หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
ผู้แต่ง : แกเบรียล เซวิน
ผู้แปล : อภิญญา ธโนปจัย
ราคา : 225 บาท
เอาตามตรงก็คือสอยเล่มนี้มาเพราะ #เซียวจ้านอ่าน จ้าา ไม่คิดเยอะ55555555
ไม่ได้อ่านรีวิวหรืออะไรมาก่อน แค่อยากรู้ว่าหนังสือที่พี่จ้านอ่านจะเป็นสไตล์ไหน ก็เลยซื้อเล่มนี้มา
เป็นเรื่องราวของ เอ.เจ. ชายเจ้าของร้านหนังสือที่ดูจะปลง ๆ กับชีวิตบัดซบของตัวเอง เมียก็เพิ่งตายได้ไม่นาน แถมยังเป็นช่วงที่ยอดขายในร้านตกต่ำ ความปลงความเซ็งทำให้นางเอาแต่เมาอ้วกไปวัน ๆ วางแผนไว้ว่าจะเอาหนังสือหายากที่เก็บเอาไว้มาประมูลแล้วก็พักไปใช้บั้นปลายที่เหลือ แต่ไอ้หนังสือเล่มนั้นดันมาหายไปอีก แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งเข้ามาทำให้ชีวิตเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ของพ่อหม้ายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อาจจะมีสปอยล์บางตอน ควรระวังสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านนะคะ
แรกเริ่มเราอาจจะได้เจอกับผู้ชายปากไม่ดีคนนึงที่จ้องจะขวางโลกขวางชาวบ้านเค้าไปเรื่อย ทั้งรสนิยมการอ่านที่ไอ้นั่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ชอบ จนน่าจะไม่เหลืออะไรให้นางอ่าน หรือการบ่นลูกค้าคนโน้นคนนี้ในใจไปวัน ๆ แต่เมื่อมีจุดเปลี่ยนเข้ามาในชีวิตทำให้การใช้ชีวิต การมองโลกและนิสัยใจคอค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ส่วนตัวเรารู้สึกได้ว่าเป็นหนังสือที่ควรอ่านในช่วงกักตัว ช่วงที่ต้องอยู่บ้านยาว ๆ จนไม่เหลืออะไรให้ทำแบบนี้นะ
คือบางทีการต้องทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ ไปแบบไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร (เช่นการนอนตบยุงอยู่บ้านไปวัน ๆ เพราะไม่มีงานทำ และอิรัฐบาลก็แก้ปัญหาโควิดไม่ได้ซักที) มันทำให้เราฟุ้งซ่านเป็นบ้า และถึงจุด ๆ นึงอยู่ดี ๆ ก็คิดว่าตัวเองไม่มีค่าไม่มีเป้าหมายอะไรทั้งนั้น
เราว่ามันคล้ายกับชีวิตขอบเอ.เจ. ตัวหลักในเรื่อง คนที่เพิ่งเจอจุดเปลี่ยนของชีวิตมา คนรักที่สร้างตัวด้วยกันมาดันมาตายจากไปก่อน Passion อะไรที่เคยมีมันก็ไม่เหลือแล้ว มันทำให้เอ.เจ.ไม่ได้มองถึงอนาคตของตัวเองเท่าไร ใช้ชีวิตลูปเดิมไปเรื่อย ๆ เหมือนรอวันตาย
แต่เมื่อมีจุดเปลี่ยนเข้ามา คือเด็กน้อยคนนึงที่ถูกทิ้งไว้ให้เขาเลี้ยง กลายเป็นจุดที่ทำให้เขาเริ่มหันมาคิดว่าควรจะทำอะไรดี ทำอะไรก่อนหลัง ควรจะหันไปปรึกษาใคร และสานสัมพันธ์กับใคร
พอมีเป้าหมายแล้วชีวิตก็จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปนั่นแหละ
