เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from dusk till dawn. (johnjae)cloudnine
no one can trust himself with the three A.M. shadow.


  •            

                ผมกระพริบตาสองสามครั้งไล่ความมึนงงขณะที่นั่งรออยู่ตรงฟุตพาท มองเพื่อนและพี่ร่ำลาและแยกย้ายกันกลับบ้าน แค่ว่าไอ้คนที่เมาสุดในกลุ่มมีคนพาไปส่งบ้าน ผมก็หมดห่วงไม่ได้คิดถึงตัวเองว่าจะมีใครพากลับไหม เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่มาสังสรรค์ต้องอยู่เป็นคนเก็บเพื่อนและห้ามเมา เพราะบ้านไกลสุดและต้องเอาตัวกลับไปบ้านให้ได้

                แต่วันนี้รุ่นพี่สาขาเดียวกันดันออกมาฉลองเหมือนกัน เหมือนเอาน้ำมันมาราดบนกองไฟ เพราะหลังจากที่คิดว่าจะดื่มน้อย กลับปล่อยตัวและใจไปกับความสนุกตรงหน้าคิดว่ากินอีกหน่อยก็คงกลับบ้านได้เหมือนอย่างเคย แต่เอาเข้าจริงตอนนี้มันก็มึนพอควร

                รองเท้าหนังของใครบางคนหยุดตรงหน้า เขายืนอยู่ตรงหน้าผมราวสามวิก่อนจะพูดอะไรสักอย่างที่เหมือนกับ กลับบ้านได้หรอเราเดี๋ยวพี่ไปส่ง อะไรทำนองนั้น

                ผมมึนเกินจะปฏิเสธ อีกใจหนึ่งก็ดีใจผมจะได้หลับได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแกล้งทำเป็นมีสติ

                ผมพยักหน้าจากนั้นเขาก็เดินไปที่ลานจอดรถด้านหลังร้าน ไม่นานก็ขับดูคาร์ติคันใหญ่ออกมาจอดอยู่ข้างหน้าผมใช้เวลาชั่วครู่คร่อมขาบนรถคันใหญ่นี้ จนในที่สุดก็เรียบร้อย

                “บ้านอยู่ไหน”

                ผมตอบไปเบาๆ เสียงยานคางเอาจริงไม่อยากพูดอะไรมากนัก อยากจะหลับเสียอย่างเดียว

                สักพักรถคันใหญ่ก็ออกตัว

                ลมแรงที่ปะทะหน้าจนชาทำให้ผมเจ็บ ผมหลับตา ขออนุญาตซบตัวกับแผ่นหลังของเขา แอบดมกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ หอมดีวันหลังผมจะไปซื้อตาม

     ไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรกลับมา แต่ผมไม่สนหรอกนะตอนนี้ผมอยากจะนอน ถ้าเขาถือตัว พรุ่งนี้ค่อยขอโทษก็แล้วกัน




                

                ผมตื่นอีกทีตอนที่รถหยุดลงที่บ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่งใ ช้เวลาประมวลอยู่ราวสิบวินาที ก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่บ้านของผม

                กลิ่นดอกอะไรสักอย่างหอมโชยมาผมที่เพิ่งตื่นเริ่มจะมีสติ ครั้นพอจะถาม เขากลับพูดออกมาราวกับอ่านใจกันออก

                “บ้านพี่ มาเปลี่ยนรถ”

                “บ้านเราอยู่อีกฝั่งเลย กลัวตำรวจจับ”

                ผมพยักหน้าเออออ ลงจากรถคันใหญ่ไปนั่งรออยู่ที่บันไดหน้าบ้านของเขา ดวงตาจับจ้องดอกไม้สีแดงสดที่บานอยู่ในกระถางพลางคิดว่า ทำไมมันมาถึงตอนนี้ได้

                จอห์นนี่เป็นรุ่นพี่ปีสี่ ผมไม่ได้สนิทสนมกับเขาขนาดนั้น เคยยกมือไหว้ไม่กี่ครั้ง แอบแปลกใจที่เขามาส่งรุ่นน้องที่ไม่สนิทอย่างผม

                เขาไม่เชิงเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆหรือเป็นก็ไม่แน่ใจ แต่ผมรู้ว่าเขาค่อนข้างฮอตในคณะพอสมควร   

                นั่งคิดไปเรื่อย ๆจนตาเริ่มจะปิดอีกรอบ อีกฝ่ายถึงจะเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับกุญแจรถในมือ

                “หาเกือบไม่เจอ โทษทีไอ้คิมใหญ่เพิ่งเอามาคืน”

                ผมพยักหน้ารอให้เขาเดินนำไปที่รถคันใหญ่ที่จอดอยู่ในลานจอดด้านข้างแต่เขากลับทิ้งตัวลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับบุหรี่หนึ่งมวนในปาก

