เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ordinary life in NZordinarygirl
day7-1stweek
  • พริบตาเดียว วนมาวันศุกร์แล้ว 
    เขียน1 June 2018,20:23

    สัปดาห์แรกในนิวซีแลนด์ของเรา ผ่าน-ไป-ไว-มาก ! 
    เรามีชีวิตที่แฮปปี้มากกก เราไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะมีความสุขขนาดนี้ เหมือนจะเว่อ แต่เมื่อเช้า บนรถระหว่างทางไปโรงเรียน แค่มองฟ้าไปเห็นนกกำลังบิน เราก็นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า ฮือ 

    _____________________________________________________________________________________________________

    เรื่องราวของวันจันทร์ที่ 28 May 2018

    วันแรกที่ไปโรงเรียน เราไปพร้อมกับยูกะและโจสลิน เพื่อนต่างชาติที่พักบ้านเดียวกับเรา ยูกะเรียนโรงเรียนเดียวกัน เพราะงั้น ตอนกลับ ยูกะก็พาเรากลับด้วย ^^

    ช่วงเช้า 
    เราต้องเข้า test ภาษาก่อนว่าเหมาะกับคลาสไหน เราคิดว่าข้อสอบเป็น general english เลยแบบแค่ทำๆไป(ตามความคิดเรา5555) มีทั้งแบบทดสอบ grammar,reading,speaking,writing แล้วสตาฟก็จะพาเดินแนะนำส่วนต่างๆของโรงเรียน กฎ ข้อควรทำ จนปล่อยพักเบรค แล้วพวกเรานักเรียนใหม่ก็รอเข้าเรียนคาบบ่ายเลย

    FIRST LUNCH ; BURGER KING !!!!!!!!!!

    คาบแรกของเราคือคลาส 1PM เรียนประมาณ 1.30ชั่วโมง 
    วันนั้นเราเรียนแบบงงๆ เพราะเราไม่รู้จักใครเลย นักเรียนใหม่ที่เราคุ้นก็อยู่คนละคลาส แล้วคลาสบ่ายร.ร.เราจะเน้น speaking เยอะมาก จำได้ว่านั่งข้างๆเพื่อนจากบราซิล คุยกันแบบเจื่อนๆ ฮือออ

    skip to 2PM คลาส ,คาบสุดท้าย(ที่นี่เราเรียน 3 คาบ) คาบนี้เรียนประมาณ 1 ชั่วโมง เลิกบ่ายสามครึ่ง
    คลาสเล็กกว่าคาบก่อนหน้า เพราะว่า นักเรียนที่นี่ หลายคนมีงานต้องทำต่อ ไม่ก็ลงเรียนแค่ 15/20hours per week แบบของเราเรียนมากสุด คือคอร์ส intensive(25hrs) อ้วกแตกอ่ะ คลาสนี้เน้น speaking มากที่สุดเลยมั้ง อาจเพราะครูคาบนี้เราด้วย เรียนกันแบบไม่ตามชีทเท่าไหร่ สบายๆ 

    ยูกะพาไปกินไอติมกับเพื่อนคนเกาหลี ชื่อ จีน่า !
    เราลองรส chili chocolate hokey pokey กับ salted caramel อะไรสักอย่าง คิดว่าค่อนข้างหวานแต่ว่าไอติมเข้มข้นมาก คาราเมลก็หอมมาก ต้องลองเลย !


    อืืมม วันแรกค่อนข้างวุ่นวายสำหรับเรา เพราะต้องตื่นแต่เช้า ขึ้นบัสเข้าเมือง ยูกะพาไปซื้อบัตร AT Hop(อันนี้ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่) เลิกเรียนพาไปเดินรอบๆ แปปๆรอบๆก็เริ่มมืด แล้ววันหนึ่งวันก็จบลงไปแบบไม่ทันรู้ตัวอ่ะ 

  • ระหว่างทางไปเรียน

    หลังจากวันจันทร์ ชีวิตเราก็หมุนน กลับเข้ามาสู่วังวนความเป็นนักเรียน เหมือนกลับไปเรียนประถม ม.ต้น ไรงี้ใหม่อีกครั้ง เพราะนี่ไม่ได้ตื่นแต่เช้าาเพื่อรีบไปรร.นานมากแล้ว ! (เริ่มไปสายตั้งแต่ม.ปลายเลยทีเดียว แย่แมะ555)

