เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FIND HERiwannabacktobed
Day 1 (2) :
  • เสียงเชือกลั่นเปรี๊ยะตามจังหวะการเคว้งตัว เอี๊ยดอ๊าดไปมา ตามด้วยเสียงเปาะแปะที่เกิดจากเชือกที่รับน้ำหนักหญิงสาววัยยี่สิบนิดๆ น้ำหนักห้าสิบห้ากิโลกรัม ส่วนสูงร้อยห้าสิบห้าเซนต์พอดิบพอดี ปลายเท้าเกรง มือจิกแน่น ตาเหลือกล้น ลิ้นคับแน่นปาก ท่อปัสสาวะเริ่มใช้การไม่ได้ปล่อยของเสียไปตามร่องขา การหายใจเฮือกสุดท้ายจบสิ้นลงในที่สุด

    เหมือนร่างหล่นตุบลงมาจากราวบันได เชือกที่เคยรั้งคอไม่มีอีกต่ออาการอึดอัดคลี่คลายไปได้ด้วยดี แต่นี่จะเรียกได้ว่าเป็นการหายใจออกอย่างนั้นเหรอ ร่างกาย ร่างกาย...? ตอนนี้สามารถเรียกสิ่งที่เป็นอยู่ว่าร่างกายได้ไหม ผิวยังคงคมเข้มดั่งเมื่อก่อน(เมื่อห้าถึงสิบนาทีก่อน) แต่ซีดอย่างบอกไม่ถูก ปลายเท้าแกว่งปัดผ่านหน้าไปมาช้าลงเรื่อยๆ จนหยุดลงในที่สุด ฉันยืนมองร่างกาย...กายหยาบของฉันสภาพจากที่ไม่ได้ดูดีอะไรนัก ตอนนี้เรียกได้ว่าน่ารังเกียจเห็นจะได้ ตลกร้ายเหลือเกิน คนที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ภูติผี หรือนรก สวรรค์ ตอนนี้ดันกลายเป็นวิญญาณที่ยืนสมเพชร่างตัวเอง ตอนนี้คงคิดได้อย่างเดียวแล้วละว่าผีมีจริง แล้วคนที่มาเห็นฉันในสภาพนี้คงกรีดร้องด้วยความขนลุกขนพองที่ไม่ได้เกิดจากการเห็นคนตาย แต่คงเกิดจากการที่เห็นสภาพฉันเป็นแน่ ว่าแล้วเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เป็นเสียงกรีดร้องที่ไม่ประสา แหบแห้งป่นเปไปด้วยความสูญเสีย ร่างของฉันถูกจับอุ้มขึ้นเพื่อให้หายใจ ต้นตอของเสียงนั้นเขย่าร่างฉันอย่างแทบสิ้นสติ ปลดบ่วงที่คอออกอย่างเงอะงะ เสียงตึงตังจากการลงส้นเท้าหนักๆดังขึ้นอย่างเร็วถี่เป็นจังหวะ หญิงสูงวัยยืนเบิกตากว้างมือยกปิดปากอ้าวิ่งเข้ามากอดร่างฉันแน่น เหมือนดึงสติได้ตะโกนบอกลูกชายที่ยืนแข็งเหมือนถูกเมดูซ่าจัดการให้แข็งเป็นหินโทรเรียกรถพยาบาล ส่วนตนนั้นเริ่มทำCPR ตัวโยกขึ้นลงเป็นจังหวะตามที่ได้เข้าฝึกอบรมมาอย่างดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามตอนนี้สายไปเสียแล้ว ฉันยื่นมือซีดที่ยังคมเข้มไปแตะที่ไหล่กว้างของแม่ ไหล่ที่แบกรับเรื่องราวต่างๆมากมาย เมื่อถูกตัวแม่ ภาพความทรงจำต่างๆหลั่งไหลเข้ามา ภาพของไหล่แม่ที่ครั้งหนึ่งตอนที่ฉันฟันเพิ่งเริ่มขึ้น จู่ๆอาการคันยุบยับเกิดขึ้นในปากของฉัน ในเหงือกของฉันตอนนี้ เหมือนฟันกำลังแข่งขันกันงอกออกมา เกิดขึ้นไปพร้อมภาพที่ฉันงับหัวไหล่ของแม่ ถึงแม่จะหัวเราะเอิ้กอ้ากกับพี่สาวแต่ว่าความเจ็บของแม่ก็แล่นผ่านมายังไหล่ของฉันเช่นกัน เมื่อภาพนั้นตัดไป ภาพอดีตใหม่ก็เข้ามาแทนที่ กลายเป็นว่าฟันขึ้นครบเรียงตัวสวย ไหล่แม่ไม่ได้โดนฟันฉันขบกัดอีกต่อไป แต่เป็นใบหน้าทั้งใบฝังอยู่แทน น้ำตาของฉันไหลนองเปียกไหล่ของแม่ อายุคงไม่เกินหกหรือเจ็ดขวบ แม่ลูบหลังของฉันอย่างอ่อนโยนโยกตัวไปมา ปลอบฉันว่า "เม่นไปแล้ว เม่นไปแล้ว เจ้าตัวขนแข็งแหลมเฟี้ยวนั้นทำอะไรหยองของแม่ไม่ได้หรอก หึ!" แม่ยังคงลูบหลังและชู่วๆในฉันเงียบ ความอบอุ่นของฝ่ามือหยาบกร้านที่ผ่านการทำงานมามาก และเนิ่นนานซึมมายังแผ่นหลังของฉันที่ยืนมือไปจับไหล่ของแม่ ฉันได้แต่ยิ้มออกมา เสียงพูดฉันเบาหวิวเหมือนไม่มีอยู่จริง บอกไหล่นั้นว่า "ไม่เป็นไรแล้วแม่ ไม่เป็นไร..." เสียงหวีดหวิวส่งไปถึงแม่ได้ไหม ฉันตอบไม่ได้เลย แต่แม่หยุดการเคลื่อนไหลของตัวเองแล้ว พี่สาวของฉันยังหน้าเหวอกับสิ่งที่เกิดขึ้น พี่ชายโพล่งขึ้นกลางปล้องว่า "รถพยาบาลมาแล้ว"

    สายไปเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ยกเปลเข้ามาในบ้าน เสียงหมายังคงเห่าระงม ตอนนี้ฉันมายืนข้างเจ้าหมาแก่ของบ้านแล้ว บอกให้มันเงียบลงในที่สุด แต่เหมือนคนอื่นๆคงไม่ได้สังเกตที่จู่ๆมันก็เงียบไป มันเอาหัวมาถูขาอย่างที่มันชอบทำเสมอ ความอบอุ่นจากสิ่งมีชีวิตนั้นอบอุ่นมากกว่าแสงแดดที่สาดมาในช่วงฤดูหนาวที่เกิดขึ้นในไทยเสียอีก อบอุ่นจนฉันอย่างจะร้องไห้ออกมา แต่แล้วความรู้สึกก็อันตรธานหายไป มันหายไปเร็วกว่าตอนที่ยังมีหัวใจและสมองฝังอยู่ในร่างมากนัก ฉันนั่งลงข้างหมา มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพี่สาวยืนคุยกับเจ้าหน้าที่และตำรวจที่ตามมาเมื่อพยาบาลแจ้งว่าฉันตายแล้ว พี่ชายกำลังปลอบแม่อยู่ที่โซฟาเก่า ร่างฉันไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป แต่ฉันยังอยู่นะ ฉันยังคงอยู่ตรงนี้ นั่งมองทุกคนข้างหมาแก่ๆ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in