เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
oh darling you look like christmas morningTippuri~ii*
chapter 3
  • chapter 3         

     

     

     

     

    ในสถานการณ์ที่พอจะรู้รำไรว่าชีวิตตนกำลังจะถลำลงสู่ความสับสนอันชวนให้เป็นบ้าตาย…อีซึงกิลก็เลือกจะทำสิ่งที่ผู้ใหญ่อายุยี่สิบปีทุกคนจะพึงทำ ซึ่งนั่นก็คือการปฏิเสธความจริงอย่างเต็มรูปแบบทุกวิถีทาง

     

     

     

     

     

    นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้ย่างกรายเข้าไปในร้านสตาร์บัคส์เลยตั้งแต่วันเปปเปอร์มิ้นต์มอคค่าวันนั้น และชายหนุ่มก็ตั้งใจไว้ด้วยว่าจะไม่เข้าไปอีกแล้วตราบใตที่ยังไม่เลิกรู้สึกตลกๆ ไร้สาระแบบนี้ หากความตั้งใจนี้ก็มีอันได้พังครืนในวันเสาร์นั้นนั่นเอง…เพราะหลังจากชั่วโมงของการติวหนังสือด้วยกันที่ห้องสมุด เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มก็เสนอขึ้นมาตอนเดินออกจากมหาวิทยาลัย

     

     

     

     

     

    “แวะสตาร์บัคส์กันเถอะ!”

     

     

     

     

     

    ซึงกิลคิดจะถอนตัว แต่เพื่อนทุกคนก็ส่งเสียงตกลงกันหมด นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มได้แต่ปล่อยเลยตามเลยแล้วพยักหน้าเงียบๆ ตามไปด้วย

     

     

     

     

     

    เพราะยังไงนี่มันก็คือตอนบ่ายวันเสาร์นี่นา เขาคิด ไม่ใช่ช่วงเช้าของวันธรรมดาสักหน่อย

     

     

     

     

     

    บอกตัวเองต่อด้วยว่าเสียงแผ่วเบาของความคาดหวังไม่ได้ดังจางๆ ขึ้นมาในใจเลยสักนิด

     

     

     

     

     

    เสียงพูดคุยพึมๆ กับกลิ่นกาแฟอุ่นอวลเป็นสองสิ่งที่ทักทายมาเมื่อก้าวเข้าไปในร้าน วันเสาร์เช่นนี้มีคนนั่งกันอยู่จนเต็มทุกโต๊ะ แต่ก็ไม่ได้มีบรรยากาศกระชั้นชิดจนชวนให้สติแตกแบบในชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้า…นั่นเองจึงทำให้ซึงกิลยืนรั้งท้าย ตั้งใจว่าแค่จะรอให้เพื่อนเลือกกาแฟกันไปเท่านั้น เพราะเขาไม่มีความคิดในการจะสั่งอะไรเลยอยู่แล้วมาตั้งแต่ต้น

     

     

     

     

     

    และเพราะกำลังเหม่ออยู่ตามนิสัยนั่นเอง ที่ทำให้ซึงกิลรู้สึกเหมือนมีประกายไฟฟ้าแล่นปราดผ่านร่างไปเลยตอนได้ยินเสียงร้องทัก

     

     

     

     

     

    “อ้าว? สวัสดีครับ!”

     

     

     

     

     

    ไม่นะไม่นะไม่นะ…

     

     

     

     

     

    หากซึงกิลก็รู้ดีว่าความหวังของตนไม่มีวันเป็นจริง…เขารู้ก่อนจะหันไปเห็นจริงๆ เสียอีกว่าตนจะได้พบกับอะไร

     

     

     

     

     

    คำทักร่าเริง…ดวงตาคู่โต…หนุ่มน้อยผมสั้นในชุดเครื่องแบบสีดำกับผ้ากันเปื้อนเขียวเข้มธรรมดาหากกลับยิ้มได้สดใสเหลือใจคนนั้นกำลังมองมาจากหลังเคาเตอร์แคชเชียร์

     

     

     

     

     

    “วันนี้ก็มาด้วยเหรอครับ?” คำทักทายนั้นบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวจำเขาได้แล้ว “สั่งไปรึยังครับเนี่ย?”

     

     

     

     

     

    ซึงกิลส่ายหน้า “ไม่ล่ะ…ฉันกินกาแฟแค่ตอนมีเรียนมากกว่า”

     

     

     

     

     

    “อ๋อครับ” พิชิตหยักหน้าหงึกๆ…ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ผมนึกว่าคุณจะลองมัทฉะลาเต้ตัวใหม่น่ะครับ…แบบว่าจะได้ลองเมนูคริสต์มาสจนครบเลยอะไรแบบนี้…”

     

     

     

     

     

    “ไม่เอาล่ะ” ซึงกิลส่ายหน้าได้ง่ายในครั้งนี้ เพราะเขาได้ลองอ่านส่วนผสมของมัทฉะลาเต้เมนูใหม่นี้แล้ว และไม่รู้สึกเลยสักนิดเดียวว่ามันจะรสชาติเข้าท่า “ฉันไม่ค่อยอยากลองตัวนั้นเท่าไหร่เลย”

