดังฉึบฉับเป็นจังหวะถี่อยู่เนืองๆ ก่อนเสียงนั้นจะเริ่มผ่อนจังหวะลงพร้อมกับชายร่างโปร่งเบือนหน้ามามองด้วยสายตาส่อความเหี้ยมโหดชายผู้นั้นโถมร่างผอมสูงเข้ามาปานสายฟ้าฟาด มันเอื้อมมือคว้าเข้าที่คอหอยของเด็กชายตัวน้อยพร้อมกับจี้มีดเปรอะคราบเลือดอุ่นเหนียวเหนอะติดข้างแก้มของเขา


    เด็กชายร้องไห้สะอึกด้วยความหวาดกลัวแก่ความตายที่จ่ออยู่ข้างแก้มเขาอยากกระโดดหนีออกจากฝันร้ายนี้ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้นั้นคือจ้องมองเข้าไปในตาของชายร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่อาจขัดขืนดวงตาวาวโรจน์ด้วยความพยาบาทของผู้เป็นพ่อร่วมสายเลือดกำลังลุกวาวราวสัตว์ร้ายแห่งราตรี


    พ่อ” เด็กน้อยพูดสะอึกบุคคลผู้ให้กำเนิดผู้กุมชีวิตของเขาไว้ในขณะนี้กำลังเคลื่อนปลายมีดจากแก้มไปยังข้างใบหูอย่างละเมียด และออกแรงดันใบมีดกรีดลึกเข้ามาข้างใน


    นาฬิกาปลุกเรือนโตสีสนิมกรีดร้องบอกเวลาแปดโมงตรงความรู้สึกแสบชาที่รูหูค่อย ๆ คลายลงอย่างช้า ๆสายลมพัดพากลิ่นฝนเข้ามาในห้องนอนเก่าซอมซ่อ ท้องฟ้าภายนอกมืดครึ้มเมฆฝนก้อนใหญ่รูปทรงราวกับดอกเห็ดลอยต่ำอยู่เหนือหลังคาบ้านอักษร W บนถนนกลูมมี่ พลันละอองฝนซึ่งพัดจากแรงลมเข้ากระทบใบหน้าปลุกให้เขาตื่นจากฝันร้าย 


    ลูคไวท์ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงราวกับโดนไฟจี้ใบหน้าง่วงงุนของเขาขาวซีดตัดกับขอบตาดำคล้ำจากการนอนดึกเกินไปปอยผมสีดำขลับยุ่งเหยิงตามรูปทรงหมอน ปรกนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่กำลังตกใจเสียงแหลมของนาฬิกาปลุกที่ยังดังไม่หยุด


    ทันทีที่เห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเด็กหนุ่มก็ตาเบิกโพลงรีบเด้งตัวพลางกระโดดขาเดียวใส่ถุงเท้าจนเซไปชนเข้ากับชั้นหนังสือข้าวของร่วงกราวเต็มพื้น


    ยังซวยไม่พออีก” เขาบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนก้มปัด ๆข้าวของทั้งหมดซึ่งส่วนมากเป็นขยะที่งมได้จากบึงท้ายซอยไปให้พ้นทางด้วยปลายเท้าอย่างขี้เกียจพลางนึกถึงฝันร้ายสุดแสนเหมือนจริงเมื่อครู่ก่อนวิ่งด้วยความเร็วเต็มข้อลงบันไดบ้านที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว 


    คู่ซี้ซิดจ์ ลอว์สันบ้านข้าง ๆ ก็สายเช่นเดียวกัน ทั้งสองถลามาเจอกันกลางทางในซอยกลูมมี่ด้วยสีหน้าแตกตื่นไม่แพ้กัน 


    ฝนเริ่มปรอยเม็ดขณะทั้งสองออกเดินไปบนทางเท้าเหล็กสีเทาด้านเหมือนหน้ากระทะที่บี้บุบลูคเหลียวซ้ายแลขวามองทิวทัศน์ของเมืองฟอร์ทอีสต์ไปตลอดทางด้วยสายตาที่พร่ามัวจากอาการนอนหลับไม่เพียงพอทุกสิ่งทุกอย่างถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะสีเงินและสีเทาเข้มเนื่องจากฟอร์ทอีสต์เป็นเมืองทรัพยากรถ่านหินการเดินทางสัญจรของชาวเมืองจึงใช้รถไฟรางเหล็กพลังงานถ่านหินเป็นหลักการเดินทางในเช้าวันจันทร์เป็นช่วงเวลาอันแสนน่าเบื่อเพราะนอกจากควันจากหัวรถไฟที่อบอวลไปทุกตู้แล้ว พื้นที่บนรถรางก็แน่นขนัด 