    คือโฮมสเตย์เราอยู่ไกล ใช้เวลานั่งบัสเข้าไปเรียนประมาณ 1 ชั่วโมง(ที่นี่รถไม่ติดเท่าที่ไทยนะ ถนนใหญ่นอกเมืองคือบัสมีเลนของตัวเองเลยนะ) แต่เราก็อยากไปพร้อมโจสลินหรือยูกะ ซึ่งโจสลินอ่ะ ขึ้นบัสประมาณ 7โมงตลอด นั่นหมายความว่าเราต้องตื่น 6 โมง !! 

    วีคนี้เราไปถึงร.ร. ประมาณ 8 โมงตลอด (คลาสเริ่ม 9โมงจ้า) ไปนั่งชงชากาแฟกินที่ห้องครัว ไม่ก็ออกไปเดินดูรอบๆโรงเรียนตอนเช้า เอ้อ ! เราต้องหาอาหารกลางวันกินเองด้วย เพราะว่าโฮมสเตย์ไม่รวมอาหารกลางวันใน weekdays 

    ช่วงวันแรกๆเราไปซื้อของที่ซุปเปอร์ใกล้ๆ ซึ่งตอนเช้า พนักงานที่นั่นก็มีไม่มาก เลยมีแต่ช่องจ่ายเงินให้ลูกค้าแสกนบาร์โค้ดและจ่ายเงินเองอ่ะ 

    มื้อกลางวันเด๋อๆของเรา

  • สรุปคือ เรามี คาบเช้า 9.00-11.45 (มีพักระหว่างนั้น) 
    คาบ 1PM,2PM และเลิกเรียน บ่าย3.30 ทุกวันจันทร์-พฤหัส 
    ส่วนวันศุกร์ เราจะเรียนแค่คาบเช้า หลังจากนั้น ที่โรงเรียนของเราจะมารวมตัวกันที่โถงเพื่อร่วมกันบอกลาคนที่เรียนวันสุดท้าย หลังจากนั้น เราก็จะมีกิจกรรมพิเศษที่แต่ละคนเลือกตอนต้นสัปดาห์ ซึ่งกิจกรรมนี้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โรงเรียนจะมีแพลนบอกมาเลยว่าเดือนนั้นมีกิจกรรมอะไรบ้าง 

    อาหารจากนรคอร์สbusiness เหมือนจะผลัดกันทำ ตามชาติของคนในคอร์สไรงี้

    ที่น่าสนใจมากสำหรับเรานะ คือ นักเรียนคอร์ส business english จะทำอาหาร หรือขนมมาขายช่วงพักเช้าทุกวันเลย แล้วก็จะสรุปยอดให้ฟังทุกวันศุกร์ ซึ่งเงินก้อนนั้นคือเอาไปบริจาคนะ ! เราคิดว่าเป็นคอร์สที่ดีมากเลย ! (โอนิกิริอร่อยยย แต่หมดไวมาก ฮือ)

    บราวนี่ 1$ ! ก็คือเพื่อนในคลาสเอามาขาย 
  • Homestay
    อาจจะฟังดูแปลก แต่ว่า วีคแรกของเรา กินดินเนอร์พร้อมเค้าไปแค่ 2 มื้อเอง ซึ่งเราชอบมากเลยที่บางทีเค้าก็ออกไปข้างนอก หรือว่าวางมื้อเย็นไว้ให้เรากินกับยูกะ โจสลินเอง ซึ่งเรารู้สึกสะดวกสบายใจกว่า ที่ได้นั่งคุยนั่งเมาท์ด้วยภาษาอังกฤษมั่วๆกันสามคน แล้วไอ้ช่วงเวลาที่เราได้นั่งคุยกันหลังกินข้าวคือช่วงที่เราชอบมากเลย ! ไม่รู้สิ เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราสามเชื้อชาติมันดีขึ้นเรื่อยๆในทุกวันเลย 

