เรื่องย่อหลังปก ตำนานความรัก และคำมั่นสัญญาแห่งรักของหญิงชายคู่หนึ่งที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค กระทั่งความมุ่งมั่นและมั่นคงในรัก พาทั้งสองไปถึงยังจุดหมายปลายทางคือ “วิหารแห่งความรัก” อันศักดิ์สิทธิ์ที่หนุ่มสาวชาวทะเลทรายใฝ่ฝันหา กระทั่งทำให้โลกในอดีตและปัจจุบันมาบรรจบพบกันได้ เรื่องในอดีตดำเนินควบคู่ไปกับเรื่องราวความรักในโลกปัจจุบัน ระหว่างสถาปนิกหนุ่มกับทายาทสาวของนักธุรกิจเจ้าของบริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่งในเมืองจีน คนรักในปัจจุบัน (วาริท และดวงดาว) ซึ่งก็คือคนรักในอดีต (ยิลดิซ และมูรัค) ต่างตระหนักในคุณค่าของความรัก ทั้งเก็บรักษามันอย่างหวงแหนด้วยความสุขและภาคภูมิ กระทั่งก่อเกิดเป็นรักนิรันดร์แม้เมื่อในอีกพันกว่าปีให้หลัง จากชื่อเรื่อง “มงกุฎดาริกา” ผู้เขียนเปรียบเทียบให้เห็นว่า ดวงดาวที่ทอแสงสุกใสในคืนแรมย่อมไม่มีราคาเท่าเทียมกับมงกุฎเพชร เว้นแต่คนที่รู้ค่าและนำดาวแต่ละดวงมาร้อยเรียงเป็น “มงกุฎดาริกา” เพื่อสวมศีรษะคนที่ตนรักในยามยาก แม้ว่า “มงกุฎดาริกา” นั้น จะจับต้องหรือตีราคาไม่ได้ แต่คุณค่าของมันจะสูงส่งอยู่เสมอในจิตใจของผู้ครอบครอง ซึ่งจะมีความสุขและภาคภูมิทุกครั้งที่แหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า
คุยกันหลังอ่าน
เราไม่เคยอ่านงานของประภัสสร เสวิกุล มาก่อนเลยค่ะ คือถ้าเป็นงานของนักเขียนรุ่นเก่าหน่อย ส่วนมากเราจะอ่านทมยันตี แก้วเก้า หรือ ว. ณ ประมวลมารค มากกว่า
เล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นเล่มแรกก็ว่าได้สำหรับงานของนักเขียนท่านนี้ค่ะ
ก็จริงๆคอนเซปน่าสนใจดีนะ แบบเป็นคอนเซปที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ด้วยซ้ำ เป็นแนวกลับชาติมาเกิดอะไรทำนองนี้น่ะค่ะ พระเอก (วาริท) เก็บสะเก็ดดาวตกได้ เลยเดินทางไปทะเลทรายในซินเจียงเพื่อเรื่องนี้ ส่วนนางเอก(ดวงดาว)ก็มีความรู้สึกว่าตัวเองต้องเดินทางไปซินเจียงสักครั้งมาตลอด จริงๆแล้วทั้งสองคนนี้ (รวมถึงตัวละครที่พูดได้ว่าอยู่ในตัวร้ายอย่างกัปตัน) ก็ต่างกลับชาติมาเกิด เคยมีชีวิตอยู่ในทะเลทรายทาคลิมาคันเมื่อพันปีก่อน การเล่าเรื่องตัดสลับแบบถี่มาก ระหว่างฉากที่ทะเลทราย ฉากย้อนอดีต ฉากที่ไทย
ก็อ่านได้เพลินๆค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in