ฉีเซียวมองไป่เริ่นอย่างนึกสนุก ไม่รับปากและไม่สั่งให้ลุกขึ้น พักหนึ่งถึงยิ้มแย้มและเอ่ยช้า ๆ
"ไป่เริ่น...เจ้าเองก็เข้าใจ เรื่องนี้เสด็จพ่อเสด็จแม่อีกทั้งองค์หญิงใหญ่ต่างก็ทรงทราบ ต้องการเปลี่ยนจวิ้นจู่กะทันหันไม่ง่ายดาย..."
หน้าผากไป่เริ่นมีเหงื่อผุดขึ้นชั้นหนึ่ง น้ำเสียงทวีความนบนอบ "เป็นไป่เริ่นบังอาจแล้ว ทว่า...ขอรัชทายาทโปรดช่วยให้สมปรารถนา"
"ไป่เริ่น มิใช่เป็นข้าที่ช่วยให้เจ้าสมปรารถนา..." ฉีเซียวโน้มตัวลงประคองไป่เริ่นลุกขึ้น ก่อนออกแรงที่มือดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขนตรง ๆ ก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ "เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต้องดูว่าเจ้าช่วยให้ข้าสมความปรารถนาหรือไม่..."
ชื่อเรื่อง - รัชทายาทบัญชา (2 เล่มจบ)
ผู้แต่ง - ม่านม่านเหอฉีตัว
สำนักพิมพ์ - EverY
ด้วยชื่อเรื่องที่ชื่อ "รัชทายาทบัญชา" ฟังดูแล้วออกแนวเผด็จการก็เลยมีความคาดหวังในใจเล็ก ๆ ว่าเรื่องนี้จะต้องมาแนวดราม่าหน่วง ๆ นายเอกต้องโดนบังคับ กลัวพระเอกหัวหด หมดสิทธิ์ขัดขืน พระเอกต้องร้าย ๆ เลว ๆ ชอบทรมานคน จำเลยรักอะไรแบบนั้น แต่ยิ่งอ่านไปอ่านไปก็ เอ๊ะ มันยังไงกันนะ ทำไมไม่เหมือนที่คิดไว้ มันเป็นยังไงไปดูกัน
เรื่องมันเริ่มต้นจาก ไป่เริ่น นายเอกของเรื่อง เป็นซื่อจื่อ (ว่าที่ทายาท) ของหลิ่งหนานอ๋องแห่งหลิงหนานซึ่งเป็นดินแดนทางใต้ของเมืองหลวง ถูกส่งมาเป็นตัวประกันที่เมืองหลวงเพื่อป้องกันไม่ให้หลิ่งหนานอ๋องคิดก่อกบฏ ไป่เริ่นใช้ชีวิตที่จวนหลิ่งหนานอ๋องในเมืองหลวงแล้วก็ไปเรียนที่สำนักศึกษาโดยฮ่องเต้เป็นคนจัดการให้ ไป่เริ่นมีพี่สาวแม่เดียวกันอยู่หนึ่งคน คือ โหรวจยา (อ่านว่า โหรว-จยา) ซึ่งยังไม่ออกเรือน และน้องชายน้องสาวคนละแม่ อีก 3 คน แม่ของไป่เริ่นเป็นชายาเอกแต่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากหลิ่งหนานอ๋อง ไป่เริ่นเลยถูกส่งมาเป็นตัวประกันที่เมืองหลวง
ส่วน ฉีเซียว พระเอกของเรื่อง เป็นรัชทายาท แต่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นน้องชายของพ่อฉีเซียว แต่แย่งบัลลังก์จากฉีเซียวมาตั้งแต่ฉีเซียวยังเล็ก อู่ตี้ บิดาของฉีเซียว ฮ่องเต้องค์ก่อนเสียชีวิตในสนามรบ ส่วนมารดาและบรรดาญาติ ๆ สายมารดาโดนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกำจัดไปหมด แต่เพื่อให้การยึดครองบัลลังก์ไม่มีปัญหายุ่งยากจึงปลอบประโลมบรรดาขุนนางผู้เฒ่าและราชวงศ์โดยการแต่งตั้ง ฉีเซียว เป็นรัชทายาท หลังจากฉีเซียวเติบโตขึ้นก็เริ่มรู้ความลับอันดำมืด และรู้ว่าการโวยวายตีโพยตีพายไปไม่มีประโยชน์อะไร จากนั้นก็เริ่มเก็บงำประกาย และลอบวางแผนแก้แค้นแบบเงียบ ๆ
