ผมกระพริบตาสองสามครั้งไล่ความมึนงงขณะที่นั่งรออยู่ตรงฟุตพาท มองเพื่อนและพี่ร่ำลาและแยกย้ายกันกลับบ้าน แค่ว่าไอ้คนที่เมาสุดในกลุ่มมีคนพาไปส่งบ้าน ผมก็หมดห่วงไม่ได้คิดถึงตัวเองว่าจะมีใครพากลับไหม เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่มาสังสรรค์ต้องอยู่เป็นคนเก็บเพื่อนและห้ามเมา เพราะบ้านไกลสุดและต้องเอาตัวกลับไปบ้านให้ได้
แต่วันนี้รุ่นพี่สาขาเดียวกันดันออกมาฉลองเหมือนกัน เหมือนเอาน้ำมันมาราดบนกองไฟ เพราะหลังจากที่คิดว่าจะดื่มน้อย กลับปล่อยตัวและใจไปกับความสนุกตรงหน้าคิดว่ากินอีกหน่อยก็คงกลับบ้านได้เหมือนอย่างเคย แต่เอาเข้าจริงตอนนี้มันก็มึนพอควร
รองเท้าหนังของใครบางคนหยุดตรงหน้า เขายืนอยู่ตรงหน้าผมราวสามวิก่อนจะพูดอะไรสักอย่างที่เหมือนกับ กลับบ้านได้หรอเราเดี๋ยวพี่ไปส่ง อะไรทำนองนั้น
ผมมึนเกินจะปฏิเสธ อีกใจหนึ่งก็ดีใจผมจะได้หลับได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแกล้งทำเป็นมีสติ
ผมพยักหน้าจากนั้นเขาก็เดินไปที่ลานจอดรถด้านหลังร้าน ไม่นานก็ขับดูคาร์ติคันใหญ่ออกมาจอดอยู่ข้างหน้าผมใช้เวลาชั่วครู่คร่อมขาบนรถคันใหญ่นี้ จนในที่สุดก็เรียบร้อย
“บ้านอยู่ไหน”
ผมตอบไปเบาๆ เสียงยานคางเอาจริงไม่อยากพูดอะไรมากนัก อยากจะหลับเสียอย่างเดียว
สักพักรถคันใหญ่ก็ออกตัว
ลมแรงที่ปะทะหน้าจนชาทำให้ผมเจ็บ ผมหลับตา ขออนุญาตซบตัวกับแผ่นหลังของเขา แอบดมกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ หอมดีวันหลังผมจะไปซื้อตาม
ไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรกลับมา แต่ผมไม่สนหรอกนะตอนนี้ผมอยากจะนอน ถ้าเขาถือตัว พรุ่งนี้ค่อยขอโทษก็แล้วกัน
ผมตื่นอีกทีตอนที่รถหยุดลงที่บ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่งใ ช้เวลาประมวลอยู่ราวสิบวินาที ก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่บ้านของผม
กลิ่นดอกอะไรสักอย่างหอมโชยมาผมที่เพิ่งตื่นเริ่มจะมีสติ ครั้นพอจะถาม เขากลับพูดออกมาราวกับอ่านใจกันออก
“บ้านพี่ มาเปลี่ยนรถ”
“บ้านเราอยู่อีกฝั่งเลย กลัวตำรวจจับ”
ผมพยักหน้าเออออ ลงจากรถคันใหญ่ไปนั่งรออยู่ที่บันไดหน้าบ้านของเขา ดวงตาจับจ้องดอกไม้สีแดงสดที่บานอยู่ในกระถางพลางคิดว่า ทำไมมันมาถึงตอนนี้ได้
จอห์นนี่เป็นรุ่นพี่ปีสี่ ผมไม่ได้สนิทสนมกับเขาขนาดนั้น เคยยกมือไหว้ไม่กี่ครั้ง แอบแปลกใจที่เขามาส่งรุ่นน้องที่ไม่สนิทอย่างผม
เขาไม่เชิงเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆหรือเป็นก็ไม่แน่ใจ แต่ผมรู้ว่าเขาค่อนข้างฮอตในคณะพอสมควร
นั่งคิดไปเรื่อย ๆจนตาเริ่มจะปิดอีกรอบ อีกฝ่ายถึงจะเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับกุญแจรถในมือ
“หาเกือบไม่เจอ โทษทีไอ้คิมใหญ่เพิ่งเอามาคืน”
ผมพยักหน้ารอให้เขาเดินนำไปที่รถคันใหญ่ที่จอดอยู่ในลานจอดด้านข้างแต่เขากลับทิ้งตัวลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับบุหรี่หนึ่งมวนในปาก
“เอามั้ย”
ผมพยักหน้ารับบุหรี่และไฟแชคที่เขายื่นให้มาไว้ในมือพอมองเขาใกล้ๆก็พบว่านัยน์ตาสีเทาเข้มของเขาเข้ากันดีกับผมสีน้ำตาลอ่อนอันที่จริงที่เขาฮอตก็คงเพราะสีตาประหลาดนี่
จำได้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งแต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดจะรู้ว่าอีกครึ่งเขาสัณชาติอะไร
งงนิดหน่อยที่ปล่อยให้เวลาผ่านมานานขนาดนี้ได้ยังไงเกือบจะตีสอง แต่ผมยังอยู่ที่บ้านคนอื่น
ช่างมันเถอะกลับดึกกว่าเดิมนิดหน่อยจะเป็นอะไร
“ทำไมพี่เพิ่งเคยเห็นหน้าเรา”เขาถามขณะที่พ่นควันออกมาจนฟุ้ง
“ผมยกมือไหว้พี่เป็นสิบๆครั้ง”
เขาหัวเราะหึ ผมนั่งเงียบ รู้สึกเหนื่อยที่จะเสพสิ่งที่อยู่ในมือต่อจึงใช้เท้าบี้มันกับพื้นถนนเหลือตั้งเกือบครึ่งมวล แต่ก็ช่างมันเถอะ
“ถ้าจะสูบแค่นั้นคนละครึ่งกับพี่ก็ได้”
“ใครเขาสูบต่อกัน”
“ไม่ได้หรอ”
ผมเลิกคิ้วสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ใครจะอยากสูบต่อจากคนอื่นถ้าไม่ได้คิดอะไรกันล่ะ
“อยากกลับหรือยัง”
“อันที่จริง…” ผมเว้นช่วงคิด ไอ้อยากกลับก็อยาก แต่ในขณะเดียวกันบางอย่างในตัวที่เคยนิ่งสงบกลับบอกว่าตอนนี้ก็ไม่แย่“อยากอยู่ต่ออีกสักพัก”
“โอเค”
และผมทันมองริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้มออกชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับไปง่วนอยู่กับบุหรี่ในมือ
ตีสองกับอีกสามสิบนาทีผมเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาตัวหนาของเขา น่าแปลกที่บ้านใหญ่ขนาดนี้แต่กลับดูเหมือนมีเขาคนเดียวที่อยู่ ผมนั่งหน้ามึนอยู่บนโซฟา ข้างๆเขานี่แหล่ะ เพิ่งตัดสินใจได้ว่างั้นก็ค้างบ้านเขาไปเลยก็แล้วกันไม่ลำบากให้เขาขับรถไปกลับคนเดียวด้วย ในตอนที่เขาถามว่าจะกลับเลยไหมถึงได้ส่ายหน้า
“คิดดูแล้ว ขอค้างได้ไหม”
“ขับไปมามันเหนื่อย เกรงใจ”
เขาดูแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพาเข้ามาในบ้าน
ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมจะจากไป
ขออนุญาตนอนบนโซฟา เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่นั่งลงข้างกันชิดเสียจนรู้สึกถึงแขนเสื้อของเขาที่ปัดป่ายกับแขนของผม
“มึนอะไร”
“ไม่รู้ เอาตรง ๆ คือยังไม่เต็มร้อย”
เขาหัวเราะ เขาลูบหลังผมเบาๆ ตอนแรกมันก็เป็นจังหวะปกติจนกระทั่งมันเนิบช้าลง แต่เขาก็ยังไม่เอามือออกไปจากหลังของผม
ทันใดนั้นทั้งผมและเขา เราต่างเงียบเพิ่งจะรู้สึกว่าเขาเข้ามาใกล้กว่าเดิม
ไม่ใช่ไม่รู้ประกายของสะเก็ดไฟในบรรยากาศทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้
ในหัวผมเต็มไปด้วยเรื่องราวฉิบหายที่จะเกิดต่อจากนี้
“นิ่งเลย”
“มันจะเลยเถิด”
แต่ก็ยังเลือกที่จะหันหน้าไปเผชิญกับเขา
เขาหัวเราะอีกครั้ง มองเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของเขา
“อย่าไปกลัว”
เขาพูดเสียงเบา
จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยนอกจากริมฝีปากคู่นั้นกับมือร้อน ๆ ที่ทิ้งสัมผัสหวาบหวามเอาไว้เป็นหลักฐาน
ว่าพรุ่งนี้ ความสัมพันธ์ของผมและเขาจะเปลี่ยนไปจากวันนี้อย่างสิ้นเชิง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in