     

     

     

     

     

    “ทำไมล่ะครับ เพื่อนๆ ผมเขาก็ชอบกันนะ” พิชิตหัวเราะ “ผมชิมแล้วทีแรกก็ว่าแปลกๆ แหละ แต่ไปๆ ก็ชอบนะ”

     

     

     

     

     

    รอยยิ้มครั้งนี้ไม่กว้างขวางอย่างทุกที…เรียวปากถูกเม้มนิดๆ ด้วยซ้ำ ราวกับขบขันปนขัดเขินนิดๆ

     

     

     

     

     

    “…เลยคิดว่าเผื่อคุณลองแล้วจะชอบขึ้นมาด้วยไงครับ”

     

     

     

     

     

    ตัดสินจากความสามารถในการขายตรงราวกับบ้านติดหนี้สตาร์บัคส์ไว้ของเจ้าตัว…ซึงกิลมั่นใจชอบกลแล้วว่าพิชิตคงเป็นพนักงานระดับมงกุฎแพลตตินั่มของสาขานี้แน่นอน เพราะตอนที่รู้ตัว…เขาก็กำลังยื่นมือออกไปรับถ้วยมัทฉะลาเต้ที่มีไซรัปสีแดงสดวาดเป็นวงอยู่บนวิปครีมอยู่

     

     

     

     

     

    “แบบหวานน้อยนะครับ” รอยยิ้มของคนชงนั้นสดใสพอๆ กับน้ำเสียง

     

     

     

     

     

    ซึงกิลลองชิมมันตรงนั้นเลย ก่อนจะตวัดตามองอีกฝ่าย…สายตาบู้บี้อย่างคาดโทษนั่นทำให้พิชิตกระพริบตาตอบเล็กน้อย ก่อนจะหลุดหัวเราะพรืดออกมา

     

     

     

     

     

    “โอ๊ะ! โทษทีครับ—” มือเรียวรีบยกขึ้นมาปิดปากตัวเอง แต่ก็ยังหลุดหัวเราะใหม่อยู่ดี “โอ๊ย…ไม่ชอบเลยเหรอครับ?”

     

     

     

     

     

    ซึงกิลไม่มีคำอื่นให้รสชาติของชาเขียวกับซอสผลไม้ที่ปนกันนอกจากคำนี้ “ไม่อร่อยเลยสักนิดเดียว…”

     

     

     

     

     

    “หวา~ ขอโทษษษ~”

     

     

     

     

     

    พิชิตโบกไม้โบกมือ ซึงกิลพยายายมจะรู้สึกโมโห แต่ก็ยากมากด้วยภาพของรอยยิ้มที่ได้เห็น…และก็ยากมากขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายเดินไปทางตู้เบเกอรี่แล้วเดินกลับมาพร้อมถุงกระดาษในมือ

     

     

     

     

     

    “ให้อันนี้กลับบ้านนะครับ” พิชิตส่งห่อเล็กๆ นั้นมาให้ “ฟรีเลยครับ…ถือว่าผมชดเชยเรื่องลาเต้นะ”

     

     

     

     

     

    ซึงกิลไม่ได้มีโอกาสจะปฏิเสธด้วยซ้ำเพราะมีลูกค้าใหม่ร้องเรียกมาจากเคาเตอร์สั่งกาแฟ ทำให้บาริสต้าคนเก่งรีบยัดห่อกระดาษนั่นใส่มือเขาแล้วถลาไปทางตู้แคชเชียร์ ร้องบอกสั้นๆ ทิ้งท้าย

     

     

     

     

     

    “แล้วเจอกันใหม่นะครับ!”

     

     

     

     

     

    ซึงกิลเปิดห่อกระดาษนั่นดูระหว่างทางหลังจากจัดการมัทฉะลาเต้รสชาติพิลึกกึกกือหมด…สิ่งที่พิชิตให้เขามาคือเรดเวลเว็ทวูปปี้พายชิ้นกลมๆ สีแดงสด

     

     

     

     

     

    และหลังจากที่จัดการขนมที่ได้รับมาจนสามารถโยนทั้งห่อกระดาษและถ้วยกาแฟทิ้งขยะได้แล้วนั่นเองที่อีซึงกิลถึงเพิ่งตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง

     

     

     

     

     

    เขาคือมนุษย์ผู้ไม่ชอบกินกาแฟ ข้อเท็จจริงในชีวิตที่จริงๆ ตอนนี้ต้องเติมต่อให้จบแล้วถึงจะครบถ้วน เขาคือมนุษย์ผู้ไม่ชอบกินกาแฟแต่ชิมเมนูคริสต์มาสครบหมดแล้วในเวลาไม่ถึงสัปดาห์เพราะรอยยิ้มของบาริสต้าคนหนึ่งเท่านั้น

     

     

     

     

     

    เรียวปากของซึงกิลเม้มเป็นสีหน้าบู้บี้ทันควันอย่างอยากจะบ้าตาย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    tbc.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in