เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อคิดออกจะมาเขียนสุพรรณฝันเฟื่อง
สิบ(ที่จริงแล้วคือเก้า) : รู้สึกในวันที่ไม่ควรรู้สึก
  • หมายเหตุ : เราเขียนตอนที่เรากรึม ๆ นิดหน่อย คิดถึงเขาคนนั้นเล็กน้อย ความรู้สึกสับสนและปนเปไปหน่อย ถ้าเราเขียนแล้วดูงง ๆ เราขอโทษล่วงหน้านะ

    ตามชื่อเรื่องนั้นแหละ 

    เรามีความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
    มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากเลยนะ อาการคือเรามีความรู้สึกดี ๆ ที่เราไม่สามารถแสดงออกมาได้ในเวลานี้ เหตุผลเป็นเพราะหลายอย่าง 

    หนึ่งในเหตุผลนั้นคือ ความรู้สึกนี้มันถูกเราเคลมไปแล้วว่าความรู้สึกนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
    เราพูดย้ำบ่อยมาก ทั้งกับตัวเอง และกับคนอื่นว่าเราจะไม่รู้สึกแบบนี้อีกแล้ว และมันไม่ควรเกิดขึ้นอีก หลังจากที่เรารู้อะไรมามากพอที่จะทำให้ความรู้สึกของเราเจือจางหรือหายไปจากมโนห้วงสำนึกได้แล้ว

    แต่มันก็เกิดขึ้นอีก

    เราสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เรายังคิดถึงเขาทุกครั้งที่มีช่วงเวลาให้คิดถึง บางครั้งแม้เพียงแวบเดียว 'เขา' คนนั้นก็ปรากฏขึ้นอยู่ในความคิดของเรา และถึงแม้เราจะคิดหาข้อเสียของเขาเพื่อลืมเขา กลับกลายเป็นว่า...

    เรายิ่งจดจำเขา และภาพจำของเขายิ่งแจ่มชัดขึ้นมาทุกที

    ทั้ง ๆ ที่เราคิดว่าข้อเสียเหล่านั้นจะทำให้เราลืมเขาได้แล้ว ในเวลาเดียวกันนั้น เรื่องราวดี ๆ ของเขาก็จะคอยเข้ามาแย้งข้อเสียเหล่านั้น จนในท้ายที่สุด เราก็อดนั่งอมยิ้มกับเรื่องราวของเขาไม่ได้
  • เราเคยรู้สึกกับเขามาก่อนหน้านี้แล้ว

    แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ สั้นจนเรารู้สึกว่า นี่เรารู้สึกแล้วหรอ ? 

    ถ้ามองดูจากตอนนั้น ก็คงพอตอบได้อยู่นะว่ารู้สึก และมันเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ทำให้เรามีความสุข 
    เวลาเราเจอเขา เราไม่รู้หรอกว่า ณ ตอนนั้นคนอื่นคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ แต่สำหรับเรา เวลานั้นไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าเขาแล้ว (จริง ๆ นะ) จุดโฟกัสเดียวที่เกิดขึ้นคือเขาคนนั้น ตราบใดที่ไม่มีอะไรสำคัญมากเท่าไหร่นัก เขาเป็นคนแรก ๆ หรือสิ่งแรก ๆ ที่เราสนใจในสถานการณ์นั้น ๆ 

    และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้เราเลิกสนใจเขาไป แต่การเลิกสนใจของเรามันไม่ถึงกับตัดขาดจากเขาเสียทีเดียว มันยังพอมีเยื่อใยหรือสายสัมพันธ์ที่ยังพอหล่อเลี้ยงสัมพันธภาพของพวกเราอยู่บ้าง

    เราก็เรื่อยเปื่อยของเราต่อไป ในขณะที่เขาคนนั้นก็ยังคงอยู่ในวงโคจรของตัวเองต่อไป (ฟังดูเหมือนดวงดาวเนอะ ว่าไหม?)

    แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องกลับเข้าไปใกล้วิถีโคจรของเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ มันแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย

    คำว่า 'เล็กน้อย' นี่ เอาจริง ๆ ก็มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเราเหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มานั่งเขียนอะไรแบบนี้หรอก

    เราได้สัมผัสและรู้สึกถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้ อาจเพราะมันมีพันธะบางอย่างเกิดขึ้นในการกลับมาพบกันอีกครั้ง และมันทำให้ความรู้สึกของเราที่นิ่งสงบไป กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และตัวเราเองก็ยอมรับว่า เราเองก็พอใจไม่น้อยเลยกับความรู้สึกที่กลับมานี้ เหมือนได้ต้อนรับคนคุ้นเคยอีกครั้ง และคราวนี้เขาดูเป็นมิตรกว่าเดิม
  • แต่มันก็ไม่ควรรู้สึกในเวลานี้แล้ว

    เราในอีกส่วนหนึ่งกำลังคิดแบบนั้น และยังคงคิดอยู่จนถึงเวลานี้

    เพราะอย่างที่บอกไป เรารู้อะไรมากพอที่จะทำให้เราเลิกรู้สึกได้แล้ว และเราควรถือสัจจะในคำพูดของเราที่เมื่อเอ่ยออกไปแล้ว คำพูดของเราเป็นนายเราทันที เราต้องตกเป็นบ่าวของคำพูดของเราเอง 

    ถึงแม้ในใจเราไม่อยากจะตกเป็นบ่าวของคำพูดของเราหรอก เพราะตอนที่เราพูดตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ 
    แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเราที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ มันก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน เพียงแต่ความรู้สึกของเราตอนนี้มันไม่อาจไปต่อสู้กับคำพูดที่เราเคยเอ่ยออกไปแล้ว และเราไม่สามารถแสดงออกความรู้สึกนั้นตอนนี้ได้แล้ว เป็นเพราะคำพูดของเราเองนั้นแหละ

    แง้

    แย่จังเลยเนอะ 

    ตอนนี้พอแค่นี้แหละ เราไม่ไหวแล้ว

    ง่วงนอนอ่ะ มึนหัวด้วย
    (ขำ)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in