คำถามนี้เหมือนย้อนกลับมาถามเราเหมือนกัน
นั่นสินะ ทำไมต้องหนีล่ะ
มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราที่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดี แล้วเราเลือกที่จะไม่เผชิญหน้าโดยตรงกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นไปแล้ว และหลายครั้งที่เราเลือกที่จะหนีจากความจริงหรือสิ่งไม่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ด้วยวิธีเท่าที่เราจะคิดออก หลอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทำให้ตัวเองหายไปจากสถานการณ์ตรงนั้นบ้าง (เดินหนี เป็นต้น) หรือในกรณีที่ทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็อาจจะพยายามดันให้คนอื่นออกไปเผชิญหน้าปัญหานั้นก่อนเรา ฟังดูแย่เนอะ
แต่พอถึงเวลานั้นจริง ๆ เราก็ไม่อยากเจอปัญหาก่อนอยู่แล้ว ใครที่พอช่วยบั่นทอนปัญหาได้บ้าง เราก็ต้องให้เขาเป็นเหมือนกันชนให้ แต่ท้ายที่สุด เราก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหานั้นอยู่ดี
การหนีมันเลยดูเหมือนไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ แถมยังจะส่งผลเสียให้กับตัวเราเองด้วยซ้ำไป ถ้าสมมติว่าเราหนีปัญหาหนึ่งที่มันมีผลกระทบต่อคนหลายฝ่าย นอกจากจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้ว ภาพลักษณ์ของเราหรือความน่าเชื่อถือในตัวเราก็จะลดลง โอกาสอะไรหลาย ๆ อย่างก็มีสิทธิ์หนีเราไปหาคนอื่นได้ทุกเมื่อ
แต่เราว่าการหนีมันก็ยังมีข้อดีอยู่นะ อย่างน้อย ๆ หนีจากปัญหาไปในบางครั้ง เราก็จะได้มีเวลาคิดทบทวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และอาจจะได้วิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่าการมาคิดในเวลาสั้น ๆ มีเวลาเตรียมตัว รวบรวมความคิด วางแผนที่จะแก้ปัญหาได้ดีขึ้น และเมื่อเราพร้อมที่จะกลับไปแก้ไขปัญหา เราก็จะแก้ไขได้ถูกจุด
แต่ถ้าเกิดผิดจากแผนที่เราวางไว้ ไม่แน่ว่าเราก็อาจจะหนีซ้ำอีกครั้งก็ได้ (ขำ)
หรือการหนีทำให้เรารู้สึกมีพื้นที่ของตัวเองมากขึ้น มีความรู้สึกที่สบายใจ แต่ก็แน่ล่ะ ถ้าจะสบายใจก็คงเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานเท่าไหร่นักหรอก ความกังวลจากการหนีต้องเกิดขึ้นและรบกวนเราอยู่ภายในใจไม่มากก็น้อย
สรุปการหนีมันมีข้อดีจริง ๆ บ้างมั้ยนะ
เท่าที่อ่านจากที่ตัวเองพิมพ์มา รู้สึกถึงความดีแบบไม่สุดของการหนีทั้งนั้นเลยแฮะ
แต่เป็นไปได้ เราก็ไม่อยากหนีปัญหานะ เท่าที่เห็นผลกระทบของการหนีปัญหาแล้ว ก็ไม่ช่วยให้ปัญหาที่มีอยู่มันดีขึ้นหรือเกิดการคลี่คลายจากเดิมเท่าไหร่หรอก
ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือเลิกหนีและเผชิญหน้ากับมัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in