    แต่ว่าเราก็ชอบโฮสเรานะ ! (อาจจะมีแต่เราที่ชอบก็ได้555) เราชอบที่เค้ารักความเป็นส่วนตัว มีสเปซระหว่างกัน แล้วก็ค่อนข้างง่ายๆชิลๆ แต่ในเรื่องกฎบ้านงี้ก็คือแจ้งตั้งแต่วันแรกชัดเจน สำหรับเรามันเลยแบบอยู่ง่าย สบายใจน่ะ 

    ทุกวันเวลาเจอกันโฮสก็จะชวนคุย เริ่มบทสนทนากับพวกเรา ช่วยแก้หรือเพิ่มศัพท์ใหม่ให้ด้วย procrastinate & appreciate อ่ะ จำขึ้นใจมากตอนนี้ 55555 

    อันนี้เป็นมื้อพิเศษหรือเปล่าไม่รู้ แต่คือกินรวมกัน 5 คน มันบดกับเนื้อแกะอบ แกะนุ่มมากกกก แบบโอ้ย อยากกินอีกทั้งตัว แง กินกับแครอท ถั่วมินท์ ผักไรไม่รู้ต้ม เออ อร่อยง่ะ แต่ก็เยอะมาก แล้วเราก็พูดมาก เลยกินช้าสุด 

    ตัวอย่างมื้อเย็นแมะ คือแบบดูรู้เลยว่าโฮสผชหรือโฮสผญทำนะคะ 55555 อร่อยนะ ! แต่แบบ คาร์บเกินครึ่งอ่า

  • โอ้ย เขียนตามที่นึกสดๆเล้ยย วนกลับมาที่กิจกรรมวันศุกร์ 

    เราเลือกไป MOTAT museum มันเป็นที่เกี่ยวกับ transport & technology 10$ for student ครูที่รร.พาไป ซึ่งนร.ส่วนมากเลือกดูหนังที่โรงเรียนอ่า เลยมีแต่เรากับเพื่อนคนไทยที่เป็นนร.ใหม่เหมือนกัน แล้วก็มีเพื่อนชาติอื่นนิดเดียวเอง รวมแล้วไปกันประมาณ 7-8คนเอง 

    ที่พิพิธภัณฑ์ก็เงียบๆ ไกลจากตัวเมืองนิดนึง มีเด็กๆเป็นส่วนมาก เรากับเพื่อนเลยเดินดูรอบๆผ่านๆ เพราะความจริงแค่อยากนั่งบัสดูรอบเมืองเท่านั้นเอง แต่บังเอิญว่าข้างๆพิพิธภัณฑ์มีสวนสาธารณะ(western springs lakeside park)อยู่ เราเลยไปเดินเล่นที่นั่นระหว่างรอครูนัดกลับเมือง

    นี่คือรถรางที่นั่งฟรีได้ที่มิวเซียม แต่เราไม่มีเวลา เลยไม่ได้นั่ง 
    อากาศดีมากก ท้องฟ้าแจ่มใสพาใจสุขสันต์สุดๆ ที่นั่นมีเป็ดมีห่านเยอะมากมาย อึเต็มสนามไปหมด
  • หลังจากกลับเข้าเมืองมา เพื่อนเราก็บอกว่าวันนี้(วันศุกร์) มี night market ที่ถนนใกล้ๆ เราเลยลองไปกันมา ซึ่ง เราอยากบอกว่าอาหารถูกมากก แต่ก็รสชาติตามราคานะ เป็นตลาดเล็กๆ มีไม่กี่ร้าน ส่วนมากมีแต่อาหารโซนเอเชียเนี่ยแหละ ซึ่ง เราแบบ โอ้ย คิดถึงข้าวจะตายอยู่แล้ว แง 

    อันนี้เราลองกินไก่เทริยากิ 4ไม้ 10$ กับข้าวผัดสเปน 8$ ได้ปลาชิ้นใหญ่ กุ้ง หอย เยอะมาก ดีงาม


  • เห้ย ความจริงตอนนี้ เราก็มีปัญหากับที่นี่มากๆอยู่อย่างนะ 
    คือที่นี่ มืดเร็วมาก 

    ถ้าเรานั่งบัสกับเที่ยว 5โมงก็มั่นใจได้เลยว่า พอถึงบ้านรอบตัวก็จะมืดหมดเลยอ่ะ 
    ปัญหานี้กระทบชีวิตเรามาก เพราะว่าเรามองไม่เห็นป้ายบัส หรือโบสถ์แดงที่เราต้องสังเกตก่อนถึงบ้าน!