และก็ไม่ใช่เด็กน้อยคนเดียวที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเอ.เจ.เปลี่ยนไป แต่ยังมีเซลล์ขายหนังสืออีกคนที่ทำให้เราเข้าใจคำว่า "เรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้น ก็เป็นผลมาจากการทำอะไรถูกที่ถูกเวลานี่แหละ" ที่อยู่บนปกหลังของหนังสือมากขึ้น ในทุกความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องนี้ล้วนโยงกับคำว่า ถูกที่ถูกเวลา ทั้งหมด การเจอคนรสนิยมเดียวกันชอบอะไรเหมือนกันและคุยกันรู้เรื่องก็เป็นอีกจุดสำคัญของทุกความสัมพันธ์ ไม่แพ้กับถูกที่ถูกเวลาเลย
ประเด็นที่ทำให้เราประทับใจมาก ๆ เลยคือทัศนคติของเอ.เจ. ถึงแม้นางจะดูแข็งกระด้าง ชอบฉอดเรื่องหนังสือ แต่นางก็มองโลกแบบที่ควรจะเป็นนะ อย่างตอนที่พี่สะใภ้แนะนำให้เอ.เจ.พาลูกสาวบุญธรรมไปเรียนคอร์สเต้นรำเพื่อบุคลิกภาพและเข้าสังคม เขาก็มีความเห็นว่ามันเป็นแนวคิดที่เก่าไปแล้วแถมยังเป็นการเหยียดเพศอีกต่างหาก (ทำไมเด็กผู้หญิงต้องเรียนการเข้าสังคม แล้วทำไมเด็กผู้ชายไม่ต้องเรียนล่ะ?) อีกมุมนึงคงเพราะเอ.เจ.รู้ว่าลูกคงไม่ชอบอะไรแบบนั้น เขารู้ว่าลูกเอนจอยกับการอยู่กับหนังสือมากกว่า หรือจะเป็นตอนที่เขาพยายามแนะนำหนังสือให้ลูกอ่านโดยเน้นเนื้อหา Feminist รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ที่ใส่เข้ามาทำให้ตัวละครเอ.เจ.เป็นคนที่น่าสนใจอีกคนนึงเลยนะ
กับอีกอย่างที่ชอบก็คือการใส่ชื่อนักเขียน ชื่อนิยาย ชื่อหนังสือเข้ามาในเรื่อง ถึงแม้ว่าอ่านไปเราจะไม่รู้จักหนังสือพวกนั้นเลยซักเล่ม (ยกเว้นแฮร์รี่ พอตเตอร์) ไม่รู้จักนักเขียนเลยซักคน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราโดนผลักออกมาจากเรื่อง เพราะมันเป็นการพูดที่ถูกบริบท ไม่เสียอรรถรส (ส่วนตัวค่อนข้างกลัวประเด็นนี้ เพราะเคยอ่านหนังสือที่พูดถึงแต่นักเขียน งานเขียนที่เราไม่รู้จัก และมันมากไปจนเราไม่เข้าใจอะไรเลย เหมือนอ่านผ่าน ๆ ไป แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น)
ยังมีอีกหลายอย่างมากที่อยากให้ไปอ่านกันเอง
เอาเป็นว่ามันเป็นนิยายฟีลกู๊ดเรื่องหนึ่งที่ทุกคนควรจะอ่าน เพราะอย่างน้อยเราต้องได้ประเด็นดี ๆ โคว้ทเด็ด ๆ ซักอันจากเรื่องนี้แน่ ๆ จากใจคนที่ชอบเข้าไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือ คือเราชอบเรื่องนี้มาก
อีกอย่างคือคนอ่านหนังสือเล่มนี้นี่ดูหล่อขึ้นอีกร้อยเท่าเลยค่าาา ฮือ พี่จ้าน~
.
"ผู้คนมักโกหกแต่เรื่องน่าเบื่ิอ ๆ อย่างการเมือง พระเจ้า หรือความรัก แต่ลูกจะรู้จักทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับคนคนหนึ่งได้ในทันทีเพียงให้เขาตอบคำถามนี้ หนังสือเล่มโปรดของคุณคือเล่มไหน"
"ไม่รู้สิ ไอ้เรื่องที่จะให้เด็กผู้หญิงลงเรียนคอร์สเต้นรำเนี่ย ผมว่าความคิดแบบนี้มันล้าสมัยแล้วก็เหยียดเพศไปหน่อยไหม"
"สถานที่จะไม่ใช่สถานที่ หากไม่มีร้านหนังสือ"
#squarread
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in