เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
love yourselfmonnierose
การพบหมอครั้งที่ 2
  •     วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560

     เพราะจะได้พบหมอครั้งที่สองเลยรู้สึกกังวลแต่รอบนี้รู้สึกเหมือนคนปกติมากกว่ารอบที่แล้วอยู่แล้วละ ทานยาไปเดือนนึงแล้วนี้ มุ่งไปที่ห้องจิตเวช ชั่งน้ำหนักวัดความดัน ภายในเดือนนึงน้ำหนักลดมา 3 โล นอกนั้นปกติทุกอย่าง 

      ยังไม่ทันจะได้เข้าห้องหมอที่สอบถามเราก่อนก็เอ่ยถามถึึงชีวิตเรา ได้นั่งคุยนานกว่าจิตแพทย์ที่อยู่ข้างในซะอีก 555 เขาจำเรื่องของเราได้ สอบถามผลข้างเคียงยาที่เราโดนและให้คำแนะนำในการใช้ชีวิต เขาบอกยาได้ผลดีกับเรามาดูดีขึ้นแจ่มใสขึ้น แต่ยังไงก็ต้องทานต่อไปนะ เพราะว่าให้ร่างกายปรับสภาพก่อนส่วนนานเท่าไหรหมอจะบอกเอง และบอกอีกว่าทัศนคติลบๆ หายไปหรือยัง

     "ยังหรอกค่ะ หนูรู้มันอยู่ตรงนั้นถ้าไม่ได้ทานยา" หมอก็พยักหน้าบอกว่าอะไรที่รบกวนเรา ? เราไม่มีคำตอบให้เท่าไหร เพราะช่วงนี้ไม่ได้มีอะไรมากเป็นพิเศษแต่เขาก็พูดขึ้นมาว่า " เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุดอดีตที่ฝังใจอยู่ ยังไงมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว " เราพยักหน้าฟังเรื่องราวของเขาที่เล่าเกี่ยวกับตัวเองพลางคิดในใจ เขาพูดเยอะจังนะ 55555 เลยทำให้รู้สึกเหมือนพี่สาวคนนึงที่คอยห่วงใยเรา

    เขาบอกว่าเราการเรียนดีนะแนวหน้าเลยละสิ เราก็บอกไปไม่หรอกค่ะ หมอที่สัมเนี้ยถามตั้งแต่ทำไมเราเรียนวิชานั้นนี้คือเหมือนเขาอยากรู้ทุกเรื่องของเราจริงๆ พร้อมทั้งเอาคำแนะนำดีๆมาให้เรา

      แต่ไม่รู้ทำไมปีศาจในใจเรามันกระซิบว่า "เขารำคาญเลย รีบพูดจะได้จบๆ" แย่วะ ความคิดเรามันยังแย่ติดลบ ดำมืด ละอายใจมากที่คิดแบบนั้น แต่ก็นะมันยังอยู่ในนั้นปีศาจที่เรียกว่า "โรคซึมเศร้า" หมอ
    บอกโอเครอพบหมอจิตได้

    รอประมาณยี่สิบนาทีเราก็ได้พบหมอ หมอยิ้มมาแต่ไกลและถาม " เป็นไงมั่ง เล่าให้หมอฟังหน่อย ?" จะว่ายังไงดีเราไม่มีอะไรจะเล่าเลยได้แต่บอกว่าตั้งแต่ทานยามาก็ดีขึ้นเรื่อยๆอะไรๆก็ดีขึ้น เขาก็ยิ้มและแนะนำให้เลิกโทษตัวเองของเรา "คนที่จะฆ่าตัวตายนะ ความผิดนะไม่ใช่ของหนูนะ มันขึ้นกับเขาจริงไหม ? ถ้าหนูทำตัวเองตายใครผิดละ ?" เราตอบไปว่า "ตัวหนูเอง" นั้นละ เราก็เริ่มเลิกโทษตัวเองมากขึ้น อย่างน้อยก็วันนี้ที่มองว่าตัวเองควรจะหยุดรับผิดชอบสิ่งทีไม่ได้ทำซะที

    และเราก็ขอยาสำหรับสองเดือนเพื่อที่จะเดินทาง กลับไปหาแม่ หมอยิ้มและบอกว่าเนี้ยดีขึ้นมากจริงๆ หน้าตาสดใสสดชื่นมากๆ เราก็ดีใจที่เราชนะมันได้ ช่วงนี้เราชนะมันได้มากจริงๆ เราก็บอกขอบคุณคุณหมอทั้งหมดก่อนออกมา 

    คุณหมอที่คุยกับเราก่อนหาหมอจิตก็ถามเป็นไงมั้งเราก็บอกไป เขาก็บอกดีแล้ว และยิ้มให้เรา บางทีคนเราก็อาจจะต้องการคนรอบข้างที่เข้าใจและใส่ใจแค่นั้นเอง ต้องการที่ๆไม่ว่าบาดแผลจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็จะไม่ช่วยกันกรีดให้มันแหวะให้มากกว่าเดิม แต่ช่วยทำให้มันดีขึ้นหรือถ้าไม่สามารถช่วยได้ก็แค่อยู่เฉยๆไม่ไปทำลายแผลตรงนั้น

    แต่ทั้งวันมานี้เราก็ยังคงคิดว่า ตัวเองเป็นภาระอยู่ดี เมื่อมองคนรอบข้างที่เจ็บปวดมากกว่าตัวเอง

    ปล. หมอมีการบอกว่าควรแสดงความรู้สึกให้มากกว่านี้ จะได้ไม่เจ็บปวดแบบนี้ช่วงแรกอาจจะกระดากแต่ถ้าเราทำมันจนคนรอบข้างรับรู้ได้เราก็จะได้รับความยินดีกลับมาเช่นกัน แล้วหลังจากนั้นเราก็จะสนิทกัน ความสัมพันธ์อะไรมันจะดีขึ้น เชื่อหมอสิว่าถ้าเราทำแบบนี้บ่อยๆคนที่ได้รับความรู้สึกนะ เขาจะติดเราแน่ และโลกเราจะเปลี่ยนไปเลย เราเลยคิดในใจอ๋อหมอให้เทคนิคเข้ากับคนหรอเนี้ย 555555
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in