ซึงกิลได้มีเลคเชอร์ในชั่วโมงช่วงเช้านรกแตกอีกครั้งในอีกสองวันถัดมา และนั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มได้มีโอกาสมายืนในแถวอันยาวเหยียดของสตาร์บัคส์สาขาเดิมอีกครั้ง
สาขานี้เป็นสาขาใหญ่และมีพนักงานหลายคน…สาขานี้เป็นสาขาใหญ่และมีพนักงานหลายคน…สาขานี้เป็นสาขาใหญ่และมีพนักงานหลายคน…
เขาคิดกับตัวเองอย่างซ้ำไปซ้ำมาเกินความจำเป็น และย้ำในหัวด้วยว่าตนไม่ได้กำลังคาดหวังอะไรอยู่ซักกะติ๊ด…จึงสามารถมีสีหน้านิ่งสนิทได้อยู่ตอนที่ก้าวไปถึงเคาเตอร์แล้วได้ยินและได้เห็นบาริสต้าคนเดิมกับเมื่อสองวันก่อน
“สวัสดีครับ!” สำหรับคนที่น่าจะต้องตื่นช่วงตีห้าเมื่อมาเปิดร้านให้ทันตอนเช้า…พิชิตมีสีหน้าสดใสจนเกินไปมากมายนัก เจ้าตัวส่งยิ้มกว้างมาให้จนตาหยี “รับเป็นอะไรดีครับ?”
ซึงกิลรู้สึกในวินาทีนั้นเองว่าเหมือนตนได้เห็นพระอาทิตย์จัดจ้าทั้งๆ ที่นี่คือเดือนธันวาคมแล้ว “แซนด์วิชไก่รมควัน…”
“ได้เลยครับ” หนุ่มน้อยรัวปลายนิ้วบนหน้าจอ ก่อนจะถามต่อ “กาแฟด้วยมั้ยครับ?”
“ที่นายแนะนำวันนั้นก็โอเคนะ แต่ฉัน—” หลุดปากออกไปแล้วถึงเพิ่งนึกได้ สตาร์บัคส์นี้มีลูกค้าเกินร้อยคนต่อวันอยู่แล้ว…จะเป็นไปได้ที่ไหนกันที่อีกฝ่ายจะมาจำได้ “อ๋อ โทษที…”
หากดวงตาโตสีดำคู่นั้นก็จ้องเป๋งมา เหมือนได้ยินเสียงฟันเฟืองในหัวเจ้าตัวเคลื่อนที่เข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยซ้ำก่อนที่แววตาจะเป็นประกายวาบขึ้น “อ๋อ! คุณท็อฟฟี่นัทลาเต้!!”
ซึงกิลไม่รู้ว่าตนควรจะทำหน้าแบบไหนดีกับชื่อเรียกนี้ และพิชิตก็ตีความอาการชะงักของเขาพร้อมสติแตกเสร็จสรรพในเสี้ยววินาที
“หวา!! ขอโทษครับ!!!” สองมือโดนโบกพั่บๆ ไปมา ผิวแก้มสีแทนดูเจือสีแดงก่ำชอบกล “คือว่า…ผมเจอลูกค้าเป็นคนเอเชียด้วยกันไม่ค่อยบ่อยน่ะครับ เลยจำคุณได้”
ซึงกิลส่ายหน้าพร้อมพูดเรียบๆ ว่าตนไม่ได้ถือสาอะไร ก่อนจะบอกง่ายๆ “กาแฟไม่ต้องหรอก”
“ไม่ลองนี่ล่ะครับ…เปปเปอร์มิ้นต์มอคค่าไง” พิชิตพยักเพยิดไปที่ป้ายเมนู “มีขายแค่ช่วงคริสต์มาสเหมือนกันกับท็อฟฟี่นัทลาเต้นะครับ พ้นช่วงนี้ไปไม่มีแล้วนะ”
ฉันไม่ได้ชอบท็อฟฟี่นัทลาเต้ ซึงกิลตอบกลับในหัว ก่อนเพิ่มเติมให้ครบถ้วนขึ้น ฉันไม่ได้ชอบกินกาแฟด้วยซ้ำ
พิชิตกระพริบตานิดๆ ในความเงียบ ก่อนที่สุดท้ายจะรีบตัดบทอย่างมีมารยาทด้วยตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นก็จะมีแซนด์วิช—”
“เอาเปปเปอร์มิ้นต์อะไรนั่นมาด้วยละกัน” หนุ่มเกาหลีได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป “ถ้วยกลางแบบร้อนนะ”
ซึงกิลคิดว่าพิชิตควรจะหยุดยิ้มกว้างจนตาหยีเหมือนเขาทำให้โลกทั้งใบของเจ้าตัวสว่างไสวขึ้นแค่เพียงเพราะสั่งกาแฟเพิ่มอีกถ้วยแบบนี้เสียที เพราะมันทำให้เขาสับสนปนอยากคำรามฮึ่มๆ มาก
หนุ่มเกาหลีพิมพ์แชทบอกให้เพื่อนช่วยจองที่นั่งให้ด้วยในระหว่างที่รอของที่สั่งไป ก่อนที่จะเงยหน้าตามเสียงเรียก
“หมายเลข 91…ออเดอร์ของคุณอีซึงกิลได้แล้วครับ”
หนุ่มเกาหลียัดมือถือกลับเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วเดินไปที่ปลายเคาเตอร์…เป็นอีกครั้งแล้วที่พิชิตเปลี่ยนจากการรับออเดอร์มาทำหน้าที่บาริสต้าเฉพาะกิจ รอยยิ้มสดใสที่ตอนนี้คุ้นตาแล้วถูกมอบให้พร้อมๆ กับถ้วยกาแฟและถุงแซนด์วิช ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยเสริมเมื่อนึกขึ้นได้
“เออใช่” มือถูกยกขึ้นมาเกาๆ หัวนิดหน่อยแก้เกี้ยว “ผมชงแบบหวานน้อยให้นะครับ แต่ถ้าจะให้ผมเพิ่มไซรัปให้ตอนนี้ก็ได้นะ…”
นั่นเองที่ทำให้ซึงกิลถึงนึกได้…ตนไม่ได้บอกอีกฝ่ายตอนสั่งอย่างเมื่อวันก่อนว่าให้ชงแบบหวานน้อย
“ไม่เป็นไรล่ะ ฉันลืมบอกเอง ขอบคุณนะ” เขารับถ้วยกาแฟมา พยักหน้านิดๆ เป็นเชิงลา
“ยินดีครับ” บาริสต้าคนเก่งยิ้มทิ้งท้ายมาให้อีกที “แล้วเจอกันใหม่นะครับ!”
เปปเปอร์มิ้นต์มอคค่าแบบหวานน้อยก็ยังคงหวานเกินไปหน่อยสำหรับซึงกิลอยู่ดี รสชาติที่เหมือนกันเป๊ะกับหายนะที่กำลังเดินหน้าพังสติของเขามาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน
หากนั่นก็ไม่ได้หยุดหนุ่มเกาหลีไว้จากการจัดการกาแฟเจือกลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์กับช็อกโกแล็ตนี่จนหมดถ้วยอยู่ดี
tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in