มิชชันหลักสำหรับวันนี้คือกินปู
ปูที่ขายาว ๆ ตัวใหญ่ ๆ แดง ๆ ที่เห็นขายแพง ๆ ในซูเปอร์มาเก็คบ้านเราน่ะแหละ
อยากกินกันมากถึงขนาดจองบุฟเฟต์นานาชาติ(ที่มีปู)เอาไว้ เพราะกลัวพลาด
แต่ก่อนหน้านั้นเราจะแวะไปที่สถานีโตเกียวเพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามและแวะซื้อสินค้า OTOP อีกรอบ
เช้าวันนั้นเราออกจากห้องกันก่อน 8 โมง เดินต๊อก ๆ มาสถานี JR Ueno แล้วนั่ง Yamanote Line ไปสถานี Tokyo
(ชั่วโมงกำลังจะเร่งด่วน คนยังไม่เยอะมาก)
และเนื่องจากอากาศในวันนี้อุ่นกว่า 4 วันที่ผ่านมาเราเลยเปลี่ยนเสื้อตัวนอก และการเปลี่ยนเสื้อตัวนอกทำให้เราลืมไปว่าเราเอาบัตรกวิ้นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวนั้น มองหน้าพี่แล้วถามเอาไงดี ยังต้องเดินทางอีกนิดหน่อยและซื้อของ เลยตัดสินใจซื้อใบใหม่อีกใบ
อยู่ ๆ ก็เสียเงินเพิ่ม 500 เยน
เสียดายนะ หมุนกาจาปองได้ตั้ง 2 อัน ซื้อน้ำเปล่าได้ตั้ง 5 ขวด ซื้อขนมได้ตั้ง... ฯลฯ
แต่เพื่อความสะดวกเราก็ยอม และคิดว่าคงได้ใช้มันอีกแหละ
พอซื้อเสร็จก็เห็นชาวเอเชียสองคนเดินตรงมาทางนี้ พร้อมเปิดไฮเปอร์เดียที่เป็นภาษาจีนและถามทางเป็นภาษาอังกฤษว่าจะไปสถานีนียังไง มอง ๆ ดูเขาจะไปสถานีโตเกียว เราเลยช่วยเขาซื้อตั๋ว แต่ตอนนั้นลืมแนะนำเขาว่าทำไมไม่ซื้อ suica card ไว้สักใบล่ะ มันสะดวกมากเลยนะ (มานึกได้ก็ตอนสายไปแล้ว)
พอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เสร็จเราก็มุ่งหน้าไปสถานีโตเกียว เรามาถึงกันค่อนข้างเช้า เพราะร้านรวงในสถานียังไม่เปิด มีแค่บางส่วนที่ขายของฝากเปิดร้านแล้ว เรากับพี่เดินออกจาก Yaesu Exit มันมี South , Central , North ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องออกทางไหน เลยเลือก Central เพื่อความปลอดภัย ปรากฏว่ามันเชื่อมถึงกัน ออกทางไหนก็เหมือนกันให้เป็น Yaesu Exit ถ้าจะมาทางพวกร้านที่ขายสินค้าคาแรคเตอร์
เดิน ๆ มาก็จะเจอป้ายนี้ ข้างหน้าเป็นห้าง Daimaru
มองต่ำลงมานิดจะเจอป้ายนี่
พอลงมาสำรวจพวกร้านคาแรคเตอร์ ยังไม่มีร้านไหนเปิดเลย เขาเปิดกัน 10 โมง เราเลยเดินอ้อมไปยังอีกด้านเพื่อไปยัง Marunouchi Exit ซึ่งเป็นทางออกที่จะพาเราไปยังด้านหน้าของสถานีโตเกียว
พอออกมาถึงก็ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเจอไซต์งานก่อสร้าง เฮ้ นี่มันคล้ายกับหัวลำโพงมากเลยนะเพราะตอนนี้กำลังก่อสร้างเช่นกัน เริ่มเข้าใจฝรั่งที่มาเที่ยวแถว ๆ หัวลำโพงตอนนี้แล้ว
อนึ่ง เราทำงานแถวหัวลำโพง เลยตกใจมาที่เดินออกมาจากสถานีโตเกียวแล้วเจอแบบนี้ โอ้วววว ไม่นะ 5555555555555555555 เดจาวูสึส
ย้อนแสงอีก ไม่ศึกษาที่ทางแสงก่อนมาเลย ชีวิตนี้คงเป็นช่างภาพไม่ได้ 555555
หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาด้านไหน ลองสำรวจร้านที่เปิดแล้ว มองเห็น เอ๊ะ... อะไรเหลือง ๆ น่ะ ช้าก่อน นั่นมัน...