    ลูคไม่เคยชอบการใช้รถรางเพราะต้องทนดมกลิ่นเผาไหม้ของถ่านซ้ำยังเปรอะเปื้อนเขม่าและขี้เถ้าจากเตาเชื้อเพลิงไปทั้งตัวต่างจากซิดจ์ที่ชอบดมกลิ่นพวกนี้เขาบอกว่ามันทำให้คิดถึงคุณเวเธอร์บีช่างตีเหล็กประจำซอย


    รถรางแล่นผ่านบ้านเมืองสีเทาเข้มสลับอ่อนแตกต่างกันไปตามฐานะของเจ้าของบ้านนาน ๆ จะมีบ้านโลหะสีเงินสว่างให้เห็นสักหลังในเมืองอุตสาหกรรมเหมืองแบบฟอร์ทอีสต์โลหะยิ่งสีอ่อนและสะท้อนแสงมากเท่าไหร่ยิ่งมีค่ามากเท่านั้นทุกคนรู้กันดีว่าหากจะดูฐานะใครให้ไปดูว่าบ้านเขาสร้างจากอะไรบ้านที่สร้างจากโลหะสีเงินที่เจิดจ้าที่สุดย่อมหมายถึงมั่งคั่งที่สุดส่วนบ้านที่สร้างจากโลหะสีเข้มจนใกล้ดำคงไม่ต้องพูดถึง 


    เวลาผ่านไปราวชั่วโมงเศษในที่สุดขบวนรถรางก็พาทั้งสองมาถึงสถานีโกลเด็นคาสเซิลสถานีของมหาวิทยาลัยโกลเด็นฟอร์เธ่ หนึ่งในมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้หลังจากก้าวผ่านประตูรั้วเหล็กทึบขนาดมโหฬารที่ประทับด้วยตราดวงอาทิตย์หกแฉกตรงกึ่งกลางทั้งสองก็ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งปลูกสร้างสีทองเหลืองอร่ามมากมายราวกับเมืองย่อม ๆตั้งแต่พื้นทางเดินจรดหลังคาทุกตึกในโกลเด็นฟอร์เธ่สร้างด้วยแผ่นโลหะสีทองสะท้อนแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์จึงไม่น่าแปลกใจที่โกลเด็นฟอร์เธ่ถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทปราชญ์ทองเหลืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟอร์ทอีสต์ 


    เหล่านักเรียนหญิงชายราวพันคนยืนคุยกันจอแจเต็มตลอดทางเดินเข้ายังตัวปราสาทจึงไม่มีใครสนใจพวกเขาที่มาทันแบบหวุดหวิด


    ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจว่าเรามาสายวันแรก” ซิดจ์เอ่ยพลางมองไปรอบๆ


    ลูค! ซิดจ์!” เสียงแหลมที่ดังจนคนรอบข้างต้องหันมามองดังออกมาจากฝูงชนลูคเห็นเบ็นจามิน ยัง เจ้าของเสียงกำลังขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนของตัวเองให้ฟูกระเจิงกว่าเดิม ถัดจากเบ็นคือ ชิน ลีที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่เช่นเคย ผมสีส้มแดงของเขาโดดเด่นสะดุดตาออกมาจากฝูงชนทั้งสองเดินแหวกนักเรียนชายที่กำลังส่งเสียงดังโหวกเหวกตรงมายังพวกเขา


    อาห์ มิ้นท์” ซิดจ์พูดขณะพวกเขาเดินไปใกล้เพื่อนทั้งสองพลางทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นบุหรี่ของชิน


    มีวันไหนมาทันมั่งไหม ถามจริง” เบ็นจามินบ่นอุบพวกฉันรออยู่เป็นครึ่งชั่วโมง จะสายแล้วด้วยเนี่ย” 


