เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WanderboyTeepagorn W.
Sleep No More
  • Sleep no more Spoil me more

    1. ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใดพี่เอยมานานมากๆ กับ ​Sleep No More อีพี่เอ๋ (นิ้วกลม) เพิ่งมานิวยอร์กก็มาบอกว่าต้องมาดูให้ได้ๆๆ ใครๆ มา ก็บอกว่า ต้องมาดูๆๆ ก็เลยมาดูจนได้

    2. ตั๋วสามารถจองผ่านเว็บไซต์ของมันเองก็ได้ หรือจองผ่านแอพอย่าง TodayTix ก็ได้ (แบบหลังมีโอกาสน้อยกว่า) ราคาราวๆ 90$ แบบปกติที่สุด ถ้าแบบไฮโซหน่อย มีจองที่นั่งดริงก์อะไรต่างๆ ก็แพงขึ้นไป ค่าเช็คกระเป๋าและโค้ตอยู่ที่คนละ $4 (ทิปเขาหน่อย $1 ก็เป็น $5) ค่าของฝาก หนังสือและการ์ด เซ็ตละ $30 และสมุดโน้ตปกหนัง $30

    3. Sleep No More แสดงตั้งแต่ปี 2011 สถานที่แสดงอยู่แถว High Line เป็นโกดังเก่า แต่เอามามโนว่าเป็นโรงแรมเก่าชื่อ The McKittrick Hotel (เรฟถึงหนัง Vertigo), โดยคร่าวเลยคือ Sleep No More เป็นการปรับบทละคร Macbeth มาเป็น Dance Performance (ไม่เต้นบ้าง แต่ใช้ร่างกายอย่างเดียว) แบบ Immersive (ไม่ Interactive ขนาดนั้น) ในโรงแรมหกชั้น ร้อยกว่าห้อง แสงสลัวๆ แทบมองไม่เห็นอะไรเลย คนดูจะเดินไปทางไหนก็ได้ จะตามตัวละครที่ชอบไปเรื่อยๆ ก็ได้ จะเดินเล่นมั่วซั่วก็ได้ แต่ถ้าเดินเล่นมั่วมากไป ก็จะมีเจ้าหน้าที่ (หน้ากากดำ) มากันไว้อีกที

    4. พอจองเสร็จอะไรเสร็จ ถึงวัน ก็ให้ไปที่โรงแรม ต่อคิว (จองรอบต้นๆ จะดี มีเวลาเดินเล่นนาน) เจ้าหน้าที่จะดูใบจอง แล้วให้ตั๋วซึ่งเป็นไพ่มาหนึ่งใบ ห้องแรกที่เข้าไปจะเป็นบาร์ชื่อ Manderley ซึ่งเป็นการเรฟถึงหนัง Rebecca ของ Hitchcock ที่นี่จะมีพิธีกรเรียกคิวเราตามเบอร์ไพ่ สมมติว่าเบอร์สี่ ก็อาจจะต้องรอก่อนตอนเขาเรียกถึงเบอร์สาม แล้วพอถึงคิวตัวเอง ค่อยเข้าก็ได้ เตรียมเงินไว้เสียค่าดื่มประมาณ 12-15$ เพราะดื่มแล้วจะดูสนุกขึ้นมาก

    5. ทีนี้เขาก็จะให้พวกเราใส่หน้ากากสีขาว แล้วห้ามโทรศัพท์ ห้ามเล่นมือถือ ห้ามคุยกัน ห้ามส่งเสียงอะไรทั้งนั้น คือเป็นสภาพผีโดยสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่จะสวมหน้ากากดำ ตัวแสดงจะไม่สวมหน้ากาก แล้วเขาก็จะปล่อยเราลงทีละชั้นๆ หลังจากขึ้นลิฟท์มา โดยแนะนำว่า ให้เดินแยกกับคนที่มาด้วยกัน (นี่มากับมอร์ มาดูสลีปโนมอร์ อะไรของกู) เพื่อให้ได้อรรถรสมากที่สุด

    6. ก็เดินแยกกัน พอแยกปุ๊บ ตอนแรกก็จะงงๆ ว่าแล้วจะให้กูเดินไปไหน ทุกๆ ห้องในโรงแรมเขาจะจัดเป็นฉากไว้ แต่มันไม่ได้ออกแนวเป็นห้องโรงแรมนะ จะจัดเป็นห้องคล้ายๆ โรงพยาบาลโรคจิตบ้าง บางห้องก็เป็นป่า มีการเอาดินมาโรยพื้นบ้าง บางห้องก็เป็นสุสานอะไรว่าไป ซึ่งพร็อพทุกอย่างสามารถเปิดดูได้ มีเฉพาะบางอย่างเท่านั้นที่มีล็อกไว้

    7. พองงๆ อยู่สักพัก ก็จะเริ่มเดินตามชาวบ้านไปเอง คือใช้สกิลไทยมุง ถ้าเห็นว่าคนวิ่งๆ ไปทางไหน ก็ให้วิ่งๆ ตามไปทางนั้นน่ะ แสดงว่ากำลังมีตัวแสดงแสดงอยู่ แล้วพอตัวแสดงหยุด คนก็จะมุงๆ ดู คือสามารถมุงได้ใกล้เท่าที่จะใกล้ได้เลย บางครั้งตัวแสดงก็จะมาปะทะกันบ้าง มาฆ่ากันบ้าง มากอดจูบรูปฟัดกันบ้าง โดยทั้งหมดนี้เราสามารถเข้าไปดูได้ในระยะค่อนข้างใกล้มาก