หลอกหลอนจริง ๆ เราเลยลองซื้อชูครีมรูปร่างสี่เหลี่ยมลูกตั๋วมาลอง เราว่าเฉย ๆ อ่ะ ชีสทาร์ตอร่อยสุด
หลังจากนั้นก็ลงมารอด้านล่างเพราะไม่รู้จะไปไหนแล้ว แวะริลัคคุมะช้อป ที่นี่โคกุมะจังก็ไม่มีอีกเหมือนกัน ด้วยความโมโหเลยไประบายอารมณ์ที่นี่แทน... (คือตั้งใจจะมาอยู่แล้วด้วย)
อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าที่นี่เหมาะกับเรามาก 555555555
หลังจากเสียเงินจนพอใจแล้วก็ขึ้นไปบนสถานีเพื่อนั่งรถไฟไปลงสถานี Shinagawa ขณะที่ยืนรออยู่พี่เขาก็มาพอดี รู้สึกเหมือนได้เจอดารา
ชินคันเซนที่ไปฮอกไกโดนี่เอง แค่เห็นก็รู้สึกถึงความแพงละ 555555 เราเห็นป้ายบอกราคาแวบ ๆ รู้สึกจะประมาณ 4x,xxx เยน เทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 12,000 บาท ได้มั้ง
กลับมานั่งรถไฟหวานเย็นของเรากันต่อ เราไปถึงสถานี Shinagawa ตอนกี่โมงก็จำไม่ได้ น่าจะประมาณ 10 โมงครึ่งกว่า ๆ พอลงจากสถานีก็เปิดกูเกิลแมพที่รักยิ่ง เดินเท้าไปยัง Shinagawa Prince Hotel เพื่อไปกินขาปูที่ห้องอาหาร Luxe Dining Hapuna ของโรงแรม พอไปถึงก็แจกพนักงานเขาก็จะให้สิ่งนี้มา มีรายละเอียดชื่อที่เราจอง เวลาจอง เลขโต๊ะ ฯลฯ
เมื่อนาฬิกาบอกเวลาตรงกับที่จองไว้ปุ๊บ พนักงานก็จะพาลูกค้าที่ยืนต่อแถวรอกันอยู่แล้วเข้าไปยังห้องอาหาร แต่ละกลุ่มก็จะมีพนักงานพาไปยังโต๊ะ มีถามด้วยว่าเคยมากินไหม เป็นครั้งแรกหรือเปล่า แล้วก็จะแนะนำว่าอะไรอยู่ตรงไหน เครื่องดื่มอยู่ทางนี้ อาหารญี่ปุ่นอยู่ทางนั้น อาหารฝรั่งอยู่ทางโน้น บลา ๆ พนักงานสุภาพและน่ารักมาก ๆ และเขาก็เดินไปทุกโต๊ะเพื่อเอาผ้าคลุมกระเป๋าของลูกค้าไว้ ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไม แต่พอกินปูไปถึงได้รู้ว่า อ๋อ... มันกระเด็นจนเลอะเทอะงี้ การมีผ้าคลุมไว้ทำให้ชีวิตดีขึ้นประมาณนึง
และพอพนักงานแนะนำเสร็จเราก็เดินไปเอาปูเป็นอย่างแรก ขาใหญ่ประมาณที่คิด แต่ดูผอม ๆ ไปหน่อย ปูอาจจะไดเอท แต่พอกินเข้าไปแล้ว เค็มว่ะ... ปูทะเลนี่นะ คงเค็ม (ไม่ใช่!!) ตอนแรกคิดว่าจะเค็มแค่ตัวนี้ พอถามพี่เรา พี่ก็บอกว่าเค็ม ไปเอามาใหม่ก็ยังเค็มอยู่ กิน ๆ ไปได้สักพักก็รู้สึกไม่โอเคละ ต้องไปหาอย่างอื่นมากินตัดรสหน่อย
ก็ยาวนะ เกือบ ๆ เท่าแขน
เราลองเดินไปหาอย่างอื่นมากิน เจอสิ่งนี้ ป้ายเขียนว่า Chirashi-Zushi อร่อยมาก ชอบ กินไป 2 ถ้วย
เท่าที่ลองสังเกตคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไปต่อแถวอาหารประเภทอาหารฝรั่ง เราเลยไปลองหยิบขนมปังมากิน ก็อร่อยดี พอมาลองพวกของหวาน เราชอบ mille feuille มาก คิดว่าอร่อยสุดในบรรดาขนมที่มี
สรุป : บุฟเฟต์นานาชาติ (ที่มีขาปู) ราคา 3800 เยน เราว่าไม่คุ้มเงินเท่าไหร่อ่ะ ค่อนข้างผิดหวัง คิดว่าเอาเงินไปกินเนื้อย่างดี ๆ ยังคุ้มกว่า ที่มากินเพราะตัดสินใจเชื่อรีวิวจากเว็บดังแห่งหนึ่งในประเทศแถบอาเซียน แต่พอลองแล้วเราก็ตระหนักได้ว่า ลิ้นคนเรานั้นคงไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น... เราคงจะไม่เชื่อรีวิวอาหารจากเว็บนั้นอีกแล้ว ขอลองด้วยตัวเองหรือไม่ก็สรรหาเองดีกว่า 5555555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in