ฉีเซียว มีญาติผู้ใหญ่ที่เคารพและสนิทอยู่คนหนึ่ง คือ องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ ผู้เป็นพี่สาวท้องเดียวกันกับบิดาของฉีเซียว องค์หญิงใหญ่ตุนซู่เป็นคนที่คอยช่วยเหลือฉีเซียวมาตลอด มีอยู่วันหนึ่งองค์หญิงใหญ่ตุนซู่เสนอแผนการเชื่อมสัมพันธ์กับหลิ่งหนานเพราะถ้าได้หลิ่งหนานเป็นพวก ฐานะของฉีเซียวก็จะมั่นคงแข็งแกร่งขึ้น แต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือก โหรวจยา ธิดาสายตรงที่พ่อไม่รัก หรือ คังไท่ ธิดาสายรองที่มารดาได้รับความโปรดปรานดี ฉีเซียวได้ฟังทีแรกไม่สนใจเลยสักนิด แต่องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ก็บอกว่าให้ไปผูกสัมพันธ์กับไป่เริ่นสักหน่อยไม่เสียหาย
ฉีเซียวเลยหาโอกาสแวะไปพบไป่เริ่นที่สำนักศึกษา แต่ดันไปเห็นไป่เริ่นกำลังคลอเคลียกับชายหนุ่มบ้านเดียวกันอยู่ พอฉีเซียวเข้าไปทักทาย ไป่เริ่นก็หาได้ประจบสอพลอดีอกดีใจไม่ แต่กลับสงวนท่าทีวางตัวเย็นชาห่างเหิน ฉีเซียวเกิดโทสะขึ้นมาว่ากับตนเองวางตัวเย่อหยิ่งเพียงนั้น แต่กับชายผู้นั้นกลับทำตัวสนิทสนม /*ถึงตรงนี้ขอมองบนหนึ่งที ก็เขามีใจให้กันไหมเล่า*/ หลังกลับไป ฉีเซียวก็ตัดสินใจทันทีว่าจะแต่งงานกับโหรวจยา แล้วก็เริ่มวางแผนชักนำไป่เริ่นมาเป็นคนของตนเองโดยเอาโหรวจยานี่แหล่ะมาเป็นเงื่อนไขต่อรอง
ที่ไป่เริ่นไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับรัชทายาทนั้นมีเหตุผล เพราะชื่อเสียงของรัชทายาทนั้นไม่สู้ดี เป็นคนอารมณ์ร้าย เจ้าแผนการ โหดเหี้ยมเป็นที่สุด อีกอย่างคือฐานะอย่างโหรวจยาแต่งเข้าเรือนรัชทายาทก็เป็นได้แค่ชายารอง แถมต้องไปตบตีกับบรรดาเมียเอก เมียบ่าวอีก ไป่เริ่นเพียงหวังให้โหรวจยาได้แต่งงานกับครอบครัวคนธรรมดาที่ดี สามีภรรยารักกันตลอดไป ใช้ชีวิตสงบสุขเท่านั้น แต่เมื่ออยู่ๆ ฉีเซียวเกิดจะแต่งโหรวจยาขึ้นมา ไป่เริ่นอยู่เฉยไม่ได้ต้องแล่นไปคุยกับรัชทายาทสักหน่อยก็กลับถูกฝ่ายนั้นบ่ายเบี่ยงไม่พบหน้า กลั่นแกล้งให้รอแล้วรอแล้ว มาแล้วมาอีก กว่าจะได้พบ
และเงื่อนไขที่ฉีเซียวจะปล่อยโหรวจยาไป แถมยังจะหาครอบครัวที่ดีให้โหรวจยาออกเรือนไปก็คือ ไป่เริ่นต้องเอาตัวเองมาแลกเปลี่ยน!
เรื่องราวก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ไป่เริ่นต้องจำยอมฝืนใจมาเป็นคนของฉีเซียวเพื่อพี่สาว ก็ทำใจมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่ฉีเซียวกลับไม่ได้ทำอะไรเด็ดขาด แค่แทะโลมเล็กน้อยเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าไป่เริ่นก็ขัดขืนแบบกล้าๆ กลัวๆ มาตลอด ใช้ชีวิตแบบคอยมองสีหน้าฉีเซียว คือเป็นลูกไก่ในกำมือแหละ แต่ยิ่งอยู่กันนานไปก็พบว่าฉีเซียวเองก็ไม่ได้มีชีวิตอย่างสะดวกสบายเลย มีศัตรูมากมาย ทำอะไรก็ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว เอาเข้าจริงคือชีวิตน่าสงสารกว่าตัวไป่เริ่นเองซะอีก ก็เลยเกิดความเห็นใจอยู่ลึกๆ ฝ่ายฉีเซียวก็ดูแลไป่เริ่นดีมาก ขุนให้กิน ให้พักผ่อน เพราะไป่เริ่นนั้นมาอยู่ที่เมืองหลวงอย่างลำบาก รายได้ไม่มีแต่มีคนในจวนให้ดูแลมากมาย ไม่ได้กินดี แต่พอมาอยู่กับฉีเซียวก็เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้น
แล้วเวลาไป่เริ่นเกิดปัญหา ฉีเซียวก็ออกหน้าปกป้อง ทำให้ไป่เริ่นเริ่มจะซาบซึ้งใจขึ้นมา จนเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงยังไงฉีเซียวก็ยังหักใจรวบหัวรวบหางไป่เริ่นไม่ลงเพราะไป่เริ่นยังเด็กเกินไป /* อายุ 15 */ ก็เลยได้แต่แทะโลมภายนอก /*แต่ก็บ่อยอยู่นะคะ*/ ในขณะเดียวกันในวังเอง แต่ละคนก็มีแผนการในใจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฮองเฮาที่ต้องการให้ลูกชายตัวเองได้เป็นรัชทายาทแทน หรือฮ่องเต้ที่วางแผนกำจัดฉีเซียวแบบละมุนละม่อม หรือนางสนมที่แม้ลูกชายตัวเองจะเป็นองค์ชายอันดับสามก็ยังคงมีความหวังที่ลูกชายตัวเองจะได้ครองบัลลังก์ต่อ แผนร้ายถูกสร้างขึ้นไม่หยุดหย่อน คนที่พลาดก็คือต้องเจ็บตัวอาจถึงขั้นรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
โดยรวมก็สนุกใช้ได้เลยค่ะ อ่านแล้วก็ลุ้นอยู่ว่าฉีเซียวจะแก้เกมอย่างไร แต่ในความเห็นเรา พระเอกก็ค่อนข้างจะแมรี่ซูนิดหน่อย คือตั้งแต่ต้นจนจบไม่พลาดเลย เพราะเป็นคนทำการอะไรรอบคอบมาก และก็มีสายของตัวเองแทรกซึมอยู่ทุกที่ แต่ในความเป็นจริงมันก็อาจจะมีพวกเกลือเป็นหนอนอะไรแบบนี้บ้าง แต่นี่มันนิยายไง คนของฮ่องเต้ ตัวเองยังเอามาเป็นพวกได้ แล้วไม่คิดบ้างว่าคนของตัวเองก็อาจจะโดนคนอื่นซื้อไปก็ได้ มีแค่ครั้งเดียวที่ฉีเซียวร้อนรนก็เกิดจากไป่เริ่นนี่เอง แทบจะเป็นดราม่าครั้งเดียวระหว่างพระเอกนายเอกเลยมั้ง /*และช่วงนี้สนุกสุดแล้วสำหรับเรา*/ ส่วนที่เหลือก็คือคนหลงเมียค่ะ ความอ่อนโยนทั้งหมดในชีวิตนี้มีให้ไป่เริ่นคนเดียว แล้วก็นัวเนียเก่งมาก โดดงานเพื่ออยู่บนเตียงกับเมียก็ได้ ตอนกลางวันก็ทำได้ ห้องหนังสือก็ได้ แต่สำหรับคนที่คาดหวังก็ขอแสดงความเสียใจด้วยเพราะเรื่องนี้ตัดเข้าโคมไฟค่ะ เช้ามาอีกวันก็ต้องมาเดาว่าตกลงเมื่อคืนเค้าไปกันถึงขั้นสุดท้ายหรือยัง 5555
ช่วงสุดท้ายเป็นช่วงการเอาคืนของฉีเซียว ไล่ไปทีละคนเลย ก็ถือว่าโหดเหี้ยมอยู่นะ แต่ในสถานการณ์นั้นถ้าไม่ใช่ผู้ชนะก็เตรียมตัวตายได้เลย เพราะอีกฝ่ายก็ไม่มีทางประนีประนอมเหมือนกันค่ะ
สองเล่มหนาๆ นี้ก็ใช้เวลาอ่านพอสมควร ไม่ถึงกับสนุกมากจนวางไม่ลงแต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อจนต้องอ่านข้าม มีช่วงให้ลุ้นอยู่บ้าง ดราม่ากรุบกริบ เรื่องการเมืองก็เข้มข้นดี ช่วงหวานก็น่าหมั่นไส้ค่ะ บอกเลย ใครชอบแนวนี้ก็ลองหามาอ่านกันดูนะคะ
note: งานพรูฟเครือแจ่มใสยังดีงามเช่นเคย สองเล่มหนาขนาดนี้หาจุดพิมพ์ผิดสะกดผิดไม่เจอเลยค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in