    8. บางครั้งตัวแสดงก็จะเล่นกับคนดูด้วย คือเราก็ไม่ใช่ผีเสียทีเดียว อย่างรอบที่เราไปดู ตัวละครคนหนึ่งก็ให้เราเลือกไพ่ พอเลือกไพ่ถูกใบที่เขาเล็งไว้ เขาก็จะให้ดื่มเหล้า อะไรทำนองนี้ แล้วมีตัวละครหญิงอีกคน ที่จู่ๆ ก็ดึงผี (คนดู) ไปกอด ไปจูบ (จูบแก้ม) แล้วก็ดึงผู้ชายอีกคนเข้าห้องลับไปเลย มันจะมีอะไรทำนองนี้ คือไม่ว่าจะดูละเอียดแค่ไหน ด้วยเวลาสามชั่วโมงก็ไม่สามารถดูทั้งหมดได้

    9. ฉากต่างๆ จะแสดงซ้ำในการแสดงหนึ่งรอบ สามครั้ง เพื่อให้คนสามารถเลือกดูซ้ำได้ หรือเผื่อมาดูรอบแรกไม่ทัน ก็มีโอกาสดูอีก ดังนั้นวิธีดูที่ดีก็อาจจะเป็นการพยายามเดินตามตัวละครตัวต่างกันไปเรื่อยๆ แต่อย่างที่บอกว่าต่อให้ดูละเอียดก็ไม่มีทางดูหมดในรอบเดียวแน่นอน

    10. การแสดงก็ค่อนข้าง provocative พอสมควร ถึงจะไม่มีคำพูดเลยก็ตาม แต่ก็มีฉากฆ่ากัน แขวนคอ โป๊เปลือยแบบเห็นอวัยวะทุกอย่าง (เห็นจู๋ เห็นนม) ฯลฯ แต่ทั้งหมดก็ทำแล้วดูไม่ได้อุจาด Grotesque แต่ดูบิดเบี้ยวมากกว่า

    11. ส่วนที่ชอบในการแสดงมากๆ คือเรื่องการกำกับแสง ที่บิดแสงไปจากฉากนิดเดียวก็ได้ความหมายใหม่แล้ว เก่งมากๆ และอีกส่วนที่ชอบก็คือองค์รวมทั้งหมดของเรื่องที่สามารถทำชิ้นส่วนต่างๆ ให้มาปะติดปะต่อกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างดี

    12. จากตอนที่ดูก็ค่อนข้างสงสัยว่านี่มึงแสดงกันจริงๆ หรือ improvise เสียเยอะ เพราะทุกอย่างดูเกิดขึ้นฉับพลันทันใดมาก ก็อ่านบทสัมภาษณ์ เขาก็บอกว่า Sleep No More เป็นโชว์ที่มีโครงสร้างแข็งแรงมาก (structural) แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตาม "ความสัมพันธ์ของนักแสดงกับผู้ชม" นั่นคือเข้าใจว่ามีการเล่นอ่อน เล่นแข็ง ปรับไปตามกลุ่มคนดู

    13. ไม่สามารถรับประกันได้ว่า Sleep No More จะเหมาะกับทุกคน เพราะจริงๆ มันก็เว้นพื้นที่ไว้ให้ตีความเยอะมาก ถึงจะโครงเป็น Macbeth แต่ว่าก็มีการเสกสรรค์ปั้นแต่งตำนานหรือรายละเอียดตัวละครเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาด้วย แสดงผ่านการเคลื่อนไหว การเต้น ต่างๆ ดังนั้นถ้าชอบดูอะไรแบบ laid back ก็จะไม่ชอบ เพราะต้องขยันเดิน หรือถ้าชอบดูอะไรแบบตรงไปตรงมาก็อาจจะไม่ชอบเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแฟนๆ Lost, แฟนๆ Bioshock อะไรงี้ มาดูก็น่าจะชอบ

    14. ที่น่าสนใจคือ Sleep No More กำลังชวนให้เราคิดต่อสองอย่าง อย่างแรกคือคนในยุคเราพร้อมที่จะรับอะไรที่ซับซ้อน Intertwined มากขึ้น เช่น Lost, Game of Thrones ดังนั้นนี่คือคำตอบของละครเวทีต่อความซับซ้อนแบบนี้หรือเปล่า ส่วนอย่างที่สองคือคำถามแรกๆ หลังจากออกจากโรงละครของหลายๆ คนคือ "นี่กูดูคุ้มหรือเปล่า" "กูดูละครเรื่องนี้ด้วยวิธีที่ถูกใช่ไหม" ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนจะตั้งกับตัวเองหลังจากออกจากการชมพิพิธภัณฑ์เหมือนกัน นั่นคือทุกคนพยายามหา optimum path ที่เดินแล้วคุ้มค่าเงินที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็อาจจะคุ้มด้วยวิธีของตัวเองทั้งนั้น

    เนื่องจากห้ามถ่ายรูป ดังนั้นรูปข้างล่างนี้มาจาก Google มาจากบล็อกชื่อ quitecontinental ที่ wordpress
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in