    ก็ไอ้ซิลเวอร์น่ะสิ มันเอาถุงเท้าฉันไปซ่อนไว้ที่ไหนไม่รู้” ซิดจ์รีบแก้ตัวพลางถอดรองเท้าแล้วยกเท้าขึ้นมาโชว์เพื่อน “ฉันหาอยู่เป็นชาติกว่าจะเจอว่ามันซ่อนไว้ใต้เตียงฉันเอง” ลูคเห็นถุงเท้าสีน้ำตาลอ่อนข้างขวาของเพื่อนตัวแสบแหว่งเป็นรูและมีรอยน้ำลายของเจ้าตูบแก่


    ตารางเรียน” ชินตัดบทโดยส่งตารางเรียนให้เพื่อน ๆแล้วจึงเดินนำลิ่วเข้าไปในโถงอาคารโดยมีเพื่อนอีกสามคนเดินตามต้อย ๆ


    โถงกลางของมหาวิทยาลัยมโหฬารเสียจนลูคคิดว่ามันคงสามารถจุนักเรียนทั้งหมดได้สบายๆทั่วห้องรายล้อมด้วยบันไดวนสีเหลืองทองที่ทั้งเยอะและสูงจนซิดจ์บ่นออกมาว่าคงเวียนหัวตายก่อนถึงห้องระเบียงทางเดินคดเคี้ยวสร้างจากโลหะสีขาวตัดกับห้องสีทองคำล้วนทำให้บรรยากาศดูเหมือนราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายใจกลางโถงมีบ่อน้ำพุโลหะสีขาวขนาดใหญ่คอยส่งเสียงน้ำซู่ซ่าตัดกับเสียงอึกทึกของเด็กนักเรียนคนอื่นๆ และที่ก้นบ่อนั้นเต็มไปด้วยเหรียญกษาปณ์สีเงินที่นักเรียนนำมาโยนอธิษฐานไว้


    กว่าจะสอบผ่านหมดคงต้องขายบ้านเอามาบน” เสียงพูดแจ้วของซิดจ์ดังเข้าหูเขาในระหว่างที่กำลังจ้องอ่านตารางเรียนในมือที่ขยับขึ้นๆ ลง ๆ ตามจังหวะเดินอย่างยากลำบากในหัวก็คิดไปพลางว่าทุกวิชาดูเหมือนกันไปหมดตรงไม่มีคำว่าโลหะนำหน้าก็ลงท้าย


    อัณมณีดาราศาสตร์ ประวัติศาสตร์โลหะ วรรณกรรมฟอร์ทอีสต์พลศึกษาและการปฐมพยาบาลหมวดโลหะบำบัด” ลูคอ่านรายชื่อวิชาไล่ตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายของวัน


    มาพนันกันดีกว่าว่านายจะทนฟังอาจารย์สอนได้สักกี่ชั่วโมง” ซิดจ์หันมาแขวะเขา


    แค่ครึ่งชั่วโมงแรกก็ไม่น่าแล้วล่ะฉันว่า ได้ยินแค่ชื่อฉันก็จะหลับแล้ว”มันเสริมขึ้นอีกจนลูคเริ่มรู้สึกหมั่นไส้


    แล้วนี่พวกเราต้องเกิดแก่เจ็บตายในเหมืองเลยเปล่าวะ อ่านวิชาไหน ๆ ก็มีแต่คำว่าโลหะฉันต้องนอนฝันว่าปวดท้องเพราะมีหินแร่อยู่เต็มท้องแน่ ๆ” เพื่อนทั้งสามคนหันมามองหน้ากันแบบเอือมๆ


    ลูคหัวเราะหึๆ ก่อนแหย่ตอบเพื่อนซี้ อย่างงี้ที่ฟอร์ทมารีนไม่เรียนแต่ปลาๆๆ เหรอ”


    ถ้ามีแต่ปลาฉันคงฝันดีเพราะอิ่มท้องว่ะ” ซิดจ์โพล่งออกมาทำเอาเบ็นจามินขำพรืดส่วนชินเตรียมง้างเท้ารอแต่ดันเดินมาถึงหน้าชั้นเรียนแรกในชีวิตมหาวิทยาลัยเสียก่อน


