คุณเกลียดขี้หน้าหมอนี่ตลอดมา จนกระทั่งเมื่อวาน
ข้อมูลที่คุณมีนั้นมากมายเกินจะนับ กระดาษโน้ตสักหนึ่งตั้งก็ยังไม่พอ หากจะร่วมกับสำนวนระดับเลาะร้ายของคุณแล้วล่ะก็คงจะต้องซื้อมาเพิ่มอีกสักสองเล่ม เอาแค่เรื่องวีรกรรมด้านความเจ้าชู้ประตูดิน หรือจะเอาเรื่องความกร่างโกร่งเวลาอยู่ในโลกภายนอก คุณบันทึกเอาไว้ด้วยท่าทีเป็นมิตร ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณเกลียดหมอนี่ แม้กระทั่งตัวคุณเองก็ยังเผลอคิดว่ามีความรู้สึกดีให้แก่เจ้านั่น แทบจะเบรกเอาไว้ไม่ทัน คุณโล่งใจที่คิดได้
ก็ทำไมล่ะ ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม จะด้วยโชคชะตาหรือหัวหน้าเล่นตลกก็ช่าง คุณถูกจับให้ทำงานคู่กับเจ้านี่เสมอมา ความเสนอหน้าในทุกที่ของมันขวางหูขวางตาคุณอย่างยิ่ง บ่อยครั้งเวลาที่กินข้าว หัวคุณไม่เคยว่างเพราะเอาแต่คิดถึงพฤติกรรมที่ว่าของบุคคลที่ว่า ร่วมกับความไม่เข้าใจที่ทำไมเจ้านี่ถึงได้มาทำงานในตำแหน่งที่สำคัญ บริษัทอยู่บนบ่าแท้ๆ คุณได้แต่ส่ายหน้ารำพึงรำพัน ก่นด่าหัวหน้าว่าปัญญาอ่อน ไม่ใช่แค่เจ้านี่เท่านั้นที่ควรพัง แต่ไอ้คนที่รับมันเข้ามาร่วมทีมด้วยนั่นแหละที่ควรจะไปตาย คุณยักไหล่ พ่นบุหรี่ขึ้นฟ้า ถุยน้ำลายลงพื้นโดยไม่ลืมหลบเงาของตัวเอง
นั่นไง เอาอีกแล้ว คุณเห็นเจ้านั่นเดินไปมา กระริ้มกระเรี่ยคนไปเรื่อย จากตรงนี้คุณไม่ได้ยินอะไรหรอก แต่คุณรู้ว่ามันกำลังทำอะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน คุณเห็นแม้กระทั่งสีหน้าเวลามันคุยกับผู้หญิง เปรียบเทียบกับผู้ชายเท่าที่คุณเคยเห็น โธ่ คุณส่ายหน้าอีกครั้ง จับเมาส์ทำงานต่อ
ในวงเหล้า นับครั้งไม่ถ้วนที่คุณชวนเพื่อนร่วมแผนกคุยว่าเจ้านี่มันช่างน่าสมเพช พฤติกรรมแบบนี้มันก็เหมือนคนเมาเหล้า ไม่ต่างจากเราในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เสียงหัวเราะโห่ฮาบังเกิดขึ้นทันใดจากคำของคุณ จากนั้นหัวข้อของการพูดคุยก็สามัคคีอย่างไม่น่าเชื่อ คุณคิดว่าถ้าเวลาประชุมแล้วทุกคนมีเป้าหมายอย่างนี้ บริษัทน่าจะกำรี้กำไรอย่างหนัก โบนัสห้าหกเดือนไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
จนเมื่อคุณรู้สึกตัวว่ามีคนเยอะไปแล้วที่เกลียดเจ้าหมอนี่ ตอนนั้นเองที่คุณเริ่มคิด ไตร่ตรอง และตัดสินใจว่าจะเลิกเหม็นขี้หน้าบุคคลนี้ เพราะมันชักจะทูเมนสตรีม
เช้าวันถัดมา คุณเริ่มตั้งสเสตัสเข้าข้างพฤติกรรมเพ้อเจ้อของเจ้านั่น พิมพ์อวยอย่างเลื่อนลอยโดยไม่ระบุว่าใคร เกรงว่าใครมารู้เข้าตอนนี้แล้วจะเสียพรรคเสียพวก คนอย่างคุณนี่นะที่เคยเป็นหัวโจกในการต่อต้านและนินทาลับหลัง ตอนนี้จะพลิกฝ่ามือหันมาเข้าข้าง—และเป็นตอนนี้นี่เองที่คุณเดินเข้าไปตบไหล่ให้กำลังใจ คุณยกย่องเขา สะกดตัวเองว่ารู้สึกอย่างนั้นเต็มหัวใจ คุณเริ่มบอกกับทุกคนด้วยสาเหตุใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงความรู้สึก เล่าได้เป็นฉากเป็นตอน ในสังคมแห่งการนินทาลับหลังและด่าอย่างเลื่อนลอย คุณจมูกไวจับกลิ่นได้รวดเร็ว กลายเป็นสงครามเย็นบนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอีกมากมาย คุณตั้งตัวเป็นคู่กรณีของคนทั้งบริษัท เจ้าพวกนี้มันไร้สาระ ตั้งแง่ และเต็มไปด้วยอคติ คุณยืดอกและรู้สึกว่าเป็นคนดีขึ้นมา กลายเป็นคนหมู่น้อยที่โลกต้องโฟกัส ไม่ใช่คนส่วนมาก คุณจะไม่อยู่ฝ่ายที่เป็นกระแสหลัก ไม่มีทาง
ผ่านไปไม่นาน คุณเริ่มท่องได้แล้วว่าจะอวยเจ้านั่นว่าอะไร คุณเริ่มหาเหตุผลที่ดีขึ้น เฉียบคมขึ้น และน่าเชื่อถือขึ้น ในวงเหล้าอีกหลายครั้ง คุณเริ่มเบ้ปาก จิบเหล้าคำใหญ่ วงสนทนานี้เริ่มน่าเบื่อเมื่อเจ้านั่นถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง คุณอยากจะงัดเหตุผลสิบอย่างขึ้นมาเข้าข้าง แต่ยังสงวนท่าทีเอาไว้ ไม่พูดออกไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกชั้นต่ำที่ช่างไม่เข้าใจอะไร
จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีใครอีกสองสามคนเริ่มพูดถึงเขาในแง่อีกครั้ง วันนั้นเองที่คุณเริ่มได้กลิ่น และเริ่มเหม็นขี้หน้าเจ้านั่นอีกครั้ง
ในมุมมืด คุณสูบบุหรี่เข้าเต็มปอด พ่นมันขึ้นฟ้า แล้วเริ่มคิดถึงเหตุผลสารพัด ถ่มมันลงพื้น
โดยหลบเงาของตัวเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in