                “เอามั้ย”​

                ผมพยักหน้ารับบุหรี่และไฟแชคที่เขายื่นให้มาไว้ในมือพอมองเขาใกล้ๆก็พบว่านัยน์ตาสีเทาเข้มของเขาเข้ากันดีกับผมสีน้ำตาลอ่อนอันที่จริงที่เขาฮอตก็คงเพราะสีตาประหลาดนี่

                จำได้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งแต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดจะรู้ว่าอีกครึ่งเขาสัณชาติอะไร

                งงนิดหน่อยที่ปล่อยให้เวลาผ่านมานานขนาดนี้ได้ยังไงเกือบจะตีสอง แต่ผมยังอยู่ที่บ้านคนอื่น

                ช่างมันเถอะกลับดึกกว่าเดิมนิดหน่อยจะเป็นอะไร

                “ทำไมพี่เพิ่งเคยเห็นหน้าเรา”เขาถามขณะที่พ่นควันออกมาจนฟุ้ง

                “ผมยกมือไหว้พี่เป็นสิบๆครั้ง” 

                เขาหัวเราะหึ ผมนั่งเงียบ รู้สึกเหนื่อยที่จะเสพสิ่งที่อยู่ในมือต่อจึงใช้เท้าบี้มันกับพื้นถนนเหลือตั้งเกือบครึ่งมวล แต่ก็ช่างมันเถอะ

                “ถ้าจะสูบแค่นั้นคนละครึ่งกับพี่ก็ได้”

                “ใครเขาสูบต่อกัน”

                “ไม่ได้หรอ”

                ผมเลิกคิ้วสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ใครจะอยากสูบต่อจากคนอื่นถ้าไม่ได้คิดอะไรกันล่ะ

                “อยากกลับหรือยัง”

                “อันที่จริง” ผมเว้นช่วงคิด ไอ้อยากกลับก็อยาก แต่ในขณะเดียวกันบางอย่างในตัวที่เคยนิ่งสงบกลับบอกว่าตอนนี้ก็ไม่แย่“อยากอยู่ต่ออีกสักพัก”

                “โอเค”

                และผมทันมองริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้มออกชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับไปง่วนอยู่กับบุหรี่ในมือ

     





                ตีสองกับอีกสามสิบนาทีผมเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาตัวหนาของเขา น่าแปลกที่บ้านใหญ่ขนาดนี้แต่กลับดูเหมือนมีเขาคนเดียวที่อยู่ ผมนั่งหน้ามึนอยู่บนโซฟา ข้างๆเขานี่แหล่ะ เพิ่งตัดสินใจได้ว่างั้นก็ค้างบ้านเขาไปเลยก็แล้วกันไม่ลำบากให้เขาขับรถไปกลับคนเดียวด้วย ในตอนที่เขาถามว่าจะกลับเลยไหมถึงได้ส่ายหน้า

                “คิดดูแล้ว ขอค้างได้ไหม”

                “ขับไปมามันเหนื่อย เกรงใจ”

                เขาดูแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพาเข้ามาในบ้าน

    ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมจะจากไป

    ขออนุญาตนอนบนโซฟา เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่นั่งลงข้างกันชิดเสียจนรู้สึกถึงแขนเสื้อของเขาที่ปัดป่ายกับแขนของผม

    “มึนอะไร”

    “ไม่รู้ เอาตรง ๆ คือยังไม่เต็มร้อย”

    เขาหัวเราะ เขาลูบหลังผมเบาๆ ตอนแรกมันก็เป็นจังหวะปกติจนกระทั่งมันเนิบช้าลง แต่เขาก็ยังไม่เอามือออกไปจากหลังของผม

    ทันใดนั้นทั้งผมและเขา เราต่างเงียบเพิ่งจะรู้สึกว่าเขาเข้ามาใกล้กว่าเดิม  

    ไม่ใช่ไม่รู้ประกายของสะเก็ดไฟในบรรยากาศทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้

    ในหัวผมเต็มไปด้วยเรื่องราวฉิบหายที่จะเกิดต่อจากนี้

    “นิ่งเลย”

    “มันจะเลยเถิด”

    แต่ก็ยังเลือกที่จะหันหน้าไปเผชิญกับเขา

    เขาหัวเราะอีกครั้ง มองเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของเขา

    “อย่าไปกลัว”

    เขาพูดเสียงเบา

    จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยนอกจากริมฝีปากคู่นั้นกับมือร้อน ๆ ที่ทิ้งสัมผัสหวาบหวามเอาไว้เป็นหลักฐาน

    ว่าพรุ่งนี้ ความสัมพันธ์ของผมและเขาจะเปลี่ยนไปจากวันนี้อย่างสิ้นเชิง


     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in