    คาบเรียนแรกไม่ได้เลวร้ายนักถ้าหากไม่นับเรื่องที่อาจารย์บาร์ทปาถ่านเขียนกระดานใส่หน้าผากเขาร่วมสี่รอบได้เหตุเพราะแอบหลับในห้องเรียน


    คุณไวท์” อาจารย์บาร์ทเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ยังคงความยานได้เสมอต้นเสมอปลายเพชรเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวอะไรครับ” 


    ลูครีบเหล่มองปากของเบ็นจามินที่กำลังบุ้ยใบ้คำตอบอยู่ข้างๆ


    หมาบินครับ” 


    เด็กกว่าครึ่งห้องระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นส่วนอาจารย์บาร์ทหน้าตึงยิ่งกว่าเดิมจนดูเหมือนสิงโตแก่หน้าเหี่ยวขาดสารอาหาร


    หมายถึงม้าบินสินะครับ” เสียงยานคราวนี้แฝงความเหนื่อยหน่ายเข้ามาด้วยจนลูคยิ้มแหยชินเริ่มเอาเท้าสะกิดซิดจ์ที่กำลังหลับอยู่แบบไม่ดูตาม้าตาเรือหรือจะให้ถูกต้องก็คือเพกาซัส เลิกแอบหลับในชั้นเรียนของผมได้แล้วถ้าไม่อยากสอบตกปลายภาคคุณลอว์สันเองก็เหมือนกัน” อาจารย์บาร์ทกระแทกถ่านอีกก้อนใส่โต๊ะเหล็กเสียงดังพลั่กจนซิดจ์สะดุ้งตื่น


                ทำไมการเรียนถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้ จะแห้งตายแล้ว” ซิดจ์งุบงิบพลางทำท่าโงนเงนไปมาแบบหมดแรง


                เพกาซัส สัตว์วิเศษในตำนานปรัมปราพื้นบ้านของฟอร์ทอีสต์หมู่ดาวนี้กินเนื้อที่หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดตารางองศาบนซีกฟ้าเขตเหนือมีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับที่เจ็ด ในบรรดาดาวทั้งหมดของกลุ่มดาวเพกาซัสมีดาวฤกษ์สี่ดวงที่จรัสแสงสว่างมากที่สุด พวกมันถูกเรียกว่าจัตุรัสม้าบินกลุ่มดาวนี้จะเริ่มจรัสแสงสว่างเพียงพอให้มองเห็นได้ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงและเห็นได้ชัดในช่วงต้นฤดูหนาว...” อาจารย์บาร์ทเริ่มกวาดสายตาไล่มองเด็กนักเรียนในชั้นเรียนทีละคนราวกับราชสีห์แก่สายตามีปัญหากำลังออกล่าเหยื่อกระทั่งสายตาเพ่งเล็งมายังลูคและซิดจ์ซึ่งเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะถูกเบ็นจามินเอาขาสะกิด


                เรามาทดสอบกันหน่อยดีกว่าว่าใครอ่านหนังสือล่วงหน้ามาบ้าง” อาจารย์เอ่ยเสียงเข้ม


                จากที่ผมเล่าเรื่องกลุ่มดาวเพกาซัสไปเมื่อครู่นี้มีใครพอจะอนุมานได้ไหมว่าเพราะเหตุใดเพชรจึงถูกขนานนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดาวนี้…ใครตอบถูกได้คะแนนพิเศษไป แต่ถ้าตอบผิดวันนี้ต้องมาช่วยงานผมหลังเลิกเรียน”คราวนี้อาจารย์หนุ่มกลับจ้องเขม็งมาที่ลูคราวกับว่าทั้งชั้นเรียนนั้นมีเขานั่งเรียนอยู่เพียงคนเดียว


               “ฉันว่าแม่งหาเบ้ส่วนตัวแหง” ซิดจ์ป้องปากกระซิบเสียงค่อย


      “คุณไวท์กับคุณลอว์สัน ทั้งคู่คงจะพอรู้คำตอบแล้วใช่ไหมครับถ้างั้นเชิญออกมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังที่หน้าชั้นเรียน เดี๋ยวนี้”


                ลูคเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับความไม่ยุติธรรมสุดน่ารำคาญของอาจารย์บาร์ททำไมวิชาเรียนคาบแรกในวันเปิดภาคเรียนถึงได้เลวร้ายมากกว่าที่เขาคิดภาพเอาไว้มากขนาดนี้


      ที่หน้าชั้นเรียนสายตานับห้าสิบคู่ของเด็กนักเรียนทั้งชั้นจ้องมองเขากับซิดจ์ราวกับว่าเป็นเป้านิ่งเด็กนักเรียนหญิงสามสี่คนที่นั่งอยู่หน้าชั้นเรียนกำลังกระซิบกระซาบกันก่อนจะชำเลืองมองเขาเด็กผู้หญิงผมสีทองสว่างหน้าตาสะสวยคนหนึ่งในกลุ่มนั้นส่งรอยยิ้มมาให้คล้ายว่าเธอพยายามสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาถัดไปอีกสองแถวคือกลุ่มเด็กนักเรียนชายท่าทางเกเรกำลังนั่งจีบเด็กผู้หญิงที่อยู่อีกหนึ่งแถวถัดไปข้างหลังพวกหล่อนกำลังผลัดกันประโคมเครื่องสำอางค์ลงบนใบหน้าของตัวเองอย่างไม่คิดแยแสสิ่งต่างๆ รอบตัว 


      หากไม่นับรวมเบ็นจามินกับชินโดยรวมแล้วดูเหมือนว่าไม่มีสนใจเรียนกันสักคนแต่ทำไมถึงต้องเป็นเขาที่ต้องมาซวยถูกอาจารย์เล่นงานด้วยลูคคิดในใจพลางแอบเหลียวมองไปทางเบ็นจามินที่เริ่มทำปากมุบมิบบุ้ยใบ้คำตอบให้เขาอีกครั้ง


    เบ็นจามินทำท่าชี้มือขึ้นไปเหนือหัวและเอามือป้องตาราวกับว่ากำลังจ้องมองบางอย่างบนท้องฟ้าก่อนจะทำตาหยี๋ขยี้ตา จนกระทั่งอาจารย์บาร์ทหันขวับมองเลย มันเลยหยุดทำแต่โดยดี


    ลูคพยายามคิดคำใบ้ของเพื่อนผมยุ่งในที่สุดเขาก็นึกออก


    เอ่อ… คงเพราะดาวฤกษ์สี่ดวงส่องแสงสว่างเหมือนเพชรผมหมายถึงจัตุรัสม้าบินน่ะครับ” ลูคโพล่งความคิดในหัวออกมาจากปาก


    รอยยิ้มกริ่มที่มุมปากของอาจารย์บาร์ทแห้งเหือดไปทันทีดูเหมือนว่าเขาจะตีคำใบ้ของเพื่อนแตกแล้วตอบคำถามถูก


    เออ... สงสัยฉันยังพอมีแต้มบุญเหลืออยู่บ้าง...


    ลูคคิดในใจเพราะเสียงกริ่งแสบแก้วหูบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้นขัดจังหวะเอาไว้เสียก่อน 


    เมื่อเสียงกริ่งหยุดลงบรรยากาศในชั้นเรียนก็กลับเข้าสู่ความวุ่นวายในบัดดลเด็กนักเรียนต่างรีบปิดหนังสือและเก็บข้าวของ เด้งตัวลุกจากโต๊ะเรียนแล้วเดินกรูกันออกจากห้องคงไม่มีใครอยากจะนั่งอยู่ต่อในชั้นเรียนของอาจารย์บาร์ทอีกแม้แต่วินาทีเดียว 


    เขารีบลากแขนเพื่อนทำเนียนหันหลังเดินกลับไปยังโต๊ะเรียนของตัวเองทว่าน้ำเสียงหนักแน่นของอาจารย์หนุ่มหน้าห้องกลับดังขึ้นหยุดเด็กทั้งชั้นเอาไว้เสียก่อน


                การบ้านวันนี้ไปเขียนเรียงความหัวข้อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มดาวเพกาซัสและเพชรมา ความยาว20 หน้ากระดาษเป็นอย่างต่ำ ใครไม่มีมาส่งในคาบเรียนหน้า...เสียงหนักด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นจากปากผู้เป็นอาจารย์หยุดนิ่งอยู่แค่นั้นประหนึ่งทิ้งท้ายว่าเรื่องร้ายจะเกิดขึ้นหากพวกเขาไม่ทำการบ้านมาส่ง


    แล้วก็พวกคุณทั้งสอง เย็นนี้ 5 โมงตรงต้องมาช่วยงานผมที่ห้องสมุดนะอาจารย์หนุ่มกำชับ


    แต่ผมไม่ได้ตอบคำถามผิดนี่ครับ” ลูคร้องท้วง


    ใครว่าล่ะ” อาจารย์บาร์ทโบกมือไล่เขาออกไปให้พ้นหูพ้นตา


    เขากับเพื่อนๆ (ยกเว้นแต่ชินที่ดูพออกพอใจกับการบ้านชิ้นแรก) เดินคอตกรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่น ๆไปบนระเบียงลอยสีขาวสะอาดตาที่หน้าชั้นเรียนวิชาอัณมณีดาราศาสตร์ ทอดยาวพากลุ่มเด็กปีหนึ่งออกนอกตัวอาคารไปยังระเบียงยกสูงสู่กลางแจ้งเมื่อออกจากตัวอาคารที่มืดทึมและอับแสงกระแสลมแรงพัดพากลิ่นฝนสร้างความรู้สึกสดชื่นของเขาให้กลับคืนมาทันทีเขารู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ต้องทนนั่งอุดอู้อยู่ในชั้นเรียนอันแสนเลวร้ายของอาจารย์บาร์ทอยู่ร่วมชั่วโมง


    ฉันคิดว่าฉันตอบถูกแล้วเชียว” ลูคโวยวายขึ้นเสียงดังอย่างหงุดหงิดไม่หาย


    ก็ถูกไง จัตุรัสม้าบินนั่นแหละคือคำตอบที่ถูกต้องแต่ฉันว่าอาจารย์เขาหาเรื่องนายมากกว่าแหล่ะ แย่ชะมัด” เบ็นจามินว่าส่วนซิดจ์ถอนใจดังเฮือกตอบอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน


    นี่นายคนที่ผมสีบลอนน่ะ” เสียงนุ่มของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง


    ลูคหันไปมองเด็กสาวเจ้าของเสียงเธอคือเด็กสาวผมทองคนเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้ในชั้นเรียนอาจารย์บาร์ทเจ้าหล่อนเดินผละออกจากกลุ่มเพื่อนของเธอปรี่ตรงเข้ามาหาพวกเขาทั้งสี่


    นายลืมนี่ไว้ที่โต๊ะ” เธอว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นตำราอัญมณีแห่งหมู่ดาวหนึ่งในหนังสือเรียนวิชาอัณมณีดาราศาสตร์ให้กับซิดจ์ซึ่งตาหูเหลือกอย่างเก็บอาการทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าง่วงซึมเหมือนยังไม่ตื่นนอนอยู่เลย


    โอ้ ขอบคุณ...” ซิดจ์เกร็งเสียงหล่อ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน


    มารีน่า เจ็มส์สตาร์” เธอตอบเสียงนุ่มก่อนจะถามต่อนายคือลอว์สันใช่ไหม


    เรียกซิดจ์ก็ได้” ซิดจ์เอ่ยตอบ เธอยักไหล่ตอบ


    โชคร้ายหน่อยนะที่นายถูกอาจารย์บาร์ทเพ่งเล็งฉันได้ยินมาว่าเขาเฮี้ยบที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมดที่สอนเด็กปีหนึ่งแล้วล่ะ”เธอคุยต่ออย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนที่เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของมารีน่าจะตะโกนเรียกเธอจากข้างหลัง


    งั้นไว้เจอกันที่หอคอยทองเหลืองแล้วกันนะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้นั่งใกล้ๆ กันนะ ซิดจ์” มารีน่าส่งยิ้มหวานให้ซิดจ์ก่อนจะรีบสับขาเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนของเธอและเดินลับหายนำหน้าพวกเขาไปยังชั้นเรียนวิชาต่อไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเคลิบเคลิ้มให้ฉายหราอยู่บนใบหน้าของซิดจ์ราวกับต้องมนตร์สะกด


    เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจอะไรอย่างนี้” เพื่อนตัวแสบส่งเสียงงึมงำในลำคอ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in