    รูปบนบัสระหว่างกลับบ้านเองวันแรก มืดเร็วมาก ตอนนั้นแค่ห้าโมงเองมั้ง

    แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น วันแรกที่เรากลับเอง ! 
    คือเราเช็คจีพีเอส แล้วก็พยายามดูแมปตลอดทางแล้ว แต่ด้วยความคิดไปเองว่าข้างทางเริ่มไม่คุ้นเคย(ความจริงแค่จำทางไม่ได้ ฮือ) เลยนึกว่านั่งเลยบ้านมาแล้ว ! ส่วนสิ่งที่เห็นใน google maps แม่งเน็ตมันค้างไรงี้ ก็ กดปุ่มลงรถจ้าาาา ! 

    แล้วพอเช็คอีกที เอ้า อีกตั้งไกลกว่าจะถึงบ้านอ่า TT ถ้าเดินก็คือเกือบครึ่งชม. ซึ่งเราคิดว่าเดินจริงคงนานกว่านั้นแน่อ่ะ แล้วรอบตัวคือมืดมาก มีบ้านคนเต็มไปหมดเลย แต่ไฟทางเดินคือไม่ค่อยมี ตอนแรกพยายามจะสู้ วิ่งไปเกือบ5นาที เพราะกลัวกลับเลท แล้วไม่ทันเวลากินข้าว(ที่บ้านมีกฎคือ6.30) แต่ก็แบบโอ้ย บ่ไหวเด้อ สุดท้ายเลยเดินหาป้ายบัส แล้วรอรถคันถัดไป 

    ซึ่ง ความงงก็เกิดขึ้นกับรถคันถัดไปอีก ! เพราะป้ายที่เราเจอมันเป็นแค่ป้ายโล้นๆไม่มีกระจกกั้น ไม่มีที่นั่ง แล้วพอเราโบกมือเรียกบัสอ่ะ เค้าขับเลยไป เราก็นึกว่าเอ้ะ หรือว่าคันนี้ไม่จอดป้ายนี้ ซึ่งความจริงไม่ใช่(ถ้าบัสผ่านก็คือเรียกได้หมด) ตอนนั้นก็แบบ ผิดหวังอีก ต้องยืนรอหนาวๆอีกสิบนาทีเหรอ แต่พอหันหลังไป อิบัสคันนั้นมันจ๊อดดด !!!!! แงงง 

    แล้วพอเพ่งมองดีๆ คือ คนขับอ่า เดินออกมายืนชะเง้อมองเราที่ประตู ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าคือคนขับ หรือคนที่จะลงรถ หรืออะไรวะ เราก็แบบชี้ตัวเอง ว่าแบบ you wait me ? me ? me? เงี้ย แล้วพอลองวิ่งไปหาเค้า เค้าก็แบบ sorry,It's too dark.Next time you should use the light in your phone ไรงี้อ่า(ภาษาอังกฤษอาจผิดแต่ประมาณนี้แหละฮือ) 

    ปัญหานี้เรายังหาทางแก้ไม่ได้ นอกจากการกลับบ้านให้เร็วที่สุดก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย 

    แม้แต่วันนี้เอง เราก็ยังลงผิดป้าย ;___; แต่มันแค่หนึ่งป้ายถัดจากบ้าน เลยยังเดินย้อนมาเองได้ 


    แต่โอ้ย เราเกลียดความมืดว่ะ เราไม่ชอบเดินมืดๆเงียบๆคนเดียว 
    ถึงแม้จะบอกตัวเองว่าชอบธรรมชาติ ความสงบไรงี้ 


    แต่ฮือ หรือเราควรหาสักคนมาเดินเป็นเพื่อนดีนะ ?
    สักคนในคลาสเรา 
    อิอิ





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Nuttida Douangwiroj (@fb1652246534891